10 มีนาคม 2568 ที่ สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี นางบานเย็น อายุ 46 ปี ชาวบ้านนาคำ ต.นาคำ อ.บ้านดุง เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ราชวรรณ ขวัญศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายธวัชชัย อายุ 35 ปี สามีตน หลังจากถูกทำร้ายมาเกือบปี

ซึ่งล่าสุดถูกทำร้ายเมื่อ 3 วันก่อนจนหน้าปูดบวมเบ่ง แถมจะใช้ลวดหนามรัดคอหวังฆ่าให้ตายและขังเอาไว้ภายในบ้าน แต่ดิ้นหลบหนีออกมาได้  โดยนางบานเย็นเปิดสภาพใบหน้าที่ปูดบวมจนดำคล้ำให้ตำรวจดู บริเวณใบหน้าจำหน้าเดิมแทบไม่ได้ และตาแทบมองไม่เห็น นอกจากนี้บริเวณลำคอมีรอยและแขนมีรอยขีดข่วน พร้อมกับมีภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดภายในบ้านที่สามี ซึ่งพาเพื่อนถือมีดดาบเคยจะเข้ามาทำร้ายในห้องไว้เป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

นางบานเย็น กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า คบกับนายธวัชชัย มาหลายปี ถูกทำร้ายหลายครั้ง ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เพราะเขาเสพยา เคยมาแจ้งความแล้วครั้งหนึ่ง และเมื่อ 3 วันก่อน ตนเองนั่งกินเหล้าอยู่ดี ๆ กับเพื่อน ก็ถูกสามีที่กำลังผ่าลูกตาลอยู่ จู่ๆ ก็เดินปรี่เข้ามาพร้อมกำปั้นทุบหน้าจนปูดบวมอย่างที่เห็น เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันไม่มีใครกล้าเข้าช่วย เพราะตอนนั้นสามีมีอาการคลั่งยาอย่างหนัก แม้ตนจะร้องให้คนช่วย จากนั้นเขาก็ลากไปขังไว้ในห้อง บีบคอและเอาลวดหนามจะรัดคอให้ตาย ก็พยายามดึงออก จากนั้นก็ถูกขังไว้หลายวัน หนีออกมาได้เมื่อวานนี้จึงบอกให้ลูกสาวพามาแจ้งความ หลังออกมาได้ก็ยังถูกข่มขู่เอาชีวิต โดยมีข้อความส่งมาหา จะตามฆ่าล้างโคตร ส่วนสาเหตุเกิดจากสามีคิดว่าตนเองมีชู้กับคนอื่น ตนเองกลัวหลังจากแจ้งความจะให้ลูกสาวพาไปหาบ้านเช่าอยู่หนีจากผัวโหดให้ไกลที่สุด

หลังแจ้งความ จนท.ตร.ได้ให้นางบานเย็นไปตรวจร่างกายที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชบ้านดุง เพื่อประกอบหลักฐานการดำเนินคดี ซึ่งหากหมอลงความเห็นรักษาตัวไม่น้อยกว่า 20-22 วัน ตร.สามารถดำเนินคดีข้อหาหนักทำร้ายร่างกายสาหัสได้ แต่หลังจากไปตรวจร่างกายทางแพทย์ลงความเห็นว่าไม่เป็นอะไรมาก รักษา 7 วันก็หาย ทำให้ ตร.ดำเนินคดีข้อหาไม่หนัก อาจจะเป็นข้อหาทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกาย และเชิญตัว นายธวัชชัย มาเปรียบเทียบปรับ ประมาณ 4,000-5,000 บาท เมื่อสามีถูกดำเนินคดีไม่รุนแรง ทำให้นางบางเย็นและลูกสาวสุดกลัว เตรียมพากันเผ่นหนีจากผัวหึงโหดหวั่นถูกตามมาฆ่า จะหนีไปให้ไกลที่สุด

.025