สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดบุรีรัมย์ และสถาบันอุดมศึกษา จัดสัมมนาเกษตรกร เครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสถานภาพการผลิตและการตลาดของโคเนื้อและเนื้อโค รวมถึงติดตามความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาความสามารถในการผลิตและการตลาดของเกษตรกร
วันที่ 10 มี.ค.2568 ที่ห้องประชุมโกวิทเชื่อมกลาง ชั้น 2 อาคารนวัตปัญญา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดบุรีรัมย์, หน่วยวิจัยเฉพาะทางพันธุศาสตร์สัตว์เขตร้อนชื้น ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์, ฟาร์มไทยเรด และบริษัท สไมล์ บีฟ จำกัด (ผู้ทำหน้าที่ทางการตลาดให้เครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดบุรีรัมย์)
จัดประชุมสัมมนาเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดบุรีรัมย์ ประจำปี พ.ศ.2568 เกี่ยวกับสถานภาพการผลิตและการตลาดของโคเนื้อและเนื้อโค และก้าวย่างต่อไปของเครือข่าย ให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแม่พันธุ์ผลิตลูกเพื่อจำหน่าย อำเภอละ 15 ราย รวมทั้งสิ้น 345 ราย ประกอบด้วย ปศุสัตว์อำเภอ เจ้าหน้าที่ และ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และโครงการบริหารจัดการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตร เพื่อบริหารจัดการเชิงรุก กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนในเครือข่ายฟาร์มไทยเรด เจ้าของบริษัท สไมล์ บีฟ จำกัด และเจ้าของบริษัท สไมล์ คร๊าฟ จำกัด กลุ่มบุคคลทั่วไปที่สนใจ
ทั้งนี้ เพื่อถ่ายทอดความรู้เชิงวิชาการ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสถานภาพการผลิตและการตลาดของโคเนื้อและเนื้อโค รวมถึงติดตามความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาความสามารถในการผลิตและการตลาดของเกษตรกร และองค์กรเกษตรกรในเครือข่ายฯ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของโคเนื้อในจังหวัดบุรีรัมย์ และ เพื่อสร้างความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร
นายสัตวแพทย์อภิชาติ สุวรรณชัยรบ ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ได้สนองนโยบายการตลาดนำการผลิต โดยการสนับสนุนเครือข่ายการผลิตโคเนื้อของจังหวัดบุรีรัมย์ การพัฒนาระบบอุตสาหกรรมการเลี้ยงโคเนื้อ การควบคุม กำกับ ส่งเสริม วิจัย ถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการปศุสัตว์ รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรพันธุกรรมและความหลากหลาย ทางชีวภาพด้านการปศุสัตว์ เพื่อให้มีปริมาณสัตว์เพียงพอ มีมาตรฐาน ถูกสุขอนามัย ปราศจากโรค สารตกค้าง และสารปนเปื้อน มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
โดยได้มีการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดําริ ที่ทำคู่สัญญากับเกษตรกรทั้งสิ้น 8,866 ราย โคพระราชทานให้แก่เกษตรกรทั้งสิ้น 20 ราย 40 ตัว โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค-กระบือ ตามนโยบายรัฐบาลภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ เกษตรกร 15 ราย โค 74 ตัว
อีกทั้ง ยังมีการจัดอบรมเกษตรกรให้ความรู้ใน กิจกรรมพัฒนาระบบและการเลี้ยงโคเนื้อ-กระบือ กิจกรรมสร้างเกษตรกรปราดเปรื่อง และโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ รวมถึงงานอบรมสัมมนาต่างๆ ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความรู้ด้านพันธุ์โค การจัดการอาหารสัตว์ การจัดการฟาร์ม รวมถึงสถานการณ์ด้านการตลาดโคเนื้อทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับ จ.บุรีรัมย์ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จำนวนรวมทั้งสิ้น 86,618 ราย มีโคเนื้อจำนวนรวมทั้งสิ้น 563,668 ตัว นับเป็นจังหวัดที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ และมีจำนวนโคเนื้อมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยสามารถจำแนกประเภทเกษตรกรตามจำนวนโคเนื้อที่เลี้ยงได้เป็น ดังนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อรายย่อย (1-20 ตัว) จำนวน 85,133 ราย เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อรายเล็ก (21-100 ตัว) จำนวน 1,473 ราย เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อรายกลาง (101-200 ตัว) จำนวน 9 ราย เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อรายใหญ่ (เลี้ยงมากกว่า 200 ตัว) จำนวน 3 ราย ซึ่งทุกประเภทที่กล่าวมาเป็นเกษตรกรในกลุ่มเลี้ยงแม่พันธุ์โคเนื้อเพื่อผลิตลูกโคจำหน่ายเป็นรายได้ /// - 026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี