18 มี.ค. 2568 ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ได้มีตัวแทนกลุ่มลูกจ้าง 5 ตำแหน่ง คือ ธุรการโรงเรียน, ครูขาดแคลนขั้นวิกฤต ,ครูวิทย์-คณิต ,พี่เลี้ยงเด็กพิการ ,นักการภารโรง 4 ภาค ประมาณ 120 คน นำโดย นายวราวิทย์ อัคราภิรมย์ โฆษกสมาพันธ์เจ้าหน้าที่โรงเรียนแห่งประเทศไทย และนายประวิทย์ วงศ์นาคำ ประธานเครือข่ายลูกจ้างชั่วคราว นักการภารโรง 4 ภาค พร้อมสมาชิก
ได้เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาลูกจ้าง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ. )ที่ปรับเปลี่ยนวิธีการจ้างเป็นจ้างเหมาบริการ และตัดเงินสมทบประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ส่งผลให้ลูกจ้างกว่า 72,044 คน ทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ อาทิ ถูกติดสิทธิการรักษาพยาบาล การคลอดบุตร ทุพลภาพ เสียชีวิต การรับเงินสงเคราะห์ เป็นต้น
จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรม จาก พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมี นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ(สพร.) สพฐ. และ นายนิยม ไผ่โสภา ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สนผ.) สพฐ. และคณะเป็นผู้รับเรื่องแทน
โดยนายศุภสิน กล่าวว่า ตน พร้อมด้วยนายนิยม และคณะ ได้รับมอบหมายจากว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ให้มารับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ สพฐ.รับรู้ถึงปัญหาต่างๆ เป็นอย่างดี และในฐานะ ผู้อำนวยการ สพร. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลบุคลากร สพฐ. ทั้งระบบ ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการหารือ กับผู้บังคับบัญชา และรายงานให้นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) รับทราบมาโดยตลอด
ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการส่งหนังสือไปสอบถามกรมบัญชีกลาง กรณีการจ้างลูกจ้างชั่วคราว ต่อเนื่อง ในปี 2567 ซึ่งทางกรมบัญชีกลาง ก็มีหนังสือตอบกลับมาว่าสามารถทำได้ แต่ต้องทำสัญญาภายในเดือนกันยายน จากนั้น สพฐ. ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือของบกลางเพื่อเยียวยา และทำมาตรฐานตำแหน่ง เสนอให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พิจารณา ซึ่งทาง ก.พ. ตอบกลับมาว่า ตำแหน่งลูกจ้าง ไม่ใช่ตำแหน่งหลัก เป็นตำแหน่งส่งเสริม ดังนั้น จึงต้องกลับมาหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึงหารือกับคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร
“การหารือกับ กมธ.การศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในครั้ง สำนักงาน ก.พ. ได้ให้ข้อแนะนำ ให้ไปทำความตกลงกับ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เสนอแนวทางเปลี่ยนจากจ้างเหมาบริการ มาเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้ ซึ่งมีแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ อาทิ กรณีลูกจ้างชั่วคราวของ กระทรวงการต่างประเทศ ลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) แต่ที่ดูมีความเป็นไปได้ของกลุ่มลูกจ้าง ศธ. คือ ลูกจ้างที่ทำความตกลงพิเศษ กับกระทรวงการคลัง ซึ่งที่ประชุม เห็นร่วมกันว่า แนวทางนี้จะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด “นายศุภสิน กล่าว
ผู้อำนวยการ สพร. กล่าวต่อว่า เมื่อได้แนวทางดังกล่าวแล้ว ตนตึงได้จัดทำหนังสือ ข้อเสนอการแก้ไขปัญหา รวมถึงมาตรฐานตำแหน่ง เสนอให้กรมบัญชีกลาง พิจารณาแล้ว หากกรมบัญชีกลางให้ความเห็นชอบ ก็จะส่งให้สำนักงาน ก.พ. ดูมาตรฐานตำแหน่ง และกรอบตำแหน่งอีกรอบ ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับมาใช้จ้างชั่วคราว เพราะบางตำแหน่งก็จ้างไม่ได้ โดยต้องดูลักษณะเหตุผลและความจำเป็น หากสำนักงาน ก.พ.เห็นชอบ ก็ต้องส่งเรื่องให้สำนักงบประมาณ พิจารณา เพื่อของบ ซึ่งกลุ่มที่จะได้กลับไปจ้างชั่วคราว จะได้รับเงินประกันสังคมอันโนมัติ และใช้งบเพียงกว่า 200 ล้านบาท รายละเอียดเหล่านี้ทางสพฐ. ดำเนินการมาหมดแล้ว รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา คาดว่าจะหารือกับกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม นี้
“ผมเข้าใจความเดือดร้อน เพราะฉะนั้น จะเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด ส่วนหากจะไปยื่นหนังสือกับหน่วยงานใดต่อนั้น ก็ขอให้ไปอย่างกัลยาณมิตร ส่วนที่เสนอให้ขึ้นเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหา” นายศุภสิน กล่าว ย้ำ
ด้านนายวรวิทย์ อัคราภิชาติ โฆษก สมาพันธ์เจ้าหน้าที่โรงเรียนแห่งประเทศไทย กล่าวว่าที่พวกเรานัดกันมาเรียกร้องสิทธิ์ในวันนี้ เพราะได้รับความเดือดร้อน แต่มี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หลายแห่งขู่ว่า ถ้าพวกเราเดินทางมาเรียกร้องจะเลิกจ้าง ตนอยากรู้ว่าท่านเป็นผู้ใหญ่จิตใจมีความเมตตาบ้างหรือไม่ พวกเรามาเพราะเดือดร้อนจริงๆเดือดร้อนตั้งแต่ตุลา 2567 เงินเดือน 9,000 บาท ถูกหักเหลือแล้ว เฉลี่ยเหลือวันละ 268 บาท ค่าจ้างต่ำกว่าลูกจ้างต่างด้าวอีก วันนี้จึงอยากให้ผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยดูแลช่วยเหลือพวกเราบ้าง
“ลูกจ้างทั้ง 5 กลุ่มที่ถูกปรับเปลี่ยนวิธีการจ้างจากเดิมเป็นลูกจ้างชั่วคราว (โครงการ SP 2) ที่มีประกันสังคมร้อยละ 5 มาตั้งแต่ปี 2552 แต่วันที่ 1 ต.ค.2567 ทาง สพฐ. ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการเป็นจ้างเหมาบริการ ทำให้ไม่มีเงินสมทบประกันสังคม สิทธิประกันสังคม ม. 33 ที่พวกเราได้รับมาตลอดนั้นถูกเพิกถอนออกไป ทั้งสิทธิการรักษาพยาบาล คลอดบุตร ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต จะถูกตัดสิทธิภายใน 6 เดือน ซึ่งจะครบวันที่ 31 มี.ค.2568 นี้แล้ว พวกเราพี่น้องลูกจ้างทั่วประเทศ จึงต้องออกมาสอบถามถึงการเยียวยาช่วยเหลือ” นายวรวิทย์ ระบุ
นายวราวิทย์ กล่าวต่อว่า จากที่รับฟัง นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการ สพร.(สพฐ.)ได้ชี้แจงกับผู้มาเรียกร้องว่า สพฐ.ได้กำหนดรายละเอียดตำแหน่งต่างๆของลูกจ้างชั่วคราว และนำส่งไปให้กับทางกระทรวงการคลังแล้ว ก็ถือเป็นนิมิตรหมายอันดี และทราบมาเบื้องต้นว่าทางสำนักงาน ก.พ. ได้เปิดกรอบอัตรารอพวกเราแล้ว กรณีลูกจ้าง สพฐ.ที่มีข้อตกลงพิเศษกับกระทรวงการคลัง
“ดังนั้น เราก็จะเดินทางไปขอคำตอบจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ว่าจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนอย่างไรกับสิทธิประกันสังคมที่กำลังจะหมดไป และจะไปขอพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียนให้ท่านรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกจ้างของ สพฐ.ทั้ง 7 หมื่นกว่าอัตรา ที่เดือดร้อน ทั้งที่เป็นคนไทยกลับถูกเพิกถอนสิทธิ ไม่ได้รับสิทธิประโยช์ของคนไทย แต่ชาติพันธ์ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย กลับมีกฎหมายบังคับให้เข้ารับสิทธิประกันสังคมได้“ นายวราวิทย์ กล่าว
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี