ชาวบ้านนักอนุรักษ์ป่า ขึ้นศาลเจ้าพ่อดงภูดินวอนสิ่งศักดิ์สิทธิช่วยด่วน หลัง จนท.รัฐออก นส.3 ในป่าสงวนแห่งชาติให้ชาวบ้านรายหนึ่ง พร้อมทำการโค่นไม้ใหญ่ ขุดดินส่งขาย แจ้งป่าไม้ก็ไร้วี่แวว ด้านนายอำเภอหลังทราบเรื่อง ส่งการ จนท.ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้ดินทางไปยังศาลเจ้าพ่อดงภูดิน ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ หลังรับทราบจากชาวบ้านว่ามีคณะกรรมการป่าและผู้นำชุมชนจะขึ้นร้องต่อศาลเจ้าพ่อดงภูดิน ซึ่งมีศาลตั้งอยู่ในป่าชุมชนดงภูดิน ติดลำน้ำมูล
จากการสอบถามนายวิชัย จำเริญ อายุ 56 ปี เฒ่าจ้ำประจำศาลเจ้า และประธานป่าชุมชนดงภูดิน เล่าว่า พวกตนมาจุดธูปเทียนร้องต่อศาลเจ้า ด้วยมีความอึดอัดและไม่สบายใจกรณีที่เห็นชาวบ้านรายหนึ่งได้ถือโฉนดที่ดิน นส. 3 มาอ้างสิทธิทำกินในทีดินซึ่งอยู่ในเขตป่าชุมชนดงภูแดง และเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติด้วย โดยบุคคลดังกล่าวได้ทำการตัดต้นไม้ใหญ่เก่าแก่จำนวนมาก และยังมีการขุดดิน บรรทุกผ่านหมู่บ้านออกไปด้วย พวกตนในฐานะ คณะกรรมการป่าชุมชนที่ดูแลรักษาผืนป่าแห่งนี้มานาน เกิดความเสียใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไม่รู้จะพึ่งใครได้ จึงมาจุดธูปเทียน วิงวอนเจ้าพ่อดงภูดิน ซึ่งเป็นเจ้าพ่อที่ศักดิ์สิทธิให้ช่วยหาทางออกให้หวัง จนท.เกี่ยวข้อง ทั้งที่ดินและป่าไม้ได้มาชี้แจงให้ชาวบ้านได้เข้าใจร่วมกัน อย่าอึมครึม
นายหมื่น สุขปรีชา อายุ 75 ปี เล่าว่า ตนเองรู้สึกเสียใจ ว่าทำไมถึงสามารถออกเอกสารสิทธิในป่าได้ ตนเองเป็นคณะกรรมการป่าชุมชนดงภูดิน ดงภูแดงรุ่นแรก ดูแลป่าจนได้รับพระราชทานธงพิทักษ์ป่าและรางวัลอื่น ๆ จากกรมป่าไม้มาแล้ว ตั้งแต่ตนเกิดมาจนอายุป่านนี้ก็เข้าใจมาตลอดว่าป่าที่ถูกแผ้วถาง เป็นป่าสงวนแห่งชาติที่ชาวบ้านขอจัดตั้งเป็นป่าชุมชนเพื่อดูแลใช้ประโยชน์ร่วมกันตนทุกข์ใจมาก ที่เห็นป่าโล่งเตียน คิดถึงลูกหลานในภานภาคหน้า
ด้านนายวิจิตร นรสาร ผู้ใหญ่บ้านผึ้งกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันชาวบ้านผึ้งกว่า 40 หลังคาเรือน ที่อยู่อาศัยมานับ 100 ปี ปัจจุบันยังไม่สามารถขอออกโฉนด นส.3 กับที่ดินอำเภอก็ยังไม่ได้เลย โดยที่ดินบอกเพียงว่า พื้นที่ติดป่าสงวนแห่งชาติ แต่กรณีที่เจ้าของที่รายนี้กลับมีเอกสาร นส.3 ในที่ป่าสงวนแห่งชาติได้ถึง 63 ไร่ และเมื่อปี 2565 ก็มีการแบ่งมรดกสู่ญาติ ๆได้ด้วย ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือเปล่า
ขณะที่ นายณรงค์ เผื่อแผ่ นายอำเภอราศีไศล หลังทราบข่าวได้มอบหมายให้นายมีชัย ธนฤทธิ์ ปลัดอาวุโส พร้อมคณะ และจนท.อบต.หนองแค นำโดยนายไพรฑูรย์ โถทอง รองนายก อบต.หนองแค ได้เดินทางมาพบชาวบ้าน พร้อมออกดูพื้นที่ข้อพิพาทดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีรถบรรทุกดินวิ่งผ่านหมู่บ้านอยู่ตลอด และยังพบตอไม้จำนวนมากถูกตัดโค่น ซึ่งทราบภายหลังว่าท่อนไม้ได้ถูกลำเลียงออกไปก่อนนั้นแล้ว
จากการสอบถามนางกฤษณา สุทาวัน อายุ 60 ปี เล่าว่า ตนเป็นผู้รับมรดก ครอบครองโฉนดที่ดิน นส.3 ซึ่งเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำนวน เนื้อที่ประมาณ 63 ไร่ ออกให้เมื่อวันที่ 29 เดือนกันยายน 2513 โดยโฉนดที่ดินแปลงนี้เป็นของมรดก จากคุณตาชื่อนายทำมา จำปาพันธุ์ ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว ก่อนจะได้โฉนดออกมาแบ่งกันก็ได้ไปขึ้นศาลมาแล้ว ก่อนจะนำมาแบ่งกันและเข้ามาทำกิน ตามสิทธิ์ ทีผ่านมาตนไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ได้เพราะถูกคัดค้านจากชาวบ้าน
ด้านนายไพรฑูรย์ โถทอง รองนายก อบต.หนองแค ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ก่อนนั้น เมื่อ ปี 2563 เจ้าของทีดินได้เคยบุกรุกแผ้วถางมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ทราบว่า เรื่องก็เงียบ แต่มาครั้งนี้พบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางมากกว่าเดิม ทางชาวบ้านและผู้นำชุมชนจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปทางอำเภอเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาชี้แจงให้ชาวบ้านได้เกิดความชัดเจนจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกัน
สว่นนายมีชัย ธนฤทธิ์ ปลัดอาวุโสอำเภอราศีไศล กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจากนายอำเภอหลังได้รับเรื่องร้องเรียนได้มาดูและได้พบว่ามีการขุดดินและแผ้วถางป่าอยู่ โดยเจ้าของที่ ได้ถือเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งเป็นแปลงใหญ่พอสมควร ในเบื้องต้นต้องเชื่อว่าเป็นเอกสารของทางราชการไว้ก่อน ส่วนเรื่องแนวเขตจะชัดเจนอย่างไร ต้องให้ ทาง จนท.ป่าไม้ในฐานะผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ น่าจะทราบแนวเขตของตนเองดี ทั้งนี้ทางอำเภอจะประสานงานทำเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนและให้ยุติโดยเร็วต่อไป ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี