จเรตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น และช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างปลอดภัย
วันนี้ (20 มี.ค.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น และช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น 2 คน โดยมีนายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอก และผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก.และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ร่วมแถลง ที่อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำหรับกรณีแรก สืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ประสานข้อมูลมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ขอให้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของประเทศญี่ปุ่น คดีทำร้ายร่างกาย , ฉ้อโกง , ลักทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมองค์กรอาชญากรรมญี่ปุ่น และขอให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ตรวจสอบข้อมูลบุคคลต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นรายดังกล่าว พบว่านายยามากูชิ เป็นบุคคลตามหมายจับของประเทศญี่ปุ่น อันเป็นพฤติการณ์ที่สมควรถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงได้เพิกถอนการอนุญาต เมื่อวันที่ 13 มี.
ค.2568
จากการสืบสวนทราบว่า นายยามากูชิ เช่าที่พักอาศัยอยู่ที่ย่านสาทร กทม.ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จึงเดินทางไปตรวจสอบ และพบนายยามากูชิ อยู่บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านดังกล่าว จึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และแจ้งให้ทราบถึงการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว จากนั้นได้ควบคุมตัวไปยัง กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อสอบสวนดำเนินคดี และประสานทางการญี่ปุ่น รับตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่น ต่อไป
จากการสอบสวนพบว่า นายยามากูชิ เป็นอดีตแก๊งยากูซ่าในญี่ปุ่น และเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา และเวียดนาม ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงชาวญี่ปุ่น โดยพบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง เช่าที่พักราคาสูงย่านสาทร ในราคากว่า 180,000 บาทต่อเดือน และจากการสืบสวนขยายผลพบว่านายยามากูชิ มีการตั้งบริษัทชื่อว่า “ลาสซามูไร เจแปน” ตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการซื้อขายงานศิลปะราคาสูง มีการใช้ภาษาอังกฤษทำให้สามารถซื้อขายได้ทั่วโลก แต่น่าเชื่อได้ว่าเป็นการใช้การซื้อขายงานศิลปะ เพื่อทำการฟอกเงิน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายค้นเพื่อตรวจค้นบ้านเช่าของนายยามากูชิ ย่านสาทร ซึ่งจากการตรวจค้น พบชาวญี่ปุ่น 4 คน โดยพบว่าเคยต้องโทษหลายคดีที่ประเทศญี่ปุ่น จากการสืบสวนสอบสวนขยายผล น่าเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับการตั้งบริษัท ลาสซามูไร เจแปน และพบทรัพย์สินในวอลเล็ต กว่า 30 ล้านบาท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้เร่งสืบสวนขยายผลต่อไป
กรณีที่ 2 จากการประสานจากทางการญี่ปุ่น ให้ช่วยติดตามจับกุมนายมิยาชิตะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับตามคดีลักทรัพย์ ที่ญี่ปุ่นต้องการตัว ซึ่งจากมาตรการของรัฐบาลไทยนำไปสู่การกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ทางชนกลุ่มน้อย ได้จับกุมนายมิยาชิตะ ไว้ได้ และส่งตัวกลับมา เบื้องต้นนายมิยาชิตะ รับสารภาพว่า ได้ข้ามไปทำงานเป็นฝ่ายการเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางการไทยได้ดำเนินคดีข้อหา พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และประสานทางการญี่ปุ่นรับตัวกลับไปดำเนินคดีต่อไป
กรณีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น 2 ราย ได้แก่ นายยาจิ อายุ 22 ปี และ นายอิชิกาว่า อายุ 47 ปี โดยเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากทางการประเทศญี่ปุ่น ขอรับการช่วยเหลือ จากการตรวจสอบพบว่าหนึ่งในเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งสองเดินทางผ่านไปประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยช่องทางธรรมชาติ พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีเยาวชนชาวญี่ปุ่น อายุ 16 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยช่วยเหลือก่อนหน้านี้ และจากการสอบถาม ทราบว่าในสถานที่ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว พบชาวญี่ปุ่น ทำงานอยู่ประมาณ 10 คน โดย 2 รายล่าสุดที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นหนึ่งในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งตำรวจได้ประสานทางการญี่ปุ่น ให้รับตัวเยาวชนทั้งสอง กลับประเทศ และทางการญี่ปุ่นจะสืบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประเทศญี่ปุ่น จะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการจับกุมและปราบปรามอาชญากร ที่กระทำความผิดลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี