ชาวบ้าน 3 ตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พื้นที่ใช้น้ำชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว (เขื่อนลำปาว) พลิกผืนนาที่เคยทำนาปรังในฤดูแล้ง ที่ต้นทุนสูง ราคาข้าวตกต่ำ เป็นแปลงปลูกพืชผักผสมผสาน ‘แปลงใหญ่’ หลายชนิด เก็บผลผลิตทั้งยอด ดอก ผล จำหน่ายขายในชุมชน สร้างรายได้เดือนละกว่า 15,000 บาท
วันที่ 13 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ ในฤดูแล้ง พื้นที่ใช้น้ำชลประทานของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว (เขื่อนลำปาว) หลายอำเภอ ที่นอกจากจะมีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและทำนาปรังเป็นส่วนใหญ่แล้ว ยังพบว่าในพื้นที่ ต.ลำคลอง ต.ลำปาว และต.บึงวิชัย อ.เมืองกาฬสินธุ์ เกษตรกรได้รวมกลุ่มปลูกพืชผักสวนครัวผสมผสาน ‘แปลงใหญ่’ สร้างร้ายได้ตลอดปี โดยมีการปลูกพืชฤดูแล้ง อายุสั้น ใช้น้ำน้อย อายุ 3-4 เดือนเก็บผลผลิต เช่น พืชกระกูลแตง ฟักทอง บวบ ข้าวโพด ถั่วลิสง พริก มะเขือ ถั่วฝักยาว สามารถเก็บขายได้ทั้งส่วนของยอด ใบ ดอก ผล รายได้อย่างน้อยวันละ 300 บาท ตกเดือนละ 15,000 บาททีเดียว
นายสมจิตร อายุ 54 ปี อยู่ที่หมู่ 3 เกษตรชาวบ้านหาดทอง ต.ลำคลอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เดิมตนเคยไปทำงานรับจ้างทั่วไปและขับวินมอเตอร์ไซค์ที่กรุงเทพฯ เป็นเวลานับ 20 ปี พักหลังรายได้ไม่แน่นอน ขณะที่รายจ่ายส่วนตัวประจำวันสูงมาก จึงคิดว่ากลับมาตั้งหลักทำการเกษตรที่บ้านดีกว่า เพราะมีช่องทางทำมาหากินมากมาย ไม่มีวันอดตายหากขยัน โดยเฉพาะมีความพร้อมทั้งที่ทำกินและแหล่งน้ำจากคลองชลประทานเขื่อนลำปาว
นายสมจิตร กล่าวอีกว่า จากบริบทของพื้นที่เขต ต.ลำคลอง ต.ลำปาว และต.บึงวิชัย อยู่ในทำเลดี มีแหล่งน้ำดังกล่าว จึงเป็นแหล่งปลูกพืชผักสวนครัวตลอดปี ผลผลิตจำหน่ายในตลาดชุมชน และมีพ่อค้าแม่ค้าทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่มารับซื้อถึงที่ นำส่งตามตลาดสด ตลาดไทย และตลาดทั่วไป ถือเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ หรือแหล่งผลิตพืชผักกลุ่มใหญ่ที่สุดในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ สำหรับตนซึ่งมีแรงงานคนเดียว ใช้พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ปลูกข้าวโพด และฟักทอง โดยฤดูแล้งปีนี้ปลูกข้าวโพด 3 รุ่น และฟักทอง 2 รุ่น ช่วงกำลังติดดอกออกผล สามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุกวัน เช่น ผลผลิตของฟักทองเก็บขายได้ทั้งยอด ดอกตัวผู้ และผล
‘สำหรับดอกฟักทองนั้น นิยมลวกจิ้มน้ำพริก หรือเป็นเครื่องเคียงต้มซุป แกงอ่อม รสชาติหวาน มัน อร่อย โดยจะเก็บดอกตัวผู้ไปขายในหมู่บ้าน 30 ดอก/มัด ขายมัดละ 10 บาท มีรายได้วันละ 200-300 บาท ส่วนผลนิยมเก็บผลแก่ขายในราคา กก.ละ 15 บาท หรือบรรจุถุงขายถุงละ 10 กก.ราคา 150 บาท ข้าวโพดก็ขายทั้งฝักดิบและต้มสุก 3 ฝักราคา 20 บาท หรือแล้วแต่จะตกลงกันได้ หากปีนี้ได้กำไรดี ฤดูแล้งปีหน้าก็จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีก และเพิ่มชนิดพืชผักให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะเห็นแล้วว่าทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ได้อยู่กับครอบครัว’ นายสมจิตรกล่าว
ด้าน นายเลิง อายุ 54 ปี เกษตรกรบ้านโนนตูม ม.4 กล่าวว่า ฤดูแล้งทุกปีตนเคยทำนาปรัง ประสบปัญหาต้นทุนสูง ทั้งค่ารถไถ ค่าปุ๋ยเคมี ค่ารถเกี่ยว ราคาขายข้าวเปลือกตกต่ำ ไม่คงที่ ขาดทุนทุกปี บางปีประสบปัญหาภัยแล้ง ต้นข้าวเกิดโรคระบาด ก็ยิ่งขาดทุนและเสียโอกาสสร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเพื่อนเกษตรกรพื้นที่ข้างเคียงปลูกพืชผักแปลงใหญ่รายได้ดี เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา จึงหันมาปลูกพืชผักบ้าง โดยเปลี่ยนแปลงนามาเป็นแปลงปลูกพืชตระกูลแตงและถั่วลิสง อายุสั้น ใช้น้ำน้อย หากประสบภัยแล้งพืชผลก็ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก พบว่าสะดวก สบาย ต้นทุนต่ำ ได้กำไรดีกว่าปลูกข้าวนาปรัง
‘ทั้งนี้ ได้ใช้พื้นที่ 2 ไร่ ปลูกแตงไทย และถั่วลิสง ทุกวันนี้มีรายได้จากการเก็บแตงไทยขาย เฉลี่ยรายได้วันละ 300 บาท 1 เดือนมีรายได้ประมาณ 15,000 บาท บวกลบต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว ดีกว่าทำนาปรังและปลูกพืชชนิดอื่น ที่สำคัญไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ปุ๋ยคอกบำรุง ใช้ชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช บริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ พืชผลก็เจริญเติบโต ให้ผลผลิตสูง ต้นทุนต่ำ ทุกวันนี้เก็บผลผลิตขาย มีรายได้ตลอดทั้งเดือน ทั้งนี้ ในส่วนของการปลูกพืชผักหลากหลายของกลุ่มเกษตรกรเรา 3 ตำบล ยังถือเป็นการเอาชนะภัยแล้ง เพราะเป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย ต้านทานโรค ที่สำคัญรายได้ดี ดีกว่าปลูกข้าวนาปรังหลายสิบเท่าก็ว่าได้’ นายเลิง กล่าว ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี