"จ่าบอย" อดีตทหารกับเมียขนยาบ้ากว่าแสนเม็ด อ้างต้องการเงินไปเป็นทุน พบมีประวัติเคยต้องโทษยาเสพติด ติดคุกคลองไผ่ 11 ปี
วันที่ 22 มี.ค.68 ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 (ตชด.237) อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พ.ต.ท.บัญชา สมัครรัฐกิจ รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 (รอง ผกก.ตชด.23) พ.ต.ท.ธิติพัทธ์ โสภาตา รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.ท่าอุเทน พ.ต.ธีรนนท์ พุ่มนาค หัวหน้าฝ่ายกำลังพล นบ.ยส.24 ร.อ.ธนากรนาเหล็ก ผบ.ร้อย ทพ. 2103 ร.ต.อ.อัมรินต์ เสนจันทร์ติไชย รองผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 รักษาราชการแทนผู้บังคับกองร้อยตำรวจระเวนชายแดนที่ 237 ตรวจคนเข้าเมืองนครพนม (ตม.ฯ) และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา 2 รายพร้อมของกลางยาบ้ากว่า 140,000 เม็ด เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา
โดยชุดปราบปรามยาเสพติด ตชด.237 สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่และนัดส่งมอบกันริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ชยางกูร) สายท่าอุเทน-นครพนม บริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยใช้รถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว ทะเบียน ขอนแก่น เป็นพาหนะ จึงได้ประสานไปยังหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมประชุมวางแผนจับกุม โดยได้วางกำลังดักชุ่ม จนเวลาประมาณ 19.00 น.พบรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดบริเวณจุดริมถนนหน้าปั๊ม เจ้าหน้าที่จึงเข้าจู่โจมจับกุมเพื่อทำการตรวจค้นพบคนขับชื่อนายขจรยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี และ น.ส.จุฑา ทิพย์ (สงวนนามสกุล) หรือนิด อายุ 42 ปี ภรรยานั่งข้างคนขับ โดยทั้งคู่เป็นชาว จ.กาพสินธุ์ ผลการตรวจค้น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวนประมาณ 140,000 เม็ด อยู่ในลังกระดาษ และถุงพาสติก สีดำภายในเบาะแค็บรถยนต์คันดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า "ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือ) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" จากนั้นได้นำผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผลที่ ตชด.237 เพิ่มเติม
เบื้องต้นนายขจรเลิศให้ปากคำว่า เดิมรับราชการเป็นทหารยศจ่าสิบเอก สังกัดหน่วยงานด้านความมั่นคง มีชื่อเล่นเรียกว่าจ่าบอย ปี 2554 ถูกจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ภายหลังย้ายไปจำคุกที่เรือนจำกลางคลองไผ่ จ.นครราชสีมา ก่อนจะได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2565 รวมรับโทษจำคุก 11 ปี ก่อนมาเจอกับ น.ส.นิดซึ่งเป็นแม่หม้าย จึงตกลงปลงใจอยู่กินฉันสามีภรรยาได้ประมาณ 2 ปี โดยไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนถูกจับติดคุกมาก่อน
ก่อนถูกจับกุมจ่าบอยอ้างว่า รับจ้างกรีดยางทั่วไป แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงรับงานลำเลียงยาบ้าจากริมแม่น้ำโขง เพื่อไปส่งต่ออีกทอด ได้ค่าจ้าง 1 แสนบาท จึงยืมรถยนต์พ่อตาโกหกว่าจะพาเมียไปเอาเงินที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรฯ และผู้ว่าจ้างได้ให้เงินเป็นค่าน้ำมันรถ 9,500 บาท จากนั้นก็เดินทางมารับยาบ้าที่ริมแม่น้ำโขง พื้นที่ จ.นครพนม พร้อมนัดส่งต่ออีกทอดกับผู้มารับบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ริมถนนทางหลวงแผ่นดิน 212 ขณะที่จอดรอก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว จ่าบอยยังอ้างว่าเมียที่มาด้วยไม่รู้เรื่องอะไร แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเพราะของกลางคือยาบ้าอยู่ที่เบาะแค็บรถ ผู้ที่มาด้วยจะไม่สงสัยหรือสอบถามคงเป็นไปไม่ได้
ด้าน พ.ต.ท.บัญชา สมัครรัฐกิจ รอง ผกก.23 กล่าวว่าตามที่รัฐบาลได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด.พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พลตรีสุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ทางกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ก็ได้เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ริมน้ำโขง ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากแนวชายแดน ซึ่งดำเนินการใน 3 ด้าน คือ ด้านการข่าว การลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในจุดเสี่ยงต่างๆ
ในการจับกุมครั้งนี้ เป็นผลมาจากการปฏิบัติการด้านการข่าว โดยทางชุดปราบปรามยาเสพติด ตชด.237 ได้มีการสืบสวนหาข่าว ติดตามผู้ค้ายาเสพติดและมีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางตำรวจตระเวนชายแดนก็จะทำงานกันอย่างเข้มแข็ง และมุ่งมั่น เพื่อสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ายาเสพติด สู่พื้นที่ตอนในประเทศต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี