ตร.กำแพงเพชร แจ้งข้อหา ‘หนุ่มใหญ่คลั่ง’ ใช้หนังสติ๊กยิงหัวยายวัย 78 ปี
วันที่ 21 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเกิดเหตุชายมีอาการคลุ้มคลั่ง บุกเข้าไปทำร้ายหญิงสูงวัย อายุ 78 ปี ที่อยู่บ้านข้างเคียง โดยได้ทุบสังกะสีดันตนเองเข้ามา และใช้หนังสติ๊กยิงเข้าที่ศีรษะหลายครั้ง จากนั้นผู้บาดเจ็บได้วิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่ชายคนดังกล่าวได้วิ่งไล่ตามมาทำร้ายต่อที่บ้านฝั่งตรงข้าม โดยได้ค่อมร่างหญิงสูงวัย 78 ปี และใช้หนังสติ๊กจ่อยิงซ้ำที่ศีรษะหลายครั้ง โดยชกต่อยไปที่ใบหน้าและใช้ไม้ทุบตีที่ศีรษะจนเลือดอาบไปทั่วใบหน้า โดยชายผู้ก่อเหตุพูดตลอดเวลาว่าผู้บาดเจ็บได้ทำคุณไสยใส่ตนเอง จนบ้านแตกสาแหลกขาด ก่อนจะมีเพื่อนบ้านรอบข้างออกมาให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลา 12.30 น. วันที่ 19 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ม.1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยหลังจากเกิดเหตุผู้ก่อเหตุยังไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งก็มีพฤติกรรมด่าทอเพื่อนบ้านรอบข้างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านหวั่นว่าอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก จึงนำเรื่องดังกล่าวร้องทุกข์กับเพจฯ กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไรฝากไว้ที่นี่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังญาติของ นางบัวเผื่อน อายุ 78 ปี ผู้บาดเจ็บ อยู่ที่ ม.1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ให้ข้อมูลว่า หลังจากเกิดเหตุได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร โดยอาการตอนนี้สาหัสแพทย์ได้เอ็กซเรย์ที่ศีรษะพบว่า ‘บริเวณกะโหลกศีรษะด้านหน้าร้าว มีเลือดออกในสมอง ใบหน้าบวม แพทย์ให้รักษาตัวนอนดูอาการที่โรงพยาบาลยังไม่มีกำหนดกลับบ้าน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ นางบัวเผื่อน ผู้บาดเจ็บ พบกับนายอำพล อายุ 31 ปี หลานชาย ได้พาไปชี้จุดเกิดเหตุบริเวณสังกะสีข้างบ้านของย่า ที่นายกิตติพล อายุ 62 ปี ผู้ก่อเหตุที่มีบ้านติดกันใช้ตัวดันเข้ามาในร่องสังกะสี และใช้หนังสติ๊กยิงทำร้ายนางบัวเผื่อนจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหนีไปขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม แต่นายทรง ก็ยังตามไปทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะมีเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยเหลือระงับเหตุดังกล่าว ซึ่งตนมองว่าเป็นเหตุที่อุกอาจมาก ตลอดระยะเวลาที่ทำร้ายย่าของตนก็ตะโกนบอกว่าย่าทำคุณไสยใส่ทำให้ชีวิตนายทรงย่ำแย่บ้านแตกสาแหรกขาด
นายอำพล อายุ 31 ปี หลานชาย เล่าว่า หลังจากที่ทราบเรื่องตนก็รีบมายังจุดเกิดเหตุก็พบว่าผู้ก่อเหตุวิ่งหนีกลับบ้านไปแล้ว ส่วนย่าของตนนั่งจมกองเลือดอยู่ภายในบ้านของเพื่อนบ้าน โดยสอบถาม นางสุนันท์ เพื่อนบ้านถึงเหตุการณ์ครั้งนี้เล่าว่า นายทรงได้นำหนังสติ๊กออกมาไล่ยิงผู้เป็นย่าของตน ตั้งแต่บริเวณในบ้าน จากนั้นย่าของตนได้วิ่ง หนีตาย เข้าไปในบ้านอีกหลังที่อยู่ตรงกันข้าม ในขณะที่ นายทรง วิ่งตามเพื่อเข้าไปทำร้ายอย่ากระชั้นชิด จนย่าของตนลื่นล้มบริเวณหน้าห้องน้ำ ซึ่งคาดว่า ย่าของตนจะหนีเข้าไปในห้องน้ำแต่หนีไม่ทัน จึงโดนนายทรง เข้าทำร้ายโดยการยืนค่อมเอาหนังสติ๊กจ่อยิงเข้าใส่บริเวณใบหน้าเป็นจำนวนหลายครั้ง ส่วนสาเหตุคาดว่า นายทรง มีอาการหลอนคิดว่าย่าของตนเป็นคนทำเวทมนตร์คุณไสยใส่ตัวผู้ก่อเหตุ โดยนายทรงพูดอ้าง กับชาวบ้านมาโดยตลอดว่าย่าของตนทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาพัง
ซึ่งก่อนหน้านี้ ประมาณ 2 สัปดาห์ ย่าตนก็เคยถูกนายทรง ด่าทอ ข้ามรั้วมา เป็นระยะๆ จากนั้นย่าของตนจึง มาบอกกล่าวกับลูกหลานว่า ถูกนายทรงด่าทอหยาบคายอยู่เป็นประจำ อ้างว่าทำคุณไสยใส่ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรกันมาก่อน ตนก็สงสัยว่าเขา อาจมีอาการหลอนด้วยสาเหตุอะไรหรือเปล่า ซึ่งเขามักจะบ่นอยู่เป็นประจำว่า ทำให้ชีวิตเขาพัง เขาเครียดหรือเปล่า ทำให้หลอนไปว่า คุณย่าตน เป็นคนทำ เวทมนต์ คุณไสยใส่ ซึ่งย่าของตนไม่ได้เป็นร่างทรงแต่อย่างใด เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น
สำหรับตอนนี้คุณย่าของตน เบื้องต้นทราบว่า มีภาวะกะโหลกร้าว มีเลือดไหลในสมอง ตอนนี้ใบหน้าบวมไปหมด ในเบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้ก่อเหตุ ไปทำการสอบสวน แล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เนื่องจากว่าต้องรอใบรับรองผลการตรวจของแพทย์เสียก่อน ซึ่งตอนนี้ชาวบ้าน ที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกหวั่นใจมากเกรงว่าผู้ก่อเหตุจะก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ควบคุมตัวไว้แต่อย่างใด
นางสุนันต์ อายุ 52 ปี อยู่ที่ ม.1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ผู้อยู่ในเหตุการณ์และเข้าไปช่วยเหลือ เล่าว่า ในขณะที่ตนนั่งอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงนางบัวเผื่อน วิ่งเข้ามาในบ้านตนและร้องขอความช่วยเหลือว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย จากนั้นตนก็เห็นนางบัวเผื่อนวิ่งมาล้มอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ใช้หนังสติ๊กจ่อยิงซ้ำๆหลายครั้ง ในลักษณะท่ายืนค่อมยิง จากนั้นผู้ก่อเหตุใช้ไม้ทุบตีไปยัง บริเวณศีรษะอยู่หลายครั้ง ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือจากตนอยู่หลายครั้ง ตนนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามแต่ก็เกรงว่าจะถูกผู้ก่อเหตุ ทำร้าย ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ถึงเข้ามาทำร้าย ตนจึงตะโกนให้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาช่วยเหลือ จากนั้นได้มีเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยเหลือ ห้ามปราม สำหรับอาวุธนั้น ตนเห็นมีเพียงหนังสติ๊ก และท่อนไม้ 1 อัน
ส่วน ‘นายทรง’ มักจะพูดมาโดยตลอดว่า นางบัวเผื่อนทำคุณไสยใส่ทำให้ ชีวิตครอบครัวพัง ซึ่งเท่าที่ตนทราบนางบัวเผื่อน ก็เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้เป็นร่างทรงเจ้าหรือทำคุณไสยแต่อย่างใด และก็ได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุ ก่อนหน้านี้ได้ทำการผ่าตัดสมองมา อาจจะมีอาการหลอน ตนจึงอยากฝากให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เพราะตนเกรงว่าเมื่อผู้บาดเจ็บกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วจะอยู่ยากเนื่องจากเกรงว่าจะถูกก่อเหตุอาละวาดซ้ำอีก เพราะเห็นว่าทุบสังกะสีตลอดทั้งวัน
นางบุญสร้าง ชาวบ้านใกล้เคียง เล่าว่า ตนอาศัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านผู้ก่อเหตุมากนัก รู้สึกกลัวความปลอดภัยของลูกเด็กๆ และคนแก่ที่อยู่บ้าน เหมือนที่เป็นข่าวอยู่แทบทุกวัน ที่ผ่านมาตนยอมรับว่ายังไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่ ช่วงนี้เพิ่งมาเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อเหตุยิงหนังสติ๊ก หลายหนแล้ว ซ้ำยังเคยเห็นผู้ก่อเหตุพกอาวุธมีดตืดตัวตลอดเวลา โดยหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวไปสอบสวน ยังเห็นเจ้าหน้าที่ ค้นเจออาวุธมีดของผู้ก่อเหตุ ส่วนตัวอยากจะให้ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนำตัวผู้ก่อเหตุไปทำการรักษา เท่าที่ทราบผู้ก่อเหตุเคยผ่าตัดสมองมาก่อน และชอบดื่มสุรา แทบทุกวัน ตนและชาวบ้าเลยเกิดความหวาดกลัว จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการในจุดนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ก่อเหตุที่ติดกันกับผู้บาดเจ็บพบว่าได้นำสิ่งของเก่ามาวางตกแต่งจนเต็มพื้นที่รั่วบ้าน ซึ่งนายทรง ได้เดินออกมาหน้าบ้านพูดคุยกับผู้สื่อข่าว และพูดถึงเรื่องราวในการก่อเหตุกับนางบัวเผื่อนครั้งนี้ ว่าถูกทำของคุณไสยใส่ตนจนชีวิตย่ำแย่ และเคยถูก ‘นางบัวตอง’ เพื่อนบ้านอีกคนวางยาเบื่อหวังฆ่าให้ตาย พร้อมทั้งโชว์เครื่องรางของขลังที่ห้อยไว้ป้องกันให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งก็ยอมรับว่าตนเป็นคนก่อเหตุทำร้ายนางบัวเผื่อนจริง โดยรอตำรวจมาเชิญตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งบอกอีกว่าไม่ขอทนอีกต่อไปที่ถูกนางบัวเผื่อนทำคุณใสใส่ตนจนชีวิตย่ำแย่ ผู้สื่อข่าวได้ยืนพูดคุยกับนายทรง พบว่ามีอาการพูดคุยเริ่มจะไม่รู้เรื่องพูดวกไปวนมาคล้ายอาการคนมืนเมา ผู้สื่อข่าวยังได้ข้อมูลจาก ‘นายอำพล’ หลานผู้บาดเจ็บว่า นายทรง ไม่ได้เป็นผู้ป่วย จิตเวชแต่อย่างใดแต่มีอาการคุ้มคลั่งแปลกๆ
นายกิตติพล หรือ ‘นายทรง’ ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เขาแกล้งผมร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเลย เล่นจิตวิทยาอะไรก็ไม่รู้ ตนทำงานอะไรก็บ้านแตก สาแหรกขาด ไปหมด มีเมียอยู่ก็ทิ้งกันไป ตนก็เลย คิดว่า นางบัวเผื่อน ทำคุณไสยใส่ ทำให้ชีวิตของตน และครอบครัวพัง ซึ่ง จนคิดว่ามันบ่อยเกินไป อยู่ๆก็บอกให้ญาติตนไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งบ้านตนก็อยู่ที่นี่ โดนยอมรับว่า มีอาการเบลอๆ แต่ตอนนี้รู้สึกว่า ดีขึ้นมาบ้างแล้ว บางครั้งมันเครียด วันเกิดเหตุตนก็ไม่ได้กินเหล้าอะไร ตนยืนยันว่า นางบัวเผื่อน ทำคุณไสยใส่ อย่างแน่นอน เลยต้องจัดการ ปราสาทตนก็ไม่ค่อยดี ตนยอมรับตนก็เลยบ่นไปว่า ‘ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยตนก็จะทนไม่ได้’
ตนยอมรับว่าถ้าทำแบบนี้ตายเป็นตาย วันเกิดเหตุจนได้ใช้หนังสติ๊กยิงนางบัวเผื่อน ตนก็ยังบอกไปว่าให้เอาตำรวจมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาควบคุมตัวตนไปโรงพัก จากนั้นเขาก็ปล่อยมา และแจ้งให้ตนทราบว่า อย่าเพิ่ง ไปไหนให้รออีกประมาณ 7 วัน ซึ่งตอนนี้ตนก็ไม่รู้อาการของนางบัวเผื่อน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และตนยืนยันว่า เมื่อนางบัวเผื่อนรักษาตัวกลับมาบ้านแล้วจะไม่พูดคุยด้วย เพราะว่าทำของใส่กันถึงขนาดนี้ตั้งแต่ตนมีเมียคนแรกมาแล้ว เลยตัดสินใจใช้หนังสติ๊กยิง และใช้ไม้เข้าทำร้าย นางบัวเผื่อนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว ‘นายทรง’ ผู้ก่อเหตุเข้าไปสอบปากคำแล้วเมื่อวานนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบรับรองแพทย์ของนางบัวเผื่อน (ผู้บาดเจ็บ) จากโรงพบาลกำแพงเพชร เพื่อเตรียมจะออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนเรื่องของอาการป่วยทางจิตเวชของผู้ก่อเหตุว่าป่วยหรือไม่นั้นจะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
เบื้องต้น พ.ต.ท.ผดุงศักดิ์ ปาณะคำ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ‘ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัวนายทรง ผู้ก่อเหตุมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจ เพื่อประเมินว่าสุขภาพจิตของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร หากมีอาการป่วยทางจิตจริงจะต้องส่งตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจอาการที่ โรงพยาบาลสวรรคประชารักษ์ เพื่อที่จะนำมาประกอบสำนวนในคดี เบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร้างกายให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ไว้ก่อน ส่วนคดีอื่นๆจะต้องสอบสวนและดูว่าจะเข้าข้อกล่าวหาใดอีกครั้ง
ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้เดินทางเข้าไปพบกับ นายทรง เพื่อเฝ้าระวังเหตุที่จะเกิดซ้ำอีก ทั้งนี้เสียงชาวบ้านในชุมชนมีความเป็นห่วงกังวลที่ในเหตุการณ์ที่นายทรงทำร้ายร่างกายเพื่อนบ้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าหากมีอาการคลั่งขึ้นมาอีกจะไล่ทำร้ายร่างกายคนอื่น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปรักษาอาการทางประสาทเพื่อไม่ให้ก่อเหตุอีก ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี