กรมคุกเด้งผู้คุมฯ
เซ่น‘ผกก.โจ้ดับ’
ญาติยังไม่เผาศพ
รอผลชันสูตรซ้ำ
ครอบครัว ผกก.โจ้ ตามผลชันสูตรศพซ้ำที่ รพ.จุฬาฯ ส่วนน้องสาวร้อง ‘ทวี’ ขอความเป็นธรรม ด้านกรมราชทัณฑ์ สั่งย้ายหัวหน้าผู้คุมแดน 7 พ้นเรือนจำฯ ห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวผู้ต้องขัง พร้อมแจงยิบ 6 ประเด็นปมการเสียชีวิต ผกก.โจ้ ยันไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ สภ.เมืองนครสวรรค์ จำเลยในคดีใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยภายหลังอดีต ผกก.โจ้ ต้องโทษ ถูกคุมตัวในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ก่อเหตุใช้ผ้าขนหนูผูกคอตัวเองเสียชีวิตในห้องขัง หมายเลข 50 ตึกนอน แดน 5 เรือนจำดังกล่าว เหตุเกิดช่วงค่ำวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่าไม่มีใครทำร้าย และได้ส่งศพให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชันสูตร แต่ญาติยังติดใจและส่งศพไปชันสูตรซ้ำที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ว่า ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส.จันทา อุทธนผล แม่ของ ผกก.โจ้ และญาติ พร้อมด้วยนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความ เดินทางมาติดตามการชันสูตรศพ ผกก.โจ้
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม ขณะนี้ครอบครัวยังรอพบแพทย์อยู่ คาดว่าหลังผลชันสูตรเบื้องต้นในวันเดียวกันนี้ออกมา จะมีความชัดเจนมากกว่านี้ สำหรับผลชันสูตรเบื้องต้นของที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นที่แรกในการชันสูตรศพ ผกก.โจ้ เบื้องต้นพบว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ และคาดว่าจะกระทำด้วยตัวเอง ครอบครัวนำร่างของ ผกก.โจ้ มาชันสูตรซ้ำที่ รพ.จุฬาฯ หลังผลชันสูตรออกมา ครอบครัวจะนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน ระหว่าง 2 แห่ง และดำเนินการต่อไป
สำหรับกำหนดการรดน้ำศพและสวดอภิธรรม ผกก.โจ้ ครอบครัวจะนำร่างไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร มีพิธีรดน้ำศพช่วงเวลา 16.00 น.และจะมีพิธีสวดอภิธรรม ช่วงเวลา 18.30 น. ซึ่งการสวดอภิธรรมจะมีตลอด 7 คืน จนถึงวันที่ 16 มีนาคมนี้ ซึ่งครอบครัวยืนยันจะเก็บศพเอาไว้ยังไม่ทำพิธีฌาปนกิจ จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม
ต่อมา เวลา 11.20 น.ตัวแทนครอบครัว ผกก.โจ้ เดินทางมายังอาคารภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์ นำชุดเครื่องแต่งกายมาเปลี่ยนใส่ร่าง ผกก.โจ้ ประกอบด้วย เสื้อเชิ้ตแขนยาว สีขาว และกางเกงสแล็คสีดำ นำส่งให้กับเจ้าหน้าที่นิติเวช
ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.ธนัญญา อุทธนผล น้องสาวของ ผกก.โจ้ เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายทั้งหมด โดยเฉพาะการเสียชีวิตภายในเรือนจำ พร้อมขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การช่วยเหลือ รู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังจากได้เข้าพบ รมว.ยุติธรรม ว่าจะทำให้ครอบครัวตนเองได้รับความเป็นธรรม
ด้าน พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผบก.น.2 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ ว่าในวันเดียวกันนี้ ยังไม่มีการประชุม แต่กระบวนการสอบปากคำยังดำเนินการต่อเนื่อง ทางพนักงานสอบสวนมีการนัดผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ทยอยเข้ามาให้ปากคำ ซึ่งตนสั่งการเร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร็ว และกำชับให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะ หากมีความคืบหน้าในประเด็นใดๆ จะเรียกประชุมกันที่ สน.ประชาชื่น
นอกจากทางครอบครัวของ ผกก.โจ้ แล้ว ก็จะเรียกแพทย์ กรมราชทัณฑ์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มาสอบปากคำทั้งหมด ซึ่งทาง รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ส่วนผ้าขนหนูและวัตถุพยานต่างๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุนั้น ต้องรอผลจากทางกองพิสูจน์หลักฐาน อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สำคัญที่สุด ทั้งผลแพทย์ และผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ รวมถึงกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการตรวจสอบให้ครบถ้วน
นายวีรศักดิ์ ทนายความ ผกก.โจ้ ระบุว่า ทางครอบครัว ผกก.โจ้ ได้ประสานขอเลื่อนนัดหมายเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จากเดิมในวันเดียวกันนี้ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากต้องดำเนินการเรื่องงานศพ ผกก.โจ้ ให้แล้วเสร็จ และรอตรวจชันสูตรพลิกศพรอบ 2 จาก รพ.จุฬาลงกรณ์ อีกครั้ง
มีรายงานข่าวว่า นายเผด็จ เร่งรอด ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ได้ลงนามคำสั่ง ที่ 318/2568 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2568 เรื่อง มอบหมายหน้าที่การงานเจ้าพนักงาน โดยเนื้อหาในหนังสือ ระบุว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ ผู้ต้องขังคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุมแดน 5 ได้เสียชีวิตลงด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรม ในวันที่ 7 มีนาคม 2568 ซึ่งก่อนที่จะเสียชีวิต ได้มีกรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสิทธิพร แก้วคำบ้ง นักทัณฑวิทยา ชำนาญการ ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 โดยอยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง
ดังนั้นจึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ 13 แห่งระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำ และการแต่งตั้งผู้ช่วยเหลือกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2561 ให้นายสิทธิพร พ้นจากหน้าที่หัวหน้างานควบคุมแดน 7 ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 7 ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง ให้ปฏิบัติหน้าที่ประจำฝ่ายบริหารทั่วไป ส่วนบริหารทั่วไป ห้ามปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำ เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง เพื่อความโปร่งใส และไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตในเรือนจำของ ผกก.โจ้ ว่าได้เร่งรัดกรมราชทัณฑ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหลักฐานต่างๆ มาเปิดเผย ชี้แจง โดยเฉพาะประเด็นที่ญาติสงสัย แต่ต้องไม่ขัดหลักกฎหมาย หรือละเมิดสิทธิผู้อื่น โดยขอแยกเป็น 2 ส่วน คือคดีการเสียชีวิต และคดีมูลเหตุจูงใจที่นำไปสู่การเสียชีวิต ยืนยันว่าพร้อมจะให้ความเป็นธรรม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงกรณีที่ครอบครัว ผกก.โจ้ ยังคงติดใจการแถลงข่าวของกรมราชทัณฑ์ ที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ครอบครัวได้รับข้อมูล ว่าถ้ามีคนกลางเข้าไปสอบด้วยความรวดเร็ว และในคณะอนุกรรมการฯ มีตำรวจอยู่ด้วย ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา ทางเรือนจำต้องให้ความร่วมมือตำรวจ ส่วนที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า ทางเรือนจำขัดขวางไม่ให้ตำรวจเข้าสอบปากคำ ผกก.โจ้ กรณีถูกทำร้ายร่างกาย หากตรวจสอบแล้วเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ กรมราชทัณฑ์ มีมาตรการทางปกครองอยู่แล้ว สำหรับผู้คุมฯ หากทำร้ายร่างกายนักโทษจริง ก็มีโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง รวมถึงต้องถูกดำเนินคดีอาญา
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า แม้ว่าตัว ผกก.โจ้ จะเสียชีวิตแล้ว แต่คดีอาญายังไม่สิ้นสุด เพราะผู้กระทำผิดยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะหมดอายุความ สามารถสอบสวนจากพยานหลักฐานอื่น เช่น พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และพยานบุคคล ซึ่งเชื่อว่าไม่มีการปิดบังพยานหลักฐาน เพราะทั้งหมดที่ได้มาก็มาจากเรือนจำ พร้อมย้ำว่ากรมราชทัณฑ์ ควรนำกล้องวงจรปิดตัวเต็มที่ไม่ผ่านมากรตัดต่อ มาเผยแพร่
อีกด้านหนึ่ง กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ เพิ่มเติมใน 6 ประเด็น มีใจความโดยสรุป ดังนี้ 1.ประเด็นเกี่ยวกับการรักษาของ ข.ช.ธิติสรรค์ นอกจากมีโรคประจำตัวที่รักษาโดยการรับประทานยาแล้ว พบว่าเคยปรึกษาแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ เรื่องปัญหาการนอน ความวิตกกังวล เรื่องของคดีความและการดำเนินชีวิตในเรือนจำฯ 2. ประเด็นปัญหาการกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานเรือนจำ มีการถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต เกิดการโต้เถียง และผู้ต้องขังถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย จึงย้ายผู้ต้องขังจากแดน 7 ไปแดน 5 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568
3.ประเด็นห้องคุมขังของ ข.ช.ธิติสรรค์ ปกติเป็นห้องที่ให้ผู้ต้องขังอยู่ 4-6 คน แต่ให้อยู่เพียงคนเดียว ไม่ต้องแออัดกับผู้ต้องขังอื่น และเป็นห้องที่ใช้คุมขังช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น มิใช่การบังคับโทษขังเดี่ยว 4. ประเด็นแฟนสาวและน้องสาวของผู้ต้องขัง ยื่นคำร้องเรียนขอความเป็นธรรมถึง ผบ.เรือนจำฯ กรณีผู้ต้องขังถูกกลั่นแกล้ง และถูกทำร้าย ได้ส่งตรวจกับแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ 2 ครั้ง แพทย์ไม่ได้ระบุว่ารอยฟกช้ำเกิดจากการทำร้ายร่างกาย แต่ ผบ.เรือนจำฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ ข.ช.ธิตสรรค์ ไม่ประสงค์จะให้สอบสวนฯ จึงขอยุติเรื่องพร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ไม่ได้เกิดจากการบังคับ
5.ประเด็นเรื่องอาหารของ ข.ช.ธิติสรรค์ฯ ที่ได้รับในแต่ละวันไม่ถูกสุขลักษณะ บางวันไม่มีเนื้อสัตว์ ขอเรียนว่าเรือนจำ จะกำหนดเมนูอาหาร สารอาหาร และพลังงานที่ผู้ต้องขังจะได้รับ คุณภาพวัตถุดิบ และการตรวจสอบอาหาร โดยเรือนจำฯ จัดแสดงป้ายรายการอาหารให้รับทราบ และ 6.ประเด็นผ้าขนหนูที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีข้อสงสัยในเรื่องของความยาว จากการตรวจสอบเป็นผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวที่กรมราชทัณฑ์จัดสรรแจกให้กับเรือนจำ ถ้าเป็นของผู้ชาย มีขนาดความกว้าง 23 นิ้ว (59 เซนติเมตร) ความยาว 44 นิ้ว (112 เซนติเมตร) สีน้ำตาลเข้ม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าไม่มีเจ้าพนักงานเรือนจำหรือผู้ต้องขังรายใด ทำร้ายให้ ข.ช.ธิติสรรค์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี