คุมเข้มชายแดนใต้

โจรป่วนหลายจุด

ยิงอส.กรงปินังดับ

เผารถ/ฉกปืนพก

โจรใต้ยังป่วนต่อเนื่อง!!ดักยิง“อส.กรงปินัง”ที่ยะลา เสียชีวิตคาบ้านพัก ก่อนฉกปืน-เผารถ ด้านมท.1สั่งคุมเข้มสถานที่ราชการป้องกันเหตุซ้ำรอยศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม เวลา 02.00 น.ว่ามีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงเจ้าหน้าที่ อส.ประจำอำเภอกรงปินัง เสียชีวิต จำนวน 1 ราย บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 74/3 หมู่ที่ 3 บ้านกะดุโด๊ะ ต.สะเอะ อ.กรงปินัง หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ต่อพันธุ์ ปุสันเทียะ ผกก.สภ.กรงปินัง นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ชุด กู้ชีพ-กู้ภัย ในพื้นที่ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในช่วงเช้า

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพ นายหมู่ใหญ่ซาอุดี มาฮะ อายุ 45 ปี อส.ประจำอำเภอกรงปินัง สภาพศพนอนคร่อมทับรถจักรยานยนต์ บนตัวรถและพื้นเต็มไปด้วยกองเลือดกองใหญ่ ห่างกันเล็กน้อย พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ ถูกไฟไหม้บริเวณด้านหน้าของตัวรถได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในเบื้องต้นพบบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัวและศีรษะจำนวนหลายนัด รอบๆบริเวณพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง , ปลอกกระสุนปืนสงคราม AK-47 , ปลอกกระสุนอาวุธปืนสงคราม M-16 , ปลอกกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้หลักฐาน และ นำไปตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนและตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุอื่นอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทำธุระต่างหมู่บ้าน เพียงลำพัง เมื่อช่วงกลางดึกก่อนเกิดเหตุ คนร้ายอีกกลุ่มได้แอบเข้าไปวางเพลิงรถยนต์กระบะ ที่จอดอยู่ภายในบ้านพักจนได้รับความเสียหาย ญาติของผู้ตายจึงได้โทรแจ้งเพื่อให้กลับมาดูความเสียหาย ผู้ตายจึงรีบกลับมาบ้านพัก เพื่อตรวจสอบความเสียหาย เมื่อขับรถจักรยานยนต์มาถึงหน้าบ้านพัก ได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้บ้านพักของผู้ตาย แล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยาว , อาวุธปืนสงคราม AK-47 , อาวุธปืนสงคราม M-16 , อาวุธปืนพกสั้น 9 มม. ระดมยิงเข้าใส่ผู้ตายจำนวนหลายนัด จนล้มลงและเสียชีวิตดังกล่าว

หลังก่อเหตุคนร้ายได้นำอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9มม.ประจำตัวของผู้ตายไปด้วย 1 กระบอก แล้วอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนประเด็นและสาเหตุในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อแสดงศักยภาพของกลุ่มว่าสามารถก่อเหตุได้

ขณะเดียวกันในพื้นที่ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่า มีวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ตั้งอยู่ บริเวณสะพานคลองปารามิแตจากแยก ปารามิแต ไปทาง แยกพงยือไร หมู่ที่ 7 ต.บุดี อ.เมืองยะลา จ.ยะลา โดยพบวัตถุต้องสงสัยจำนวน 3 จุด จุดที่ 1 บนเสาไฟฟ้า หัวสะพาน คลองปารามิแต ขวามือ จากแยกปารามิแต ไปทางแยกพงยือไร หมู่ที่ 7 ต.บุดี อ.เมืองยะลา จ.ยะลา จุดที่ 2 บนสะพาน ดังกล่าว จุดที่ 3 บนเสาไฟฟ้าเลยสะพาน 40 เมตร เจ้าหน้าที่ ชุด เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด(EOD.) และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าทำการพิสูจน์ทราบและทำลายวัตถุดังกล่าวต่อไป

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดที่ จ.นราธิวาส และปัตตานี ทำให้มีสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. เสียชีวิตหลายคน ว่า เรื่องนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด และทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้วส่วนการเยียวยา ดูแลครอบครัว ก็จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

เมื่อถามว่า ผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าไปยัง อส.จะดูแลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วงหลังเราพยายามที่จะให้ อส. ซึ่งมีความใกล้ชิดกับชาวบ้าน เป็นคนคอยดูแลประชาชนและเรื่องต่างๆ ซึ่ง อส. ส่วนใหญ่มาจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แล้วเรานำมาอบรม เพื่อให้เข้ามาทำงาน ช่วยเฝ้าระวังในพื้นที่ เพราะฉะนั้นก็น่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ อส. เป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อเหตุ

เมื่อถามว่ารัฐมนตรีจะลงพื้นที่ไปให้กำลังใจ อส. หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลอย่างเต็มที่ ขณะนี้ยังมีสถานการณ์อยู่ ก็ควรให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ การที่เราจะลงพื้นที่ไปตอนนี้ อาจจะช่วยได้ในแง่ของขวัญและกำลังใจ แต่ในเรื่องของการดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งหลาย ที่จะต้องมาดูแลคณะผู้ใหญ่จากส่วนกลางที่ลงไป คงไม่ดี แต่ วันนี้จะมีการประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ในพื้นที่กับผู้ว่าฯ 5 จังหวัดภาคใต้เพื่อกำชับให้ป้องกันเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ สำหรับในส่วนของกระทรวงมหาดไทยนั้น เราดูแลงานด้านฝ่ายปกครอง แต่เราต้องสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร และตำรวจ เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุลโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า รมว..มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้มีหนังสือสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในฐานะผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัด เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ หลังเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุระเบิดบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 8 นาย และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย

นายอนุทิน ได้สั่งการให้ จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยที่ว่าการอำเภอ สถานที่ราชการ และฐานปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับให้มีการตรวจสอบยานพาหนะทุกคันที่เข้า-ออกในพื้นที่อย่างละเอียด ห้ามยานพาหนะที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาโดยเด็ดขาด รวมถึงต้องจัดทำบัญชียานพาหนะที่อยู่ในบริเวณที่ว่าการอำเภอ และหากพบสิ่งผิดปกติให้รายงานผู้บังคับบัญชาโดยทันที

“เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของพี่น้องชาวมุสลิม จึงให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และให้ผู้บังคับกองร้อย อส. และปลัดอำเภอหัวหน้าชุดคุ้มครองตำบล กำกับดูแลพื้นที่ให้มีความปลอดภัยตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเดือนรอมฎอน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ในประเด็นดังกล่าว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าว ว่า

รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากให้เหตุการณ์สงบ โดยยังมีการตั้งด่านตรวจตามปกติ ซึ่งเหตุการณ์ที่สุไหงโก-ลกถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจ จึงขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

เมื่อถามว่าจะมีการปรับหัวหน้าคณะพูดคุยหรือ ร่วมอำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุขหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า หากชัดเจนว่าคู่เจรจาใช่คู่เจรจาตัวจริงหรือไม่ ซึ่งยอมรับว่าเป็นข้อสงสัยเหมือนกัน และขณะนี้มีการติดต่อไว้หลายส่วน เพราะไม่แน่ใจว่าใครคือตัวจริงที่จะเจรจา แต่ยังไม่ได้หยุด และเราเดินหลายทางอยู่ พยายามเช็คให้แน่นอนซึ่งตัวคณะกรรมการของเราตั้งไม่ยาก แต่ตั้งให้ถูกคนอันนี้ยาก ก่อนที่จะย้ำว่าไม่ได้นิ่งนอนใจซึ่งกำลังสรุปเรื่องนี้อยู่ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเพิ่งได้รับรายงานและแจ้งกลับไปว่าให้ขอเดินหน้าพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆต่อ โดยเป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการว่าใช่คนที่เราจะคุยต่อหรือไม่

ส่วนมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นภายในปี 2568 ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รอ 1 ปี แล้วค่อยมาพูดกัน กำลังทำงานอยู่ อย่าไปคาดหวังว่ามันจะมีปัญหาอะไรก่อนเพราะเราต้องเชื่อมั่นว่าทำให้เต็มที่ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ถึงตอนนั้นค่อยนำรายละเอียดมาพูดคุยกัน