บึ้ม-คาร์บอมบ์ถล่ม‘นราฯ-ปัตตานี’
ใต้ป่วนหนัก!
ตาย5ศพ-บาดเจ็บระนาว13ราย
มทภ.4สั่งปรับแผนรับมือ
สว.เย้ยการข่าวล้มเหลว
กอ.รมน.สรุปเหตุป่วนใต้ 2 จว. “นราฯ-ปัตตานี” 6 จุด คนร้ายเหิมซุ่มยิง-ปาระเบิด-คาร์บอมบ์ ปชช.เจ็บ-เจ้าหน้าที่พลีชีพ 5 ศพ กลาโหมแสดงความเสียใจ ตาย 5-เจ็บ 13 ราย ขอช่วยกัน “ประณาม” กลุ่มก่อเหตุสั่งคุมเข้มพื้นที่ ป้องกันเหตุซ้ำ ด้าน มทภ.4 บินด่วนอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประชุม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจปกครอง ติดตามสถานการณ์ สั่งทบทวนแผนปฏิบัติการ เน้นย้ำรักษาความปลอดภัยเขตเมือง สถานที่ราชการสำคัญ
เมื่อวันที่ 9มีนาคม2568 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) รายงานชี้แจงเหตุในพื้นที่สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดีว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบยิงและวางระเบิดหลายจุด ทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ขณะอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางไปละหมาดในจ.นราธิวาส และจ.ปัตตานี
ป่วนนราฯ4จุด-ตาย2เจ็บ11
จากเหตุการณ์ช่วงค่ำวันที่ 8 มีนาคม เกิดเหตุลอบยิงและเหตุวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส 4 จุด และจังหวัดปัตตานี 2 จุด มีรายละเอียดดังนี้ จ.นราธิวาส 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก เกิดเหตุเวลา 19.10 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-Max สีบรอนซ์เงิน บรรทุกคนร้ายสวมชุดดาวะสีดำเต็มคันรถ ขว้างระเบิดแสวงเครื่องใส่ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางละหมาดในเวลาดังกล่าว ต่อมาคนร้ายได้หลบหนีไป ก่อนเกิดเหตุระเบิดด้วยรถยนต์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องและรถจักรยานยนต์ประกอบระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณจุดตรวจหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก
จุดที่ 2 เกิดเหตุระเบิดบริเวณถนนอรกานต์ ใกล้รางรถไฟเวลา 19.28 น.จุดที่ 3 เกิดเหตุระเบิดบริเวณบนถนนหน้า Big C สาขาสุไหงโก-ลกเวลา 19.30 น.จุดที่ 4 เกิดเหตุระเบิดเสาไฟฟ้า บริเวณหัวสะพานตลิ่งสูง ก่อนถึงโรงเรียนบ้านตลิ่งสูง หมู่ที่ 9 บ้านตลิ่งสูง ตำบลสุไหงปาดี อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้เสาไฟฟ้าทั้ง 2 ต้นหัก เหตุเกิดเวลา 19.52 น.
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 คน ดังนี้- ผู้เสียชีวิต 2 ราย
1.นายหมู่ใหญ่ มูฮำหมัดซับรี นะสวัน2.สมาชิกอาสารักษาดินแดน ทศพล พายพิมพ์ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 รายได้แก่1.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ณรงค์ชัย รัดรึงสุนทรี2.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน มัสรัน อารง3.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อีซูวัน บินมะมิง4.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน มะดารี ตาเยะ5.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อภิชัย บุตจีน6.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซุลกิฟลี วาจิ7.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ธวัชชัย ไชยศรี8.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กำทร วงศ์นคร ขณะที่ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บมี 3 คน1.นายจิรภัทร อาแวสือแม2.นางรัชนีวรรณ จุ้ยทอง3.นายสงกรานต์ ยูโซะ
ปัตตานีลอบยิง/บึ้ม2จุดตาย3-เจ็บ1
ด้านพื้นที่จังหวัดปัตตานีเกิดเหตุรุนแรง 2 จุดคือ จุดที่ 1 เวลา 18.00 น. เกิดเหตุลอบยิงชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4411หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 บริเวณ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4074 บ้านฮูแตกอแล หมู่ที่ 3 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จุดที่ 2 เวลา 23.20 น. เกิดเหตุลอบวางระเบิดบริเวณศาลา ในพื้นที่ บ้านฮูแตกอแล หมู่ที่ 3 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
โดยผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย 1.อาสาสมัครทหารพราน สมัย บุญยงค์ อายุ 46 ปี ภูมิลำเนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์2.นายมะรอมลี มะยะเด็ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 3.นายอดิศร ดอเลาะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบผู้ได้รับบาดเจ็บ1นายคือนายฮารง เยะและ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยในพื้นที่เข้าประจำจุดตรวจจุดสกัดตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมสั่งการให้หน่วยเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ให้เข้าสู่ภาวะปกติ อย่างเร่งด่วน และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว
บี้มเสาไฟฟ้าที่แว้งไร้เจ็บตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 03.00 น.วันที่ 9 มีนาคม เกิดเหตุระเบิดบริเวณเสาไฟฟ้าข้างถนนบริเวณถนนสายสามแยก – ตาฮิบาเดาะ ในพื้นที่ ม.5 บ้านตาฮิบาเดาะ ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาสโดยบริเวณที่เกิดเหตุ ถนนสายสามแยก – ตาฮิบาเดาะ บ.ตาฮิบาเดาะ ม.5 ต.กายูคละ อ.แว้ง จ.นราธิวาส พิกัด 47N QG 819311 661308 ก่อนถึงโรงเรียนอัณณาคีรีน ประมาณ 200 เมตร สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่ความเสียต่อทรัพย์สินนั้น มีเสาไฟฟ้าจำนวน 1 ต้น ส่วนสาเหตุจากการตรวจสอบเบื้องต้นของการระเบิดนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
มทภ.4บินนราฯถก3ฝ่ายทบทวนแผน
วันเดียวกัน พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค บินด่วนลงพื้นที่อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ประชุมร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ปกครอง ติดตามสถานการณ์ หลังเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ หลายจุดเมื่อคืนวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีพล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือที่ 33 หน่วยกำลัง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ร่วมประชุม สรุปสถานการณ์และรายงานผลกระทบ พร้อมหารือแนวทางการปรับแผนการดูแลพื้นที่อย่างเข้มข้น
ทั้งนี้ หลังรับฟังสรุปสถานการณ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งทบทวนแผนการปฏิบัติ เน้นย้ำแผนรักษาความปลอดภัยเขตเมือง สถานที่ราชการเป็นสำคัญ เพราะจากพฤติการณ์ของกลุ่มเหตุรุนแรงพบมีการวางแผนเตรียมการมาอย่างดี มีกองกำลังและอาวุธพร้อมครบมือ ก่อเหตุอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน แม้เป็นช่วงเดือนรอมฎอนจากนี้ให้ผู้บังคับหน่วยกำชับและแจ้งเตือนหน่วยให้ชัดเจน ให้ลงให้ถึงผู้ปฏิบัติ และให้ปรับแผนปฏิบัติงาน ยกระดับให้รัดกุมรอบคอบ และเสริมการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ และสิ่งสาธารณูปโภค จุดล่อแหลมต่างๆ รวมถึงการดูแลเส้นทางหลักเส้นทางรอง ให้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนประสานกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงเครือข่ายประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่รัฐ แจ้งเบาะแสเมื่อพบสิ่งผิดปกติ
รู้ตัวเจ้าของรถคาร์บอมบ์เร่งขยายผล
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุบริเวณที่ว่าการอำเภอสุไหงโกลก ส่วนรถที่ก่อเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4เผยว่า จากการตรวจสอบพบเป็นรถซื้อมาจากเต็นท์นอกพื้นที่ มีการโอนลอย ตอนนี้รู้แล้วว่าใครเป็นของ จะเร่งขยายผลไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุต่อไป
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน บ.กูวา หมู่5 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ว่า พบรถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน คาดว่าเป็นต้องสงสัย จากการก่อเหตุที่ อ.สุไหง โก-ลก เข้ามาจอดทิ้งไว้ บริเวณ บ.กูวา ต.ริโก๋ ในสวนปาล์มทางไปลูโบ๊ะบาตู หน่วยความมั่นคงเข้าปิดกั้นเส้นทางเพื่อเข้าตรวจสอบแล้ว
นายกฯสั่งเยียวยาเต็มที่
ด้านน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและปัตตานีช่วงค่ำวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบทุกคน เรื่องนี้ต้องมีการเยียวยาต่อไปและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อมูลเพิ่มเติม และจากที่ได้รับรายงานทราบว่ามีผู้เสียชีวิตด้วย 3 ราย และจะให้ทีมงานดูเพิ่มว่าจะต้องดำเนินการตามกระบวนการอย่างไรบ้าง ซึ่งเรื่องความช่วยเหลือและการเยียวยาต้องอย่างเต็มที่
เล็งถกฝ่ายความมั่นคงเพิ่มกำลังคุมเข้ม
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้เป็นช่วงถือศีลอดรอมฎอนชาวมุสลิมอาจต้องมีศาสนกิจช่วงกลางคืนต้องมีการเข้มงวดอย่างไรบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูเพิ่มในเรื่องการเพิ่มกำลังมากขึ้นช่วงกลางคืน แต่ขอไปคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่าเขาวางแผนเพิ่มกำลังมากน้อยแค่ไหน แต่ต้องเพิ่มแน่เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้การเพิ่มกำลังไม่ใช่เฉพาะดูแล แต่เป็นความมั่นคงทางจิตใจให้ประชาชนด้วยว่าเราจะต้องดูแลและเพิ่มมาตรการมากขึ้นส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงนั้น ยังไม่ได้มีการสรุป มีการพูดกันหลายเหตุผล
กห.ขอปชช.ร่วมประณาม
ขณะที่พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อค่ำวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการลอบยิงและลอบวางระเบิดหลายจุดในจ.นราธิวาสและปัตตานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 5รายและได้รับบาดเจ็บ 13รายขณะเดียวกันเดือนรอมฎอน ปี 2568 (ฮิจเราะห์ศักราช 1446) ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิม ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม ตามประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี โดยเดือนรอมฎอนถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ชาวมุสลิมทั่วโลกปฏิบัติศาสนกิจ รักษาศีลอด และทำความดีการก่อเหตุรุนแรงในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์นี้ ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนาและสร้างความสูญเสียอย่างร้ายแรง กระทรวงกลาโหมขอให้พี่ประชาชนร่วมประณามการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี และขอยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า ขอให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างสันติสุขและความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนและจะทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
สว.เย้ยความล้มเหลวของรัฐบาล
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เลขานุการคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ กล่าวถึงการก่อวินาศกรรม จากกองกำลังติดอาวุธ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ซึ่งโจมตีที่ว่าการอำเภอ และ ศาลาประชาคม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน เสียชีวิต 2นายและมีประชาชนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุของความสูญเสียครั้งนี้มาจากความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนี้ 1.ความล้มเหลวด้านการข่าว การที่แนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็น สามารถประกอบกำลังพร้อมระเบิดคาร์บอมบ์ และอาวุธ กำลังคน เข้าโจมที่สถานที่ราชการ และสถานที่อื่นๆรวม 4-5 จุด ต้องมีการเคลื่อนไหว งานการข่าวของเจ้าหน้าที่ต้องมี วันนี้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหน่วยงานต่างๆ เช่น กองข่าว กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตำรวจพื้นที่ ตำรวจสันติบาล ฝ่ายปกครอง สำนักข่าวกรอง ข่าวกรองสำนักนายกฯ เดินกันขวักไขว่ เพื่อทำงานการข่าว และมีงบประมาณในการทำข่าวของหน่วยงานความมั่นคงปีละ 40 ล้าน แต่ทุกหน่วยไม่พบเห็นความเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธ ไม่มีใครได้ระแคะระคาย การเข้าก่อวินาศกรรมของบีอาร์เอ็นในครั้งนี้
2.การรักษาความปลอดภัยของหน่วยที่ตั้ง การรักษาความปลอดภัยในเมืองเศรษฐกิจที่เป็น 8 เมืองหลักในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ล้มเหลว เพราะ อ.สุไหงโก-ลก คือหนึ่งใน 8 หัวเมืองเศรษฐกิจ ที่ก่อนหน้าที่นี้มีการประชุมให้มีการรักษาความปลอดภัยในห้วงของเดือนรอมฎอน แต่จากสภาพที่เห็น ไม่มีอะไรที่เรียกว่ามีการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ แม้แต่สถานที่ราชการ ก็ไม่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด แสดงให้เห็นว่า ทุกหน่วยไม่ได้ให้ความสนใจในการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษในเดือนรอมฏอนแต่อย่างใด 3.กองกำลังพิเศษจากส่วนกลาง ที่ลงมาทำงานในการติดตาม ไล่ล่า กองกำลังติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ใน จ.นราธิวาส ซึ่งติดตามกองกำลังติดอาวุธที่วางระเบิด และยิงครู ตชด.สองพ่อลูก ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ผ่านมาแล้ว 2 เดือน ยังไล่ล่าไม่พบกับกองกำลังติดอาวุธ ที่มีอยู่เพียง 7 - 8 คน ที่เคลื่อนไหวอยู่ในเทือกเขาตะเว ก็ยังไล่ไม่จบ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในด้านยุทธวิธี ในการรบแบบสงครามกองโจร
4.ก่อนที่จะถึงเดือดรอมฎอน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่รัฐบาลแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพคนใหม่ แทน นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบกับแกนนำของขบวนการบีอาร์เอ็นและผู้นำศาสนาที่มีความสัมพันธ์กับขบวนการบีอาร์เอ็น รวมทั้งเดินทางไปยังรัฐกลันตัน เพื่อพบกับแกนนำฝ่ายการเมืองของบีอาร์เอ็น เพื่อขอความร่วมมือให้ 30 วัน ของเดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งสันติ เช่นเดียวกับที่มีตัวแทนของ สมช.ก็มีการเข้าไปที่รัฐกลันตัน ขอพบกับแกนนำของบีอาร์เอ็น เพื่อขอให้อย่ามีการก่อการร้ายในเดือนรอมฎอน โดยมีการรับปากว่าจะให้ความร่วมมือ
แต่จากปฏิบัติการเมื่อคืนวันที่ 8 มี.ค.ทั้งที่ อ.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงปาดี และที่ อ.สายบุรี โดยที่ อ.สายบุรี มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต จำนวน 3 นาย แสดงให้เห็นว่า การพูดคุยกับแกนนำฝ่ายการเมืองของบีอาร์เอ็น และการพูดคุยกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ ไร้ผล เพราะบีอาร์เอ็นที่กุมอำนาจฝ่ายทหาร ที่มี นายนิเซะ นิฮะ เป็นผู้นำ ไม่เห็นด้วย และได้แสดงออกโดยการก่อเหตุครั้งใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการส่งสัญญาณด้วยการขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่จุดตรวจตำรวจ สภ.เมืองยะลา ในถนนพาดรถไฟ เขตเทศบาลเมืองยะลา ทำให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 5 คน และมีการขว้างระบิดใส่วัดคูหาภิมุข ต.ท่าสาป จ.ยะลา มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 คน แต่หลังจากเกิดเหตุ หน่วยงานของรัฐก็ไม่ได้มีการป้องกันหน่วยเป็นพิเศษแต่อย่างใด โดยข้อเท็จจริง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และรบพิเศษ ที่ถูกส่งมาสนับสนุนภารกิจของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รวมทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครอง ต่างรู้ดีว่า
เดือนรอมฎอนจ้องก่อเหตุอยู่แล้ว
ในห้วงของเดือนรอมฎอน บีอาร์เอ็นจะมีการก่อการร้าย ที่มากกว่าเดือนอื่นๆ เพราะการบ่มเพาะโดย อุสต๊าซ หรือ ครูสอนศาสนาของบีอาร์เอ็น ต่อเยาวชนและแนวร่วม ว่าการก่อเหตุฆ่าศัตรูในเดือนรอมฎอน ผู้ลงมือจะได้บุญกว่าการก่อเหตุในเดือนอื่นๆ ถึง 10 เท่า การก่อเหตุครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า บีอาร์เอ็นยังประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะให้แนวร่วม และกองกำลังติดอาวุธ ลงมือก่อเหตุในเดือนรอมฎอน โดยใช่เรื่องศาสนามาบิดเบือนและสาเหตุที่บีอาร์เอ็นพุ่งเป้าไปที่กองอาสารักษาดินแดน เพราะบีอาร์เอ็นรู้ว่า ยุทธศาสตร์ของหน่วยงานความมั่นคงคือการสร้างกองกำลังอาสารักษาดินแดนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้แทนที่กองกำลังของทหารในปี 2570 โดยจะมีการถอนทหารออกจากพื้นที่ และมอบพื้นที่ในการรักษาความปลอดภัยให้แก่กองกำลังอาสารักษาดินแดน และอาสาสมัครทหารพราน บีอาร์เอ็นจึงมุ่งการโจมตีไปที่กองกำลังอาสารักษาดินแดน ซึ่งยังเป็นจุดอ่อน และให้อาสารักษาดินแดนหวาดกลัว รวมทั้งเป็นการทำลายแผนที่หน่วยความมั่นคงต้องการใช้กองอาสารักษาดินแดนมาแทนที่ทหาร จะเห็นว่าที่ผ่านมาใน 4 - 5 เดือน บีอาร์เอ็นมีการส่งจดหมาย และมีการแขวนป้ายผ้า มีการพ่นสีตามถนน สะพาน ข่มขู่ให้กองอาสารักษาดินแดนลาออก ก่อนที่จะไม่มีชีวิตอยู่
ชี้’บีอาร์เอ็น’ตอบโต้กลับ’ทักษิณ’
สุดท้ายการก่อเหตุของบีอาร์เอ็นอย่างถี่ยิบ มาจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปขอร้องขอความร่วมมือกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้ช่วยยุติความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการบีบบังคับให้แกนนำบีอาร์เอ็น ยุติการก่อเหตุและให้เข้าสู้การเจรจาสันติภาพ แต่บีอาร์เอ็นฝ่ายทหารไม่เห็นด้วย และมีการประกาศว่า ถ้ารัฐบาลกลางของมาเลเซียบีบบังคับบีอาร์เอ็นที่มีฐานที่มั่นในรัฐกลันตัน บีอาร์เอ็นก็จะก่อเหตุในสามจังหวัดให้รุนแรงยิ่งขึ้น เป็นการตอบโต้การเข้ามาของ นายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นการก่อเหตุที่ อ.สุไหงโก-ลก นอกจากความล้มเหลวทุกด้าน ของการแก้ปัญหาไฟใต้แล้ว ยังเป็นการล้มเหลวครั้งแรกของ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่มารับตำแหน่งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข ที่ต้องการแสดงผลงานให้เห็นว่ามีความสามารถในการพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เดือนรอมฎอนของปีนี้เป็นเดือนรอมฎอนที่สันติ ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี