“ทวี”ยันไม่ปกป้องคนผิดคดี “ผกก.โจ้”ด้านญาติ ร้องดีเอสไอสอบปมการตาย รองอธิบดีฯเผยสอบในส่วน พรบ.อุ้มหาย ไม่เกี่ยวสำนวนคดีหลักที่ตำรวจดำเนินการ ขณะที่แฟนสาวยัน ผกก.โจ้ ถูกกลั่นแกล้ง ส่งเรื่องถึงเรือนจำฯ4ครั้ง ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ยันเบิกแค่ยานอนหลับ ไม่ได้รับยาอื่น
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้สภ.เมืองนครสวรรค์ ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม โดยก่อเหตุใช้ผ้าขนหนูผูกคอตัวเองที่ห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอน แดน 5 เรือนจำดังกล่าว เหตุเกิดช่วงค่ำวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา โดยกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่าไม่มีใครทำร้าย และได้ส่งศพให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชันสูตร แต่ญาติยังติดใจและส่งศพไปชันสูตรซ้ำที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ก่อนรับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ เขตบางเขน โดยจะฌาปนกิจศพ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนทางคดีกับกรณีการเสียชีวิต ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่า ผกก.โจ้ ฆ่าตัวตาย และเรียกร้องให้เรือนจำนำภาพวงจรปิดฉบับเต็ม มาเปิดเผยนั้น ทราบว่าทางพนักงานสอบสวนนำเอาเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดไปแล้ว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ได้มีการนำภาพวงจรปิด เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนแล้ว ส่วนรายละเอียดหากสื่อมวลชนมีข้อสงสัยก็ขอให้กรมราชทัณฑ์เปิดให้ดูทั้งหมดทุกแง่มุมเพียงแต่ส่วนที่พนักงานสอบสวนยึดไปแล้ว อาจต้องประสานพนักงานสอบสวนเอง นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้อนุกรรมการกลั่นกรองการป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการอุ้มหาย ไปตรวจสอบข้อมูล ทราบว่าขณะนี้มีการร้องไปที่อัยการเราก็จะให้ความเป็นธรรม และจะเร่งทำให้กระจ่างเร็วที่สุด
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.ธนัญญาอุทธนผล อายุ 34 ปี น้องสาวของผกก.โจ้ พร้อมด้วย น.ส.สิภชา แก่นสุวรรณ แฟนสาวของ ผกก.โจ้ และนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้แทนรับเรื่อง โดย ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบว่ามีการกระทำที่เกี่ยวกับกฎหมายอุ้มหายหรือไม่ เบื้องต้นได้รับฟังข้อเท็จจริงจากญาติเรียบร้อยแล้ว ส่วนในรายละเอียดขอยังไม่เปิดเผย ขอตรวจสอบแล้วหากได้ผลอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวต่อว่า การตรวจสอบของเราไม่เกี่ยวกับสำนวนคดีหลักเรื่องการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ เพราะเราดูแค่เรื่องกฎหมายการอุ้มหายและข้อมูลที่ญาติได้ให้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ด้าน น.ส.สิภชา กล่าวว่า ได้บอกเล่าข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากเอกสารซึ่งเคยยื่นไปก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้ ผกก.โจ้ไม่ใช่ว่าเราไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจ แต่อย่างที่เคยบอก ในฐานะคนในครอบครัว ก็อยากช่วย ผกก.โจ้ ให้ถึงที่สุด อะไรที่ครอบครัวทำได้ก็จะทำ รวมทั้งอยากให้มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่ครอบครัวติดใจ คือเรื่องการเสียชีวิต รวมถึงกรณีที่ ผกก.โจ้ ถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย
น.ส.สิภชา กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องแรงจูงใจ อย่างที่ตนเคยบอกว่า ผกก.โจ้มีความทุกข์อยู่แล้วตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ถูกกลั่นแกล้งมันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เพราะคนเราไม่ได้ทำผิดแต่กลับถูกเอาไปขังอยู่ในนั้น มันถือว่าเป็นความทุกข์ทั้งนี้ แม้เรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของตำรวจแล้วแต่เราก็ยังขอดำเนินการต่อในส่วนที่ทำได้
“ประเด็นที่กรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชน6 ประเด็นจะขอพูดในส่วนที่สามารถพูดได้ เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับสำนวนในคดี แต่บอกได้เลยว่าเรื่องข้างในเรือนจำมันเป็นแดนสนธยา เขาสามารถจะพูดหรือทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องข้างนอกทาง ผกก.โจ้ยังยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะได้ถูกทำร้ายร่างกายและถูกกลั่นแกล้งจากผู้คุมจริงๆ ซึ่งเป็นการถูกกระทำจากบุคคลคนเดียว คือผู้คุมรายดังกล่าว” น.ส.สิภชา กล่าวและว่า กรณีความประสงค์ที่อยากให้ย้ายรักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำฯ และผู้คุมแดน 7 ออกจากพื้นที่เรือนจำฯ ไว้ก่อน ก็ยังมีความต้องการเหมือนเดิม
เมื่อถามถึงกรณีที่พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ไม่สามารถเข้าไปสอบสวนปากคำพยานภายในเรือนจำฯ ถึง2 ครั้ง เป็นประเด็นข้อขัดข้องในเรื่องเอกสารการขออนุญาตจากทาง ผบ.เรือนจำฯ หรือไม่ หรือเป็นเพราะมีการเปลี่ยนตำแหน่ง ผบ.เรือนจำ ขณะนั้น น.ส.สิภชา กล่าวว่า จริงๆ ผบ.เรือนจำฯ มีการเปลี่ยนมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้น ต้องบอกว่าการร้องเรียนที่ผ่านมา เราไม่เคยได้รับความเป็นธรรม เพราะร้องเรียนไป 4 ครั้งแล้ว
ต่อข้อถามว่าในวันที่เข้าไปเยี่ยม ผกก.โจ้เป็นวันสุดท้าย เจ้าตัวให้ข้อมูลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ น.ส.สิภชา กล่าวว่า เขาก็ยังยืนยันว่าให้รีบไปดำเนินการเรื่องคดี ให้มีการสอบปากคำ หากเข้ามาไม่ได้ ก็ให้ดูว่าทนายความ สามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะจริงๆ มันเป็นสิทธิของเขาอยู่แล้ว ที่สามารถแจ้งความ แม้ความจริงเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่มีใครที่สามารถขัดขวางได้ ดังนั้นการที่มาขัดขวางแบบนี้คือต้องการที่จะปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการเอาเพื่อนร่วมรุ่นตำรวจของ ผกก.โจ้ เข้าไปเยี่ยมด้วย ปกติบุคคลดังกล่าวอยู่ใน 10 รายชื่อเยี่ยมญาติอยู่แล้ว ซึ่งมีการอนุญาตอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าระหว่างที่ ผกก.โจ้ถูกคุมขังในแดน 7 และย้ายไปแดน 5 มีการใช้ยาปรับสารเคมีในสมองหรือไม่ น.ส.สิภชา กล่าวปฏิเสธว่าไม่มี เพราะยาปรับสารเคมีในสมองจะเป็นพวกซึมเศร้า และไม่มีการใช้ยาเกี่ยวกับเรื่องของการวิตกกังวล แพนิค ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า ผกก.โจ้ได้เบิกใช้ยา แล้วเจ้าหน้าที่ต้องนำยาไปจ่ายให้ปกติแล้วยาที่ ผกก.โจ้รับประทานเป็นยานอนหลับ ไม่ใช่ยาที่ทำให้สมองผิดปกติหรืออะไร
น.ส.สิภชา กล่าวถึงเรื่องความกดดันของ ผกก.โจ้ ระหว่างถูกคุมขัง ก็เป็นเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง แม้ย้ายไปแดน 5 ก็ยังพบเรื่องดังกล่าว ส่วนความกดดันจะเป็นเหตุจูงใจให้ก่อเหตุฆ่าตัวตายหรือไม่ ก็อย่างที่บอก การถูกลงโทษโดยไม่มีความผิด อย่างไรก็เป็นความทุกข์
ส่วน น.ส.ธนัญญาน้องสาว ผกก.โจ้ เปิดเผยว่า กรณีการเสียชีวิตของพี่ชายตน ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนวันเดียวกันนนี้ ได้แจ้งข้อมูลและมอบพยานหลักฐานแก่ทางดีเอสไอ
ส่วนการเข้าเยี่ยมญาติของเพื่อน ผกก.โจ้ ถือเป็นการเข้าไปให้กำลังใจและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้3 ปีที่แล้วญาติเคยนำผ้าขนหนูเช็ดตัวสีชมพูขนาด108เซนติเมตร เข้าไปให้ ผกก.โจ้ในเรือนจำฯ หรือไม่ น.ส.ธนัญญา กล่าวว่า ปกติมันนำเข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่เรื่องของการฝากเงินให้ผู้ต้องขังเพื่อไปเบิกซื้อรายการสิ่งของเครื่องใช้ภายในเรือนจำสามารถดำเนินการได้ เพราะว่าเงินเราได้ฝากเข้าไปเพื่อให้เขาไปจับจ่ายหักเงินในบัญชี แต่ถ้าจะให้เอาสิ่งของจากข้างนอกฝากเข้าไป ไม่สามารถทำได้ ส่วน ผกก.โจ้จะกดเงินซื้ออะไรในเรือนจำฯ ตนไม่ทราบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี