ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ CIB Operation Miner Strike ปฏิบัติการสายฟ้าล่าเหมืองเถื่อน บุกจับขบวนการลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดเหมืองบิทคอยน์ ความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท
วันที่ 15 มีนาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร และพ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ภาสกร นภาโชติ ผกก.1 บก.ปทส. ปรก.ฯ บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.วรงค์พล ขวัญสุวรรณ, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ และ พ.ต.ท.สุรโชค กังวานวาณิชย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.วรงค์พล ขวัญสุวรรณ, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์, พ.ต.ท.สุรโชค กังวานวาณิชย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ, พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล, พ.ต.ท.ประภาส วังงาม, พ.ต.ท.หญิง ปวีณวรรณ พลหาญ, พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว.กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และ กรุงเทพมหานคร ดังนี้
1. อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จำนวน 3 หลัง
2. บ้านพักภายในหมู่บ้านย่าน รามอินทรา 65 กทม. จำนวน 1 หลัง
ตรวจยึด
1. อุปกรณ์ขุดสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 63 เครื่อง
2. ชุดควบคุมอุปกรณ์ขุดสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 3 เครื่อง
3. แผงวงจรไฟฟ้า จำนวน 3 เครื่อง
4. เราท์เตอร์ TP Link จำนวน 3 เครื่อง
5. อุปกรณ์กระจายสัญญาณ HUB จำนวน 3 เครื่อง
6. มิเตอร์ไฟฟ้าดัดแปลง จำวน 3 เครื่อง
7. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง
8. โทรศัพท์มือถือ IPHONE 14 PROMAX จำนวน 1 เครื่อง
9. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง
10. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม
พฤติการณ์ ในปัจจุบัน คริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก โดยเฉพาะสกุลเงินบิทคอยน์ ซึ่งถือเป็นเหรียญดิจิทัลที่ได้รับความนิยมและมีมูลค่าทางตลาดสูงสุด การได้มาซึ่งบิทคอยน์สามารถทำได้ทั้งการซื้อผ่านตลาดแลกเปลี่ยนออนไลน์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล หรือผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "การขุดบิทคอยน์" ซึ่งใช้เครื่องขุดที่ติดตั้งชิปพิเศษ (ASIC) ในการประมวลผลสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อสร้างเหรียญใหม่ อย่างไรก็ตาม การขุดบิทคอยน์ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ทำให้มีบางกลุ่มบุคคลหาวิธีลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลกำไร ส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานของประเทศ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับการลักลอบใช้ไฟฟ้าตามสถานที่ต่างๆ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่คลอง 6 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ว่ามีบ้านร้างหลายหลังถูกใช้เป็นแหล่งขุดเหมืองบิทคอยน์เถื่อน โดยพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้ามาดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าและมิเตอร์ไฟฟ้า เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบอาคารพาณิชย์ 3 หลังที่มีลักษณะดัดแปลงระบบไฟฟ้าเพื่อขุดบิทคอยน์ จึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม
จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดบิทคอยน์ มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานเป็นระบบ นอกจากนี้ การตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบว่ามีบุคคลที่น่าเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าวอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งย่านรามอินทรา 65 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายทั้ง 3 หลัง และบ้านพักของบุคคลที่คาดว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ พบว่าแต่ละอาคารถูกดัดแปลงเป็นสถานที่ขุดบิทคอยน์ มีการติดตั้งเครื่องขุดจำนวนมาก พร้อมระบบระบายความร้อนและอุปกรณ์ควบคุมที่สามารถจัดการเหมืองจากระยะไกล รวมถึงมีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อต่อไฟตรงจากหม้อแปลง ซึ่งจากการตรวจค้นพบเครื่องขุดบิทคอยน์รวมกว่า 63 เครื่อง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขุดเหมือง รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
ระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบว่าเกิดไฟฟ้าขัดข้องและมีควันลอยขึ้นจากอุปกรณ์ที่ต่อไฟตรง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการลักลอบใช้ไฟฟ้าในลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ จากการตรวจสอบพบว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการไฟฟ้าจากบ้านทั้ง 3 หลัง อยู่ที่กว่า 11 ล้านบาท
จากการตรวจค้นบ้านพักของบุคคลที่คาดว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ พบว่าบุคคลดังกล่าวจบวิศวกรไฟฟ้า ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์ควบคุมเหมืองขุดบิทคอยน์แบบออนไลน์ โดยให้การยอมรับว่าตนเองมีหน้าที่ดูแลระบบทั้งหมด ทั้งการหาสถานที่ตั้งเหมือง การนำเข้าเครื่องขุด การติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงการตั้งค่าระบบการขุดแบบออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลาง และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ การลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดเหมืองบิทคอยน์นับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นการใช้ทรัพยากรโดยผิดกฎหมาย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมาก อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรและอัคคีภัยที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดลักษณะนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า การลักลอบใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเพื่อกระทำความผิดหรือใช้ในกิจการใดๆ ก็ตาม เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหา "ลักทรัพย์" โดยผู้กระทำความผิดอาจต้องรับโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้การขุดเหมืองบิทคอยน์เพื่อนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็นปกติธุระ อาจเข้าข่ายความผิดในข้อหา "ฟอกเงิน" ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของขบวนการที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง
การลักลอบใช้ไฟฟ้าไม่เพียงแต่ผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยัง ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยการดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าหรือมิเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เสี่ยงต่อการเกิด อัคคีภัย ซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะเจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ให้ช่วยสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบ สถานที่ต้องสงสัย หรือ มีการใช้ไฟฟ้าในลักษณะที่ผิดปกติ ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายและช่วยรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะเดินหน้าขยายผลการสืบสวนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อปราบปรามและป้องกันการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี