พระวัดป่า 2 แห่งในนครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน บุกทวงคืนอัฐบริขาร "หลวงปู่หวา" ศิษย์ "หลวงปู่สี มหาวีโร" เจอซุกอยู่ในกุฏินำตัวมาสอบ พบประวัติเคยนุ่งขาวห่มขาว เป็นนักพรตฤาษีก่อนมาบวชเป็นพระสร้างศรัทธาหลอกชาวบ้านจนหลงเชื่อ ขณะที่ชาวบ้านแฉมีพฤติกรรมแปลก ชอบเก็บตัวเงียบในกุฏิ และแอบอ้างเบื้องสูง พร้อมจับสึกขับไล่ออกจากพื้นที่วันนี้
จากกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว ประกาศตามล่าพระโจรขโมยเครื่องอัฐบริขารหลวงปู่หวา จัตตสัลโล อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าศรีสมพร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม จ.ร้อยเอ็ด ที่เก็บรักษาไว้ในเจดีย์พิพิธภัณฑ์บูรพาจารย์ โดยคนร้ายลักลอบนำออกจากเจดีย์ไปเมื่อวันที่ 13 มี.ค.68 แต่มาทราบในวันที่ 16 มี.ค.68 ที่ผ่านมา พระรูปนั้นมีลักษณะท้วม ใบหน้าสักลาย หลังข่าวเผยแพร่ออกไป มีพลเมืองดีได้ติดตามและสืบหาตามรูปพรรณสัณฐานที่มีลักษณะจดจำง่ายจนทราบแน่ชัดว่าพระรูปนี้พักอยู่ในสวนแห่งหนึ่งของผู้ใจบุญ สละที่ดินจำนวนหนึ่งให้สร้างเป็นสำนักสงฆ์ ในพื้นที่บ้านเหล่าภูมี หมู่ 13 ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มี.ค.68 เวลาประมาณ 22.00 น. พระวัดมหาธาตุ เขตเทศบาลเมืองนครพนม และ พระวัดป่าศรีสมพร จึงได้แจ้งประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมคณะสงฆ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าของที่ดินร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้านสร้างขึ้นคล้ายๆ ที่ปฏิบัติธรรม มีทั้งศาลา พระพุทธรูป กุฏิ โดยใช้ชื่อว่าพุทธพรหมปัญโญ เมื่อตรวจสอบในทะเบียนวัด หรือ ที่่พักสงฆ์แต่ไม่ปรากฏในทะเบียนของคณะสงฆ์จังหวัดนครพนม
ในสำนักได้พบพระภิกษุลักษณะตรงตามที่ประกาศตามหา ทราบต่อมาชื่อพระมีชัย เตชปุญฺโญ อายุ 47 ปี พรรษา 4 สังกัดธรรมยุต ตรวจสอบมีเอกสารและบัตรประจำตัวพระจริง สอบถามเจ้าตัวให้การว่า ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านห้วยหีบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนครนคร เดิมเคยนุ่งขาวห่มขาว เป็นนักพรตฤาษี จากนั้นได้จาริกแรมมาที่บ้านเหล่าภูมี โดยได้รู้จักมักคุ้นกับเจ้าของสถานที่เป็นการส่วนตัว จึงให้ตนมาอาศัยอยู่ในที่ดังกล่าวและตั้งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม กระทั่งเจ้าของที่ดินเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ควรที่จะมีพระสงฆ์มานำพาปฏิบัติธรรม จึงเป็นเจ้าภาพจัดงานอุปสมบทให้แก่นายมีชัย เพชรประสานพร เป็นพระมีชัยในเวลาต่อมา และได้ดูแลสถานที่แห่งนี้มาโดยตลอด
จากการให้การของชาวบ้านและเจ้าของสถานที่เปิดเผยว่าพระมีชัยมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิมที่เคยพบชอบเก็บตัวเงียบในกุฏิ และแอบอ้างเบื้องสูงชอบเอาข้อความสำคัญเกี่ยวกับสถาบัน หรือภาพบุคคลสำคัญมาปลอมแปลงเอกสารประดิษฐ์เป็นข้อมูลเอกสารของตนเอง โดยอ้างว่าเป็นญาติหรือเป็นลูกน้องของตนและชอบสะสมของเก่าของที่เก็บได้ตามท้องถนน พูดจาให้การวกวนไปมาเหมือนบุคคลผู้มีความผิดมาก่อน
พระมีชัยปฏิเสธว่าตนไม่ได้ขโมยเครื่องอัฐบริขาร และไม่อนุญาตให้เข้าตรวจสอบ รื้อค้นในกุฏิ ทางคณะสงฆ์และกรรมการวัดป่าศรีสมพร และชุดสืบสวนฯ จึงได้เกลี้ยกล่อมให้พระมีชัยนำพาเข้าตรวจสอบในกุฏินานพอสมควร จึงยินยอมให้เข้าไปรื้อค้น เมื่อเข้าไปภายในกุฏิก็ได้พบเครื่องอัฐบริขารของหลวงปู่หวา ตามที่มีพลเมืองดีแจ้งมาว่าเป็นพระมีชัยแน่นอนที่ขโมย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้และมอบให้ทางวัดป่าศรีสมพร แต่ยังขาดไปในบางส่วนที่ตามคืนมาไม่ได้ เมื่อจำนนต่อหลักฐาน พระมีชัยจึงยอมรับว่าได้ขโมยจริง
ในขณะตรวจสอบเอกสารและหาเครื่องอัฐบริขารที่เหลือ พระมีชัยได้จับมือถือมาอัดคลิปอยู่หลายครั้ง โดยอ้างว่าส่งรายงานสถาบันเบื้องสูง ทางตำรวจเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอันตรายแต่การปกครองสงฆ์ จึงได้นำพาพระมีชัยไปที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อให้เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายธรรมยุต ซึ่งเป็นเจ้าคณะปกครอง ทำการสอบถามและลงโทษทางวินัย รวมถึงเอาผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท
แต่ทางคณะสงฆ์วัดป่าศรีสมพร และคณะกรรมการที่ดูแลเจดีย์พิพิธภัณฑ์ ไม่ขอแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ขอให้พระมีชัยลาสิกขาและให้คณะสงฆ์ประกาศห้ามให้การบรรพชาอุปสมบท และห้ามให้สังกัดวัดทุกวัดทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เกรงว่าจะเป็นภัยต่อพระศาสนา จากนั้นได้จึงประสานทางครอบครัวเพื่อนำนายมีชัยกลับภูมิลำเนา
รุ่งเช้าวันที่ 20 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้ลงตรวจสอบสำนักสงฆ์ดังกล่าวอีกครั้งพบนายมีชัยนุ่งห่มขาวนั่งอยู่ในศาลา โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 กรรมการวัดป่าศรีสมพร และเจ้าของที่ดิน ได้ให้นายมีชัยออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ โดยกรรมการวัดป่าศรีสมพร ได้ตามมาค้นหาสิ่งของของหลวงปู่หวาอีกรอบ เพราะตรวจสอบแล้วยังได้คืนไม่ครบ ก็ค้นเจอไม้เท้าและแจกันที่หลวงปู่หวาใช้เป็นประจำ แต่นายมีชัยยังไม่สิ้นฤทธิ์ยังอ้างเบื้องสูงตลอดเวลาจนเกือบจะโดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งคุณแม่เจ้าของที่ดินเผยว่ารู้สึกเสียใจต่อการกระทำของนายมีชัย ตั้งใจจะให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวบ้าน ในขณะที่นายมีชัยครองผ้าเหลืองอยู่ เห็นพฤติกรรมไม่เหมาะหลายอย่าง เคยไปขอร้องให้อออกจากสถานที่แห่งนี้ไปที่ไม่อยากทำอะไรรุนแรงเพราะเห็นแก่ผ้าเหลืองที่ห่มกายนายมีชัยอยู่
ในขณะเดียวกันกรรมการวัดป่าศรีสมพร ถามนายมีชัยว่าสวดปาฏิโมกข์เป็นหรือไม่และในบทสวดนั้นมีความหมายอย่างไร นายมีชัย อ้างสวดได้หมด แต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว กรรมการวัดเลยบอกว่าปาติโมกข์ คือ คัมภีร์เป็นที่รวมพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เป็นพุทธอาณาสำหรับพระสงฆ์ คือ ศีล 227 ข้อของภิกษุ และศีล 311 ข้อของภิกษุณี โดยมีพระพุทธานุญาตให้พระสงฆ์สวดในที่ประชุมสงฆ์ทุกกึ่งเดือนเรียกว่าสวดพระปาติโมกข์
พร้อมสอนนายมีชัย เกี่ยวกับปาราชิกว่า ปาราชิก มี 4 ประการ คือ 1.ห้ามไม่ให้พระสงฆ์เสพเมถุน 2.ห้ามพระสงฆ์ลักเอาของหรือทรัพย์ที่เจ้าของหวงแหน หรือไม่ได้อนุญาต 3.ห้ามพระสงฆ์ฆ่ามนุษย์ ทั้งที่เกิดมาแล้ว หรือยังอยู่ในครรภ์ และ 4.ห้ามพระสงฆ์อวดอ้างอุตริมนุสธรรม หากพระภิกษุสงฆ์ทำผิด 1 ใน 4 ข้อนี้ก็จะขาดจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์โดยทันที กรณีที่นายมีชัย เข้าไปขโมยอัฐบริขาร จึงถือว่าขาดจากการเป็นพระตั้งแต่วันนั้นแล้ว ทำเอานายมีชัยหน้าจ๋อยไปเลย
ด้านพระมหาจิรายุทธ คุณสังวโร หรือคูบาบอม อายุ 29 ปี พรรษา 8 เปรียญ 3 ประโยค พระลูกวัดป่าศรีสมพร หลังได้อัฐบริขารของหลวงปู่กลับคืนมาก็นำมาซักล้างเพื่ออัญเชิญกลับไปเก็บยังเจดีย์ ซึ่งนายมีชัย เอาใบสุทธิหลวงปู่ไปใส่รูปบุคคลอื่นจนเสียหายทั้งเล่ม และยังมีอีกหลายอย่างที่ขโมยรายนี้ไม่รู้คุณค่าสิ่งของที่ประเมินค่ามิได้ --- 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี