รองอธิบดีDSI เผยตรวจสอบในส่วนของพ.ร.บอุ้มหายฯไม่เกี่ยวกับสาเหตุการตายของสำนวนตำรวจ ยอมรับข้อมูลของญาติเป็นประโยชน์ //ด้าน “ทราย" แฟนสาว ผกก.โจ้” ยังคงยืนยัน แฟนหนุ่มถูกกลั่นแกล้ง รังแกจริง โดย"ผู้คุมสิทธิพร" ส่งเรื่องให้เรือนจำถึง 4 ครั้ง มองเรือนจำเป็นแดนสนธยา ยัน “ผกก.โจ้” เบิกใช้แค่ยานอนหลับเท่านั้น ด้าน“ทนายวีรศักดิ์”ขอรอผลพยาธิวิทยา และพิษวิทยาให้เรียบร้อยก่อน
วันที่ 11 มีนาคม 2568 จากกรณีที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ อายุ 43 ปี อดีตผู้กำกับ สภ.นครสวรรค์ จำเลยคดีคลุมถุงดำ จบชีวิตตัวเองในห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม ช่วงค่ำวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ความคืบน้าล่าสุด เวลา 12.00 น. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ น.ส.ธนัญญา อายุ 34 ปี น้องสาวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมด้วย น.ส.สิภชา หรือทราย อายุ 28 ปี แฟนสาวอดีตผู้กำกับโจ้ และทนายวีรศักดิ์ นาคิน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณี ขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ภายในห้องขังหมายเลข 50 แดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม รวมถึงประเด็นการถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม เป็นผู้แทนรับเรื่อง
โดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตนในฐานะที่เป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งกำกับกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และรับผิดชอบเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ในวันนี้ได้รับการมอบหมายจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ซึ่งในวันนี้ทางญาติของอดีตผู้กำกับโจ้ ทั้งแฟนสาว น้องสาว มารดา และทนายความ ได้มายื่นเอกสารข้อเท็จจริงเพื่อให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้ตรวจสอบว่ามีการกระทำที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอุ้มหายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม โดยในวันนี้เรารับฟังข้อเท็จจริงจากทางญาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดขออนุญาตละเว้นการเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะขอตรวจสอบในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน ก็คือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งในวันนี้เราเพิ่งได้ข้อเท็จจริงจากทางญาติ จึงขอนำไปตรวจสอบก่อน หากรายละเอียดการตรวจสอบได้ผลอย่างไรจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในส่วนที่ญาติมายื่นร้องขอให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบ เราก็จะรับข้อมูลไปดำเนินการตรวจสอบให้ ส่วนจะใช้ระยะเวลานานเท่าใดต้องดูรายละเอียดก่อน และยืนยันว่าการตรวจสอบของเรา ไม่เกี่ยวกับสำนวนคดีหลักเรื่องการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เพราะในส่วนนี้ เราดูแค่เรื่องกฎหมายการอุ้มหายฯ และข้อมูลที่ทางญาติได้ให้ในวันนี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ด้าน น.ส.สิภชา หรือทราย อายุ 28 ปี แฟนสาวอดีตผู้กำกับโจ้ กล่าวว่า วันนี้มาบอกเล่าข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากเอกสารซึ่งเคยยื่นไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเป็นการทวงความยุติธรรมให้ผู้กำกับโจ้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเราไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจ เรามั่นใจในการทำงานของตำรวจ แต่อย่างที่เคยบอกไปว่าในฐานะคนในครอบครัวก็อยากช่วยเหลือผู้กำกับโจ้ให้ถึงที่สุด อะไรที่ครอบครัวสามารถทำได้ก็จะทำ รวมทั้งอยากให้มีหลายหน่วยงานได้เข้ามาช่วยกันตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่ครอบครัวติดใจ คือ ในเรื่องของการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ และรวมไปถึงกรณีที่ผู้กำกับโจ้ได้ถูกรังแก กลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่ได้มีการเคยร้องเรียนไป ส่วนเรื่องแรงจูงใจ อย่างที่ตนเคยบอกไว้ว่าผู้กำกับโจ้มีความทุกข์อยู่แล้วตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เพราะคนเราไม่ได้ทำผิดแต่กลับถูกเอาไปขังอยู่ในนั้น มันถือว่าเป็นความทุกข์อยู่แล้ว ทั้งนี้ แม้เรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังขอดำเนินการต่อไปในส่วนที่ทำได้
น.ส.สิภชา หรือทราย กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่กรมราชทัณฑ์ ได้มีการแถลงชี้แจงผ่านข่าวแจกสื่อมวลชนใน 6 ประเด็นนั้น ตนจะขอพูดในส่วนที่สามารถพูดได้ เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับเรื่องสำนวนในคดี แต่ตนบอกได้เลยว่าเรื่องข้างในเรือนจำมันเป็นแดนสนธยา เขาสามารถจะพูดหรือทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องข้างนอกทางผู้กำกับโจ้ยังคงยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะได้ถูกทำร้ายร่างกายและถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุมจริง ๆ ซึ่งเป็นการถูกกระทำจากบุคคลคนเดียว คือ ผู้คุมรายดังกล่าว
น.ส.สิภชา หรือทราย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีความประสงค์ที่อยากให้มีการย้าย รรท.ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม และผู้คุมแดน 7 ออกจากพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรมไว้ก่อนนั้น เรายังมีความต้องการดังเดิม วันนี้เราต้องการให้มีการย้ายรักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม (นายเผด็จ หริ่งรอด) และผู้คุมที่ชื่อนายสิทธิพร ให้ออกจากพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรมไปก่อน เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาในเรื่องการสืบพยาน เพราะตนเชื่อว่าเขาสามารถที่จะพูดหรือทำอะไรก็ได้ ขัดขวางการสอบ หรืออื่นใด
เมื่อถามถึงกรณีที่พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ไม่สามารถเข้าไปสอบสวนปากคำพยานภายในเรือนจำกลางคลองเปรมได้ถึงสองครั้ง มันเป็นประเด็นข้อขัดข้องในเรื่องของเอกสารการขออนุญาตจากทางผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมหรือไม่ หรือเป็นเพราะมีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำในขณะนั้น หรือไม่ น.ส.สิภชา หรือทราย กล่าวว่า จริง ๆ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมได้มีการเปลี่ยนมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้น และต้องบอกว่าในการร้องเรียนที่ผ่านมา เราไม่เคยได้รับความเป็นธรรม เพราะเราได้มีการร้องเรียนส่งเอกสารไปยังเรือนจำฯ จำนวนทั้งสิ้น 4 ครั้ง แต่กลับไม่เคยได้รับความเป็นธรรม
เมื่อถามว่าในวันที่ได้มีการเข้าไปเยี่ยมผู้กำกับโจ้เป็นวันสุดท้าย ทางเจ้าตัวได้ให้ข้อมูลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ น.ส.สิภชา หรือทราย กล่าวว่า เขาก็ยังยืนยันว่าให้เรารีบไปดำเนินการเรื่องคดี ให้มีการดำเนินการสอบสวนปากคำ ให้เข้ามาสอบปากคำภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งหากเข้ามาไม่ได้ก็ดูว่าให้ทนายสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะจริง ๆ มันเป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้วที่เขาจะสามารถแจ้งความ แม้ความจริงเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่มีใครที่สามารถขัดขวางได้ ดังนั้น การที่มาขัดขวางแบบนี้คือต้องการที่จะปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการเอาเพื่อนร่วมรุ่นตำรวจของผู้กำกับโจ้เข้าไปเยี่ยมด้วยนั้น ปกติบุคคลดังกล่าวอยู่ใน 10 รายชื่อเยี่ยมญาติอยู่แล้ว เพราะปกติแล้วเพื่อนของผู้กำกับโจ้ก็ได้เข้าไปเยี่ยมไปให้กำลังใจตามรายชื่อที่ผู้ต้องขังได้มีการอนุญาตอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าในระหว่างที่ผู้กำกับโจ้ได้ถูกคุมขังอยู่ภายในแดน 7 และย้ายไปยังแดน 5 นั้น ได้มีการใช้ยาปรับสารเคมีในสมองหรือไม่ น.ส.สิภชา หรือทราย กล่าวปฏิเสธว่าไม่มี เพราะยาปรับสารเคมีในสมองจะเป็นพวกซึมเศร้า และไม่ได้มีการใช้ยาเกี่ยวกับเรื่องของการวิตกกังวล แพนิค ส่วนกรณีที่มีรายงานว่าผู้กำกับโจ้ได้มีการเบิกใช้ยา แล้วเจ้าหน้าที่ต้องมีการนำยาไปจ่ายให้นั้น ปกติแล้วยาที่ผู้กำกับโจ้รับประทานเป็นยานอนหลับ แต่ไม่ใช่ยาที่ทำให้สมองผิดปกติหรืออะไร
“ในเรื่องของความกดดันของผู้กำกับโจ้ระหว่างที่คุมขังอยู่ในเรือนจำนั้น ก็เป็นเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้งก็เป็นสิ่งที่เราพยายามร้องเรียนมาโดยตลอดสองปี แม้ย้ายไปอยู่แดน 5 ก็ยังพบเจอเรื่องดังกล่าว ส่วนความกดดันจะเป็นเหตุจูงใจทำให้ผู้กำกับโจ้ก่อเหตุฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น ก็อย่างที่ตนได้บอกไปว่า การที่ถูกลงโทษโดยไม่มีความผิด อย่างไรก็เป็นความทุกข์” แฟนสาว ระบุเพิ่มเติม.
ขณะที่ น.ส.ธนัญญา อายุ 34 ปี น้องสาวของอดีต ผกก.โจ้ เผยว่า กรณีการเสียชีวิตของพี่ชายตนนั้น ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และการสอบสวนปากคำพยาน ส่วนวันนี้เราได้มีการแจ้งข้อมูลและมอบพยานหลักฐานแก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนการเข้าเยี่ยมญาติของเพื่อนผู้กำกับโจ้ก็ถือเป็นการเข้าไปให้กำลังใจและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้เมื่อสามปีที่แล้วทางญาติได้เคยมีการนำผ้าขนหนูเช็ดตัวสีชมพูขนาดประมาณ 108 ซม. เข้าไปให้กับผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำกลางคลองเปรมหรือไม่ น.ส.ธนัญญา กล่าวว่า ปกติมันนำเข้าไปให้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ในเรื่องของการฝากเงินให้ผู้ต้องขังเพื่อไปเบิกซื้อรายการสิ่งของเครื่องใช้ภายในเรือนจำนั้น ก็สามารถดำเนินการได้ เพราะว่าเงินเราได้ฝากเข้าไปเพื่อให้เขาไปจับจ่ายหักเงินในบัญชี แต่ถ้าจะให้เอาสิ่งของจากข้างนอกฝากเข้าไปในเรือนจำไม่สามารถทำได้ ส่วนผู้กำกับโจ้จะกดซื้ออะไรในเรือนจำตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่าการชี้แจงของแพทย์และทางกระทรวงยุติธรรมนั้น ทำให้ครอบครัวเกิดความสงสัยหรือรับได้กับข้อเท็จจริงจากรายงานการเสียชีวิตหรือไม่ ทนายวีรศักดิ์ นาคิน กล่าวว่า อย่างไรคงต้องรอการตรวจพิสูจน์พยาธิวิทยาและพิษวิทยาอีกครั้ง เพราะมันจะมีระยะเวลาอีกประมาณสองถึงสามสัปดาห์ที่จะได้มีการแจ้งกลับญาติเพิ่มเติม ส่วนจะให้น้ำหนักกับการชี้แจงของทางหน่วยงานอย่างไรนั้น เรายังขอไม่ให้น้ำหนักเพราะมันยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ขอให้ทางพนักงานสอบ สวนได้รวบรวมข้อเท็จจริงก่อนดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ขอให้คำตอบว่ามันมีความสอดคล้องกับการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้หรือไม่อย่างไร เพราะมันขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่เขาต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือการชันสูตรพลิกศพ เราจึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้ จึงยังไม่ขอให้ความเห็นในด้านนี้
เมื่อถามถึงเรื่องภาพผ้าขนหนูเช็ดตัวสีน้ำตาลเข้ม พร้อมขนาดกว้าง 59 ซม. ยาว 112 ซม. ที่ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการเผยแพร่ออกมานั้น ทนายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนยังไม่ได้เข้าไปดู ส่วนเรื่องจะเชื่อหรือไม่เชื่อตนขอยังไม่ตอบ เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มีการเก็บไปแล้ว และอย่างไรก็ต้องรอทางพิสูจน์หลักฐานได้แจ้งรายละเอียดกลับมา
ส่วนเรื่องที่ผู้กำกับโจ้ได้เคยลงลายมือชื่อขอให้ยุติการสอบสวนเรื่องระหว่างที่ถูกคุมขังภายในเรือนจำนั้น ทนายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ขอไปดูรายละเอียดเอกสารอีกครั้งก่อน ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่าได้มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์โทรศัพท์ไปหาทางญาติเพื่อให้มีการถอนแจ้งความนั้น ในส่วนนี้ยังไม่ขอตอบ เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังมีการสอบข้อเท็จจริงอยู่ จึงขอให้เป็นข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ต้องไปรวบรวมก่อน
เมื่อถามว่าในส่วนที่ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้มีการให้คำยืนยันว่าการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้จะไม่เป็นการตายฟรี มันสะท้อนอย่างไรนั้น ทนายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ เพราะมันเป็นความคิดเห็นของท่าน เราขอยังไม่ให้คำตอบ
ทนายวีรศักดิ์ นาคิน กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของการที่ผู้กำกับโจ้เคยมอบอำนาจให้ตนไปแจ้งความร้องทุกข์เรื่องการถูกทำร้ายร่างกาย แล้วทางกรมราชทัณฑ์ระบุว่าเป็นการทำผิดขั้นตอน เนื่องจากต้องมีการทำหนังสือของสถานีโรงพักขออนุญาตไปยังผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมก่อน เนื่องด้วยจำนวนผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลางคลองเปรมมีมากกว่า 6,000 ราย หากผู้ต้องขังล้วนมอบอำนาจให้ทนายความไปแจ้งพนักงานสอบสวน ก็จะเป็นการทำให้เรื่องมีความซับซ้อนวุ่นวายเกิดขึ้นภายในเรือนจำฯ อันนี้คงต้องดูในส่วนของระเบียบของกรมราชทัณฑ์ เพราะเราได้ทำหนังสือมอบอำนาจไปตามขั้นตอนปกติ ส่วนที่รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่ามันจะต้องมีหนังสือขออนุญาตจากทาง สน.ประชาชื่น ไปยังผู้บัญชาการเรือนจำฯ เพื่อ ผบ.เรือนจำฯ อนุมัติให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบสวนปากคำได้นั้น ในส่วนที่จะต้องเข้าไปสอบสวน ได้มีหนังสือจากเจ้าพนักงานสอบสวนเข้าไปแล้ว แต่ว่าทางผู้บัญชาการเรือนจำในขณะนั้นก็ไม่ได้อนุมัติให้เข้าไป ซึ่งเราได้มีการร้องเรียนไปตลอดตั้งแต่ยุคผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมคนก่อนหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี