“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้ว วัดสุญญตารามเอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย อายุ 73 ปี ลูกศิษย์อาลัยต่อการจากไป
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อ “SiamTownUS”ได้โพสต์แจ้งข่าวโดยระบุว่าพระยันตระ เสียชีวิต เฟซบุ๊กเพจของวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย ได้โพสต์รูปและข้อความเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2025 ว่า พระยันตระ หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ประธานสงฆ์ของทางวัด ได้เสียชีวิตแล้ว
โดยทางวัดได้โพสต์ข้อความว่า “ขอน้อมถวายความอาลัย น้อมส่งหลวงพ่อสู่พระนิพพาน พระอาจารย์ยันตระ อมโร ประธานสงฆ์และผู้นำทางจิตวิณญาณวัดสุญญตาราม ได้ละสังขารแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2025 ณ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ สิริรวมอายุ 73 ปี พรรษา 51” ขณะที่ลูกศิษย์ต่างโพสต์แสดงความเสียใจ และอาลัยต่อการจากไปของ พระยันตระ
ทั้งนี้ อดีตพระยันตระได้เดินทางกลับมาประเทศไทย ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เดินทางมาลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือ เดินทางมาต้อนรับจำนวนหนึ่ง
สำหรับประวัติของ อดีตพระยันตระ มีชื่อเดิมว่า นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดวันที่ 14 ตุลาคม 2494 เคยอุปสมบท ที่วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2517โดยแทนตัวเองว่า“พระยันตระ” แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ที่เคยใช้มาตั้งแต่ยังเป็นฤๅษียันตระ
เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดี ทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย ทำให้เขามักแวดล้อมไปด้วยพระสงฆ์คอยอุปัฏฐากอยู่เสมอ ๆ นอกจากนี้ ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายเขาหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนัก เขาจะใช้คำว่า “สุญญตาราม” ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามของเขา ในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น
ด้วยวัตรปฏิบัติรวมถึงคำสอนของเขา ทำให้พระวินัย ถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอนรวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนายังที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำสอนของเขาเน้นแนวทางปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิชาการศาสนาว่าถูกต้องกับพระไตรปิฎก
ต่อมา เกิดเรื่องราวอื้อฉาวขึ้น เมื่อถูกเปิดโปงถึงพฤติกรรมล่อลวงหญิงสาวและมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงบนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะกับนางจันทิมา หญิงรายหนึ่งที่ถึงขั้นพาเด็กหญิงมาแสดงตัว อ้างว่าเป็นลูกของเธอกับยันตระ และหลักฐานอื่นๆ เช่น ภาพถ่ายการใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา สุดท้ายท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ
ต่อมา มีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิตที่มีญาติโยมบริจาคให้ และถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในที่สุด เกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความหลายข้อหา เมื่อปี 2537 กระทั่งในที่สุด เขาได้ถูกมติม หาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่า เขาต้องอาบัติหนัก ดังที่ถูกฟ้องร้อง
แต่ อดีตพระยันตระไม่ยอมรับมติดังกล่าว พร้อมปฏิญาณตนว่ายังมีสถานะเป็นภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว เวลานั้นมีการเรียกอดีตพระยันตระว่า “จิ้งเขียว” ก่อนที่จะมีข่าวว่าออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง กระทั่ง 20 ปีต่อมา อดีตพระยันตระ กลับมาปรากฏตัวที่ไทยอีกครั้ง เมื่อคดีหมดอายุความ เมื่อเดือนเมษายนปี 2557 ได้มาพักอยู่ที่อาศรม ที่ปลูกสร้างขึ้น หลังบ้านเดิมของ อดีตพระยันตระ โดยมีผู้ที่ยังเคารพนับถือเดินทางมาเยี่ยมเยียนและเชิญไปยังสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัดในภาคใต้ โดยเดินทางกลับอเมริกาในวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 ซึ่งทราบว่าจะปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกาตลอด
ปี 2564 อดีตพระยันตระเดินทางกลับไทยอีกครั้งโดยกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี จนถึงวันที่ 8 ต.ค.และจากนั้นวันที่ 9-14 ต.ค.เดินทางไปอาศัยที่สำนักป่าสุญญตารามเกริงกระเวีย วันที่ 15-18 ต.ค. ไปอยู่ที่บ้านเกิด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นวันที่ 19-22 ต.ค. เจ้าตัวได้มาอยู่ที่เกพลิตาโพธิวิหาร จ.สระแก้ว ซึ่งในวันที่ 23 ต.ค. จะกลับมาพักที่บ้านคุณหญิงสิริกร จ.ปทุมธานี ก่อนที่ในวันที่ 27 ต.ค. เจ้าตัวจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา จากนั้น 6 กุมภาพันธ์ 2568 อดีตพระยันตระ เดินทางกลับประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนียและได้เสียชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี