ชาวบ้านเกาะมุกด์-บ้านมดตะนอย ขึ้นศาลากลางยื่นหนังสือถึงผู้ว่าตรัง ค้านตั้งป่านันทนาการขอฟังเสียงชาวบ้านด้วย ด้านบ้านมดตะนอยวอนช่วยเหลือขอพื้นที่สร้างบ้านห่างแนวคลื่น หลังโดนคลื่นซัดบ้านพัง ผ่าน 7 เดือนไร้คืบหน้า
วันที่ 20 มี.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลาง จ.ตรัง นายอะเหม็น พระคง นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านชุมชนมดตะนอย หมู่ที่ 3 และชาวบ้านชุมชนบ้านเกาะมุกด์ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ประมาณ 100 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง โดยมีนายจักรพงษ์ รัชนีกุล ปลัดจังหวัดตรัง เป็นตัวแทนรับหนังสือ
สำหรับชุมชนบ้านเกาะมุกด์ ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างอาคารป่านันทนาการเกาะมุกด์ บริเวณหาดชาลี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หาดฝรั่ง” ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะมุกด์ หลังจากเจ้าหน้าที่กว่า 80 นาย พร้อมอาวุธครบมือข่มขู่คุกคามประชาชน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสมส่งผลกระทบภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวบนเกาะมุกด์ และเป็นการข่มเหงลิดรอนสิทธินอกจากนั้น ยังมีการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดว่า มีนายทุนเข้ามายึดครองพื้นที่บริเวณชายหาด ในการสร้างร้านค้า ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ตัวแทนชาวบ้านยังกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 60-80 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้อกังวลของประชาชน คือการบริหารจัดการพื้นที่บริเวณหาด ในรูปแบบป่านันทนาการ ยังมีข้อจำกัดเป็นอย่างมาก และมีการเก็บค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน เนื่องจาก ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน อันจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบนเกาะมุกในอนาคต
โดยชาวเกาะมุกด์ยื่นข้อเสนอให้เกิดการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง ประกอบด้วย 1.ขอให้กรมป่าไม้ ยุติการก่อสร้างใดๆ บนพื้นที่ชายหาดชาลี จนกว่าจะมีข้อตกลงแก้ปัญหาร่วมกับชุมชนและเร่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินบริเวณหาดชาลีบ้านเกาะมุกด์ 2.ขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่นำกำลังอาวุธลงพื้นที่เกาะมุก ถือเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจากสร้างความตื่นตระหนกตกใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวบนเกาะมุกด์เสียหาย 3.ชุมชนเรียกร้องให้มีการจัดการพื้นที่ในรูปแบบการจัดตั้ง “ป่าชุมชน” หรือ ป่ากันเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แทน “ป่านันทนาการ” เพื่อให้ชุมชนมีสิทธิในการปกป้องฟื้นฟู
ส่วนกลุ่มชาวบ้านชุมชนมดตะนอย หมู่ที่ 3 ที่ได้ความเดือดร้อนเป็นผู้ประสบภัยพิบัติ ที่ถูกคลื่นลมมรสุมพัดกระหน่ำจนทรัพย์สิน บ้านเรือนพังเสียหายแผ่นดินกลืนไปกับทะเล เมื่อวันที่ 18-19 ก.ย.67 ส่งผลให้บ้านเรือนทรัพย์สินเสียหาย 17 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องอพยพไปอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราว เพราะบ้านไม่สามารถกลับไปซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ได้ มีความเสี่ยงที่จะโดนคลื่นพายุซัดในช่วงหน้ามรสุม
ต่อมา อบต.เกาะลิบง และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านมดตะนอย ต.เกาะลิบง ได้จัดประชุมชาวบ้านเพื่อรับฟังปัญหา มีความเห็นร่วมกันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาขออนุญาตขยายพื้นที่ให้ประชาชนตั้งบ้านเรือน เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ออกจากแนวเขตกระแสคลื่นเซาะชายฝั่ง แม้จะมีการยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือมีหน่วยงานต่างๆ เดินทางลงมาดูพื้นที่ ยังไร้ซึ่งทางออกในการแก้ปัญหา ชาวบ้านต่างรอคอยและไร้ความหวัง ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงมี และจะยิ่งลำยากขึ้นเมื่อเข้าฤดูมรสุม
หลังจากรับหนังสือ นายจักรพงษ์ รัชนีกุล ปลัดจังหวัดตรัง ได้พูดคุยกับชาวบ้านทำความเข้าใจและรับฟังข้อเสนอแนะ ในระหว่างนั้นเองชาวบ้านยื่นข้อเสนอขอคำตอบภายใน 15 วัน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด เพราะมีการพูดคุยลงพื้นที่กันหลายครั้งแต่ยังไม่เกิดความคืบหน้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม 2 พื้นที่ที่มีข้อพิพาท ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังไม่มีอำนาจที่จะสั่งการได้ จากนี้จะให้ศูนย์ดำรงธรรมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำหนังสือโดยตรงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยกรมป่าไม้และกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าจะมีแนวทางช่วยเหลืออนุญาตใช้พื้นที่อย่างไรต่อไป ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี