เปิดบอดี้แคม-วงจรปิด! นาทีระทึก ‘2หนุ่มขี่จยย.หนีด่านตำรวจ’ ไล่ล่ากว่า 4 กม. ก่อนหลบรถยนต์กระบะ เสียหลักพุ่งตกข้างทางคนซ้อนท้ายดับ เบื้องต้นตรวจคนขับรถ จยย.ที่หลบหนี ‘พบฉี่พบสีม่วง-รถภาษีขาด-ดัดแปลงท่อ’ พลิกแฟ้มประวัติพบเคยต้องคดียาเสพติด
จากกรณีเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจชุดอินทรีย์ชุดที่ 2 สภ.เมืองตรัง ตั้งด่านตามแผนพิทักษ์เมือง บริเวณถนนสายต้นปริง-แยกป่าหมาก (หน้า รร.ท่ากลางสอนขับรถยนต์) พื้นที่หมู่ 1 ถนนน้ำผุดใต้ ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง ในห้วงเวลา 09.30-10.30 น. ปรากฏว่าระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ได้มี นายธนกฤต อายุ 19 ปี ชาวบ้าน ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ไอ 125 สีดำ ทะเบียน จทม 9XX ชลบุรี มาพบเห็นด่านจึงขับหลบเลี่ยงไม่เข้าด่านตรวจ ซึ่งขณะนั้นมี นายธีรพงศ์ หรือ ‘จีน’ อายุ 30 ปี ชาวบ้าน หมู่ 1 ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นเพื่อนซ้อนท้ายมาด้วย โดยได้มีการขับหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ที่ดักซุ่มอยู่อีกฝั่งได้เข้ามาขวาง แต่ทั้งคู่ได้ขับหลบหนีออกได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ได้ขับรถ จยย.สายตรวจขับติดตาม โดยมุ่งหน้ามายังถนนเลียบแม่น้ำตรัง จนกระทั่งขับหนีมาถึงทางโค้ง เป็นระยะทางประมาณ 4 กม. ขณะที่มีรถกระบะตู้ทึบขับสวนมา ทำให้รถ จยย.หักหลบ และเสียหลักหลุดโค้งพุ่งตกข้างทางเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บ ผู้ซ้อนท้ายเสียชีวิต โดยทางญาติผู้เสียชีวิตกังขาในประเด็นที่ ‘ตำรวจเข้ามาล็อกกุญแจมือผู้เสียชีวิตภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุทำไม’ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มี.ค.68 ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : หนุ่มขับหนีด่าน!! ‘แหกโค้งดับ1สาหัส1’ ญาติคาใจ!ตร.ล็อคกุญแจมือขณะหายใจรวยริน)
ความคืบหน้าล่สุด จากกล้องวงจรปิดจากเทศบาล ต.นาตาล่วง สามารถจับภาพนาทีตั้งแต่ตัวของผู้ขับขี่รถ จยย. กลับรถไม่ยอมเข้าด่านตรวจของตำรวจ โดยมีตำรวจสายตรวจ 1 นาย พยายามสกัดเอาไว้ แต่รถ จยย.คันดังกล่าวยังหลบหลีกไปได้ และมุ่งหน้าผ่านสี่แยกไฟแดงป่าหมาก ซึ่งมีตำรวจขับติดตาม ก่อนมุ่งหน้าเข้าถนนเลียบแม่น้ำตรัง ผ่านหน้าวัดไพรสณฑ์ และเลี้ยวซ้ายจนเกิดอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันกล้องบอดี้แคมของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวที่ขับติดตาม ได้บันทึกภาพนาทีติดตามและการปฏิบัติหน้า จนถึงจุดเกิดเหตุ
ทางด้าน พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุได้รับรายงานจาก ผกก.สภ.เมืองตรัง ในทันทีถึงเหตุที่เกิดขึ้น ขอเรียนว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากตัวของผู้ขับขี่ รถจยย. ที่หลบหลีกไม่ยอมเข้าจุดตรวจของตำรวจตามปกติ และก็ขับหลบหนี ทำให้ตำรวจที่ประจำจุดตรวจต้องรีบขับขี่ รถจยย.ติดตามไป ซึ่งทางตำรวจมีกล้องบอดี้แคม ที่ติดตัวประจำกายของตำรวจบันทึกเหตุการณ์ในการขับติดตามอยู่ตลอด กระทั่งมาเกิดเหตุที่ผู้ขับขี่ที่หลบหนีเสียหลักตกลงไปข้างทาง หลังจากที่รถ จยย.ล้มลงไปแล้วนั้น ตำรวจซึ่งติดตามไปเพียงแค่นายเดียว ก็รีบลงจากรถแล้วเข้าไปควบคุมผู้ซ้อนท้าย โดยเหตุผลที่เข้าไปควบคุมผู้ซ้อนท้าย
เนื่องจากว่า บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางต่างระดับลึกลงไปจากขอบถนนประมาณ 2 เมตร และผู้ซ้อนท้ายกระเด็นออกจากตัวรถไปไกลกว่าตัวของตำรวจที่จอดรถลงในจุดนั้น ก็เลยต้องรีบเข้าไปใช้กุญแจมือซึ่งมีเพียงแค่คู่เดียวสำหรับตำรวจเพียง 1 นาย เข้าไปควบคุมตัวผู้ซ้อนท้ายก่อน โดยตอนนั้นอาจจะไม่ได้สังเกตดูด้วยซ้ำไปว่า ผู้ซ้อนท้ายยังมีสติอยู่หรือไม่อย่างไร เมื่อใช้เครื่องพันธนาการควบคุมตัวผู้ซ้อนท้ายดังกล่าวแล้ว จึงวิ่งกลับมาควบคุมตัวผู้ขับขี่ ที่อยู่ใกล้กว่าอีกส่วนหนึ่งด้วย ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องใช้เครื่องพันธนาการเข้าควบคุมผู้ซ้อนท้าย
หลังจากควบคุมทั้ง 2 คนได้แล้วจึงได้แจ้งเหตุให้กำลังตำรวจเข้ามาสนับสนุน และแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ราย ซึ่งตนเชื่อว่าขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็คงจะเข้าใจว่าได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ แต่คงยังไม่ทราบว่าจะถึงแก่ชีวิต ซึ่งอยากให้ประชาชนได้เข้าใจการทำงานของตำรวจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้เป็นเหตุปัจจัยที่เกิดจากตำรวจเลย เป็นเหตุปัจจัยมาจากตัวของผู้ขับขี่ โดยเชื่อว่าตัวของผู้ขับขี่อาจจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองมีความผิดอะไรอยู่ในตัวบ้าง ก็เลยไม่ยอมที่จะเข้าด่านตรวจตามปกติ
โดยหลังจากเกิดเหตุ ได้ตรวจสอบประวัติผู้ขับขี่เป็นบุคคลที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายมาก่อน เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และยังมีพฤติการณ์เสพยาเสพติดอยู่ในปัจจุบัน ตรวจหาสารเสพติดก็พบมีสารเสพติดอยู่ในปัสสาวะ รถจยย.ที่ใช้หลบหนีและเกิดเหตุก็ขาดการเสียภาษีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ท่อรถมีการดัดแปลงสภาพ จึงเป็นสาเหตุที่ตัวของผู้ขับขี่รู้อยู่แล้วว่ากระทำความผิดจึงหลบหนี และส่งผลกระทบมาสู่ผู้ซ้อนท้าย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้จากการกระทำของผู้ขับขี่ ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก
เบื้องต้น ได้รับรายงานจากทาง ผกก.สภ.เมืองตรัง ได้พูดคุยทำความเข้าใจในส่วนหนึ่งกับทางญาติผู้เสียชีวิต และได้แสดงความเสียใจไปแล้ว พร้อมทั้งส่งพวงหรีดไปแสดงความลาลัยอีกส่วนหนึ่ง ก็คงจะต้องทำความเข้าใจให้ทางญาติกระจ่างว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากใครเป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อเกิดจากตัวผู้ขับขี่ซึ่งตอนนี้แพทย์ได้อนุญาต ให้ออกจาก รพ.ศูนย์ตรังแล้ว ส่วนทางตำรวจได้นำมาควบคุมตัวที่ สภ.เมืองตรัง โดยดำเนินคดีไปตามกฏหมายในทุกฐานความผิด เช่น ขับรถโดยใช้สรเสพติด , ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย , ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ฉะนั้น ผู้ที่นั่งซ้อนท้ายซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบทางญาติผู้เสียชีวิตจะต้องไปไล่เบี้ยจากผู้ขับขี่เอา และต้องไปดูว่ารถคันเกิดเหตุมีการจัดทำ พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือไม่อย่างไร หากมีผู้เสียชีวิตก็จะได้รับสิทธิตรงนั้นด้วย รวมไปถึงระเบียบกฎหมายอะไรอีกหรือไม่ที่จะได้สิทธิให้กับผู้ซ้อนท้ายที่เสียชีวิต ผลมาจากตัวของผู้ขับขี่
มองเรื่องนี้ว่าในเบื้องต้น ทางญาติอาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจ ในเรื่องของการควบคุมพันธนาการ ว่าทำไมต้องใช้กุญแจมือในการเข้าควบคุมพันธนาการ เรียนง่ายๆว่าถ้ามีตำรวจติดตามไป 2 นาย ก็จะต้องใช้เครื่องพันธนาการทั้ง 2 คน แต่เหตุนี้มีตำรวจติดตามไปอย่างกระชั้นชิดเพียงแค่นายเดียว มีกุญแจมือเพียงแค่คู่เดียว แล้วเป็นการตัดสินใจในภาวะคับขัน ที่ตำรวจจะต้องตัดสินใจในตอนนั้นว่าจะต้องควบคุมใครก่อน เลยตัดสินใจไปควบคุมผู้ที่กระเด็นไปห่างไกลจากตัวตำรวจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วกลับมาควบคุมผู้ที่อยู่ใกล้ตัวคือผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นการตัดสินใจและการทำหน้าที่ของตำรวจในภาวะคับขันในตรงนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ซึ่งมองว่าเป็นไปตามหลักการยุทธวิธี เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในการทำหน้าที่
จึงอยากนำเรียนให้เข้าใจถึงการทำงานของตำรวจ ภายใต้การบังคับบัญชาของตน ที่ได้กำชับให้ปฎิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการป้องกัน เช่นอุปกรณ์ป้องกันตัว และกล้องบอดี้แคม โดยเหตุที่เกิดขึ้นหากไม่มีกล้องบอดี้แคมคงจะมีข้อกังขามากกว่านี้ แต่นี้เราถึงได้เห็นภาพจากกล้องบอดี้แคมบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด จึงมีความกระจ่างค่อนข้างชัดเจน จึงยืนยันเลยว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากตัวผู้ขับขี่ไม่ได้เกิดจากตำรวจ จึงอยากนำเรียนถึงประชาชนว่า คนดีจะต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายจะต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ ถ้ามั่นว่าไม่ได้ทำผิดอะไรก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจ ผ่านจุดตรวจไปตามปกติ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ร่างของผู้เสียชีวิตแพทย์ได้ทำการส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดและแน่ชัดที่ รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื่องจากในเบื้องต้นตามลำตัวมีบาดแผลค่อนข้างน้อย ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า กระดูกคอหักหรือไม่ หรืออาจจะมีเลือดออกภายในอวัยวะภายใน ผลจากการถูกกระแทกจากอุบัติเหตุ เป็นสาเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งขณะนี้ยังคงต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี