ส่องอีกหลายประเทศ จัดการ‘ปลาหมอคางดำ’อย่างไร?
ข่าวการชุมนุมและการนำปลาหมอคางดำ 2 รถกระบะ ไปเทที่ทำเนียบรัฐบาลล่าสุด ทำให้เกิดคำถามว่า ผู้ประท้วงเหล่านั้นได้ปลาหมอคางดำจำนวนมากจากที่ไหน? และทำให้เรานึกถึงเรื่องราวในวรรณคดีไทย เช่น เรื่องสังข์ทอง ที่พระสังข์สามารถร่ายคาถาเรียกปลามากองอยู่ได้ทันที การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในไทยอาจจะง่ายกว่าที่คิด หากชุมชนใน 16 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมีส่วนร่วมในการจับปลาด้วยกันทุกวัน โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการจับปลาและการนำปลาไปใช้ประโยชน์ตามแนวทางที่กำหนดก็จะช่วยลดการแพร่ระบาดได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
วันนี้ประเทศไทยควรเรียนรู้จากหลายประเทศทั่วโลกที่เคยเผชิญกับปัญหานี้ และประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) ดังนี้ :
1. สหรัฐอเมริกา
ในฟลอริดา พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวปลาเหล่านี้คิดเป็นประมาณ 90% ของสัตว์น้ำทั้งหมดในแหล่งน้ำธรรมชาติของรัฐ ขณะที่ในฮาวายมีการนำปลาหมอคางดำเข้ามาในปี พ.ศ. 2505 เพื่อใช้เป็นปลาเหยื่อสำหรับปลาทูน่า แต่ปลาหมอคางดำกลับหลุดรอดและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
วิธีการแก้ปัญหาของสหรัฐฯ คือการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่กระจายโดยการใช้มาตรการทางชีวภาพ เช่น การจัดการแหล่งน้ำ การใช้ไฟฟ้าช็อตปลา นอกจากนี้ยังมีการนำปลาหมอคางดำไปทำลายหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ปลาป่น อาหารสัตว์ หรืออาหารมนุษย์ โดยบางกลุ่มชาวพื้นเมืองก็ใช้ปลานี้ในการทำอาหาร เช่น ย่าง ทอด หรือทำซุปปลา
2. ฟิลิปปินส์
พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในปี 2558 จากการหลุดรอดปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยเฉพาะในอ่าวมะนิลา ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำประจำถิ่นและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รัฐบาลฟิลิปปินส์มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงการนำปลาหมอคางดำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น อาหารกระป๋อง และขายในตลาดสดหรือร้านอาหารพื้นเมือง
3. สเปนและโปรตุเกส
ทั้งสองประเทศพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ หน่วยงานในทั้งสองประเทศได้ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจับปลาและตกปลาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์รุกราน และยังนำปลาหมอคางดำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารทะเล
4. อินโดนีเซีย
มีการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ เกิดจากการนำเข้าหรือการลักลอบนำเข้าเพื่อการประมงและการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม แต่ไม่รุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ กระทรวงกิจการทางทะเลและประมงของอินโดนีเซียได้ดำเนินการป้องกันและตรวจสอบอย่างเข้มงวด
5. ประเทศไทย
เริ่มพบปลาหมอคางดำครั้งแรกในปี พ.ศ. 2555 และการแพร่ระบาดขยายไป 16 จังหวัดในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ รัฐบาลไทยมีมาตรการหลายวิธีในการแก้ปัญหานี้ เช่น การจับปลาออกจากแหล่งน้ำ การปล่อยปลาผู้ล่า การพัฒนาเมนูอาหารจากปลาหมอคางดำ และการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในหลายประเทศทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของไทยเพียงประเทศเดียว ซึ่งต้องการการจัดการที่เป็นระบบ การจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า จะเป็นวิธีที่สามารถควบคุมประชากรปลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญ คือ ต้องให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ใช่แค่พยายามกำจัดมันอย่างเดียว โดยเฉพาะการใช้ปลาหมอคางดำในการผลิตอาหาร เช่น น้ำปลาร้า ปลาผง น้ำปลา ทอดมัน ลูกชิ้น หรือทำเป็นอาหารว่างต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างแรงจูงใจให้มีการจับปลาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้สังคมไทยต้องพิจารณาการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน มากกว่ามองปลาหมอคางดำเป็น "ปลารุกราน" (Invasive Species) ซึ่งความจริง คือ ปลาชนิดนี้เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลานิล เนื้อสามารถบริโภคได้มีโปรตีนเหมือนปลาทั่วไป และไขมันต่ำ ควรเปลี่ยนมุมมองไปให้ความสำคัญจากการใช้ประโยชน์จากปลามากขึ้น เพื่อความยั่งยืนในการจัดการและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
ความสำเร็จของต่างประเทศในการแก้ปัญหานี้ มีให้เห็นหลายวิธี ทั้งการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารสัตว์ เมนูอาหาร รวมถึงการควบคุมประชากรปลาให้อยู่ในวงจำกัด ประเทศไทยก็สามารถนำแนวทางเหล่านี้มาใช้ได้จริง และไม่เพียงแค่แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างโอกาสการพัฒนาทางเศรษฐกิจจากการแปรรูปปลาและการสร้างงาน สร้างรายได้อีกด้วย
การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพปลาหมอคางดำ ไม่ใช่มุ่งแต่จะโหนกระแสเพื่อประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องมาจากการจัดการที่เป็นระบบ และการนำประสบการณ์ของประเทศอื่นมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
#สมสมัย หาญเมืองบน นักวิชาการอิสระ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี