มาแน่‘พายุลูกเห็บ’
อุตุเตือนภัยช่วง16-20มี.ค.
มท.1สั่งผู้ว่าทุกจว.รับมือ
กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือน ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ระวังพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ช่วง 16-20 มีนาคม 2568 ขณะที่ รมว.มหาดไทยเซ็นคำสั่งด่วน สั่งผู้ว่าฯทุกจังหวัด เตรียมพร้อมรับ
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 2 เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง (มีผลกระทบบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 16-20 มีนาคม 2568)
ในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค.68 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในช่วงวันที่ 16-17 มี.ค.68 หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอื่นๆ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง หรืออยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วนเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย
จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้
วันที่ 16 มีนาคม 2568 ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
วันที่ 17 มีนาคม 2568 ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ กำแพงเพชร สุโขทัย และตาก ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 17-20 มี.ค.68 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและห่างฝั่งทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุกาาร รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ด้วยขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูร้อน ที่ในช่วงต้นฤดูมักเกิดพายุฤดูร้อนที่สร้างความเสียหายต่อ ชีวิต ทรัพย์สิน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร ของประชาชน เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ออกข้อสั่งการถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์พายุฤดูร้อนในปี 2568
“ข้อมูลของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ชี้ว่าในเดือนมี.ค.-พ.ค. ของทุกปีจะมีพื้นที่ทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ซึ่งเมื่อรวมแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาปี 65- 67 ได้มีผู้เสียชีวิตรวมถึง 44 คนบ้านเรือนเสียหายถึง 217,639 หลัง และประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 210,186 ครัวเรือน ท่านอนุทิน จึงให้ทุกจังหวัดเตรียมการให้พร้อม เพราะแม้ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่การเตรียมการป้องกันจะสามารถบรรเทาความเสียหาย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ได้ทุกจังหวัดดำเนินการใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการเตรียมความพร้อม โดยให้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ตรวจสอบอาคาร สิ่งก่อสร้าง ป้ายโฆษณา และไม้ยืนต้นที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันการพังทลาย เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยเพื่อช่วยเหลือประชาชนทันที รวมถึงสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบแนวทางปฏิบัติตัวให้ปลอดภัย เช่น การป้องกันฟ้าผ่าและการขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ
ด้านการเผชิญเหตุ หากเกิดสถานการณ์วาตภัยจากพายุฤดูร้อนที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินในพื้นที่ใดให้เร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายให้แบ่งภารกิจ พื้นที่ รับผิดชอบและบูรณาการหน่วยงาน เพื่อจัดทีมปฏิบัติการเร่งเข้าซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน กรณีป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้าง ไม้ยืนต้น หรือโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหายให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเข้าดำเนินการแก้ไขไม่ให้กีดขวางพื้นที่สาธารณะ และซ่อมแชมให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ หากพื้นที่ใดเกิดความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ให้ อปท. และอำเภอร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 มี.ค.68 ที่ผ่านมา เกิดเหตุพายุพัดแรงเป็นเหตุให้วัดป่าท่ามะขาม ตั้งอยู่ในหมู่ 2 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ถูกลมพายุพัดกระหน่ำจนทำให้กระเบื้องหลังคาอุโบสถปลิวตกลงมาจำนวนมาก รวมทั้งแผ่นโซล่าเซลล์ที่ใช้กับแสงสว่างและเครื่องสูบน้ำภายในวัดได้ปลิวตกลงมาแตกเสียหายทั้งหมด ทำให้วัดเกิดปัญหาต้องไปขอต่อไฟฟ้ามาใช้กับเครื่องสูบน้ำและแสงสว่าง เนื่องจากตัววัดอยู่บนเขาสูง นอกจากนี้ยังมีต้นไม้หักโค่นอีกหลายต้น ชาวบ้านได้มาช่วยกันทำความสะอาดและนำต้นไม้และกิ่งไม้ออกไปทิ้งบ้างแล้ว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าแผ่นโซล่าเซลล์จำนวน 6 แผ่นตกลงมาจากหลังคาเจดีย์ที่เก็บอัฐิของอดีตเจ้าอาวาสตกลงมากระแทกพื้นแตกใช้การไม่ได้โครงป้ายเหล็กก็ถูกพัดจนหลุด นอกจากนี้กระเบื้องบนหลังคาอุโบสถก็ถูกลมพัดจนปลิวหายไป ทางชาวบ้านต้องช่วยกันนำแผ่นสังกะสีขึ้นไปปิดไว้เป็นการชั่วคราวเพราะเกรงว่าอาจจะมีฝนตกลงแล้วน้ำไหลเข้าไปในตัวอุโบสถ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในเขตพื้นที่หมู่ 8 บ้านโคกขมิ้น ตำบลโคกเหล็ก อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ว่า ในช่วงเวลา 16.00 น.ของวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดเอาหลังคาบ้านเรือนของชาวบ้าน คอกสัตว์ โรงเรือนได้รับความเสียหายกว่า 10 หลังโดยทางผู้ใหญ่บ้านออกสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะได้รายงานให้กับทางอำเภอ และทางเทศบาลตำบลโคกเหล็ก ได้รับทราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี