ศาลนัดสืบโจทก์นัดแรก คดีสามารถ แม่ บอสพอล ฟอกเงิน ดิไอคอน 18 กุมภาพันธ์ ปีหน้า อัยการเตรียมใช้พยาน 24 ปากเบิกความมัด ส่วนจำเลยมีพยาน 24 ปากหักล้างส่วนคดีฉ้อโกง ดิ ไอคอน ยังไม่ได้ข้อสรุป อาจต้องเลื่อนตรวจหลักฐานอีก บรรดาผู้ให้การสนัลสนุนแห่ให้กำลังใจเพียบ บอสหญิงถึงกับหลั่งน้ำตา
วันที่ 24 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ห้องพิจารณาคดี 704 เจ้าหน้าที่ได้สงวน 5 แถวแรกที่นั่งในห้องพิจารณาไว้สำหรับเป็นที่นั่งของจำเลย ส่วนแถวที่นั่งที่เหลือนั้นพบว่า มีบรรดาแม่ทีมและผู้ให้การสนับสนุน ดิไอคอนกรุ๊ป ที่มาให้กำลังใจจำเลยซึ่งนั่งกันจนล้นทุกแถวบางส่วนต้องยืนอยู่ข้างห้อง จำนวนกว่า 200 คน แต่ไม่พบว่ามีตัวแทนของผู้เสียหายเข้าร่วมการพิจารณาคดีในครั้งนี้ นอกจากพนักงานอัยการฝ่ายโจทก์
ต่อมาหลังจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ทยอยนำตัวจำเลยที่ถูกคุมขังจำนวนทั้งสิ้น 17 คน แบ่งเป็นจำเลยบอสหญิงคดีฉ้อโกง ดิไอคอนกรุ๊ป 6 คน และบอสชายจำเลยคดีฉ้อโกง 10 คน และนายสามารถ ขึ้นมายังห้องพิจารณาคดี ระหว่างนั้น บรรดาผู้ให้การสนับสนุน ได้ลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้กล่าวทักทายบรรดาจำเลยทั้งน้ำตา มีบางส่วนได้พยายามเข้ามาจับมือจับไม้จำเลย จนทำให้บอสหญิงจำเลยทั้ง 6 คนต่างร่ำให้ออกมา ส่วนจำเลยผู้ชาย พบว่าส่วนใหญ่ รวมทั้งนายกันต์ ต่างมีสีหน้าเรียบเฉยค่อนข้างไปทางเคร่งเครียด
ส่วนนายวรัตน์พล หรือบอสพอลมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและได้พยายามจับมือจับไม้ทักทายบรรดาแฟนคลับ
ต่อมาเมื่อจำเลยได้ขึ้นมายังห้องพิจารณาคดีแล้ว พบว่านายวรัตน์พล ได้มานั่งแถวหน้าสุดข้างแม่ของนายสามารถ เช่นเดียวกับบอสปันที่ได้มานั่งข้าง ๆ นายวรัตน์พล เช่นเดียวกัน ส่วนแถวที่ 2 กับแถวที่ 3 นั้น จำเลยชายและหญิงนั่งสลับกันไป ส่วนแถวที่ 4 นั้น มีจำเลยผู้ชาย 3 คนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือนายสามารถซึ่งนั่งอยู่แถวริมสุดฝั่งขวา โดยมีแฟนสาวของนายสามารถนั่งข้างได้จับมือสวมกอด และหอมแก้มกัน บางจังหวะนายสามารถได้ลุกขึ้นเดินไปหาแม่ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด โดยแม่ได้โอบกอดนายสามารถด้วย ส่วนญาติฝั่งนายกันต์นั้น พบว่าได้พูดคุยกับนายกันต์ มีการลูบหลังและกอดปลอบใจ ถึงขนาดร่ำไห้ออกมา
สำหรับบรรยากาศการนัดตรวจพยานในคดีฉ้อโกงของ ดิไอคอนกรุ๊ป นั้น พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยการถกเถียงกันของพนักงานอัยการและทนายฝ่ายจำเลย เนื่องจากพนักงานอัยการฝั่งโจทก์นั้นแถลงต่อศาลว่า มีพยานบุคคลจำนวน 7,991 ปาก แต่เสนอให้ดำเนินการสืบพยานเบื้องต้นก่อนจำนวน 109 ปาก ใช้เวลาประมาณ 27 นัด ซึ่งในระหว่างนั้น จะให้ฝ่ายจำเลยอ่านคำให้การของพยานบุคคลทั้ง 7,000 กว่าปาก หากมีข้อสงสัยในพยานบุคคลรายใด ก็จะได้ดำเนินการนัดหมายสืบพยานเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการโจทก์ อ้างว่า อยากให้การสืบพยานเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ทนายความฝ่ายจำเลยไม่เห็นด้วย เพราะเนื่องจากอยากจะให้สืบพยานทั้งหมดกว่า 7,000 ปากให้แล้วเสร็จทีเดียว แม้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานกว่า แต่อย่างน้อยก็เพื่อที่จะสามารถทำบัญชีพยานให้ชัดเจนและจะได้ไม่กระทบต่อสิทธิ์การยื่นประกันตัว ของจำเลยในระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งในประเด็นส่วนนี้นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปและอยู่ในระหว่างการพิจารณาพูดคุยของทั้งสองฝ่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงบ่ายวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ขณะก่อนการเริ่มตรวจหลักฐานได้เกิดความวุ่นวายระหว่างที่พนักงานอัยการและทนายความฝ่ายจำเลยได้พูดคุยกัน พบว่า อาจจะต้องเลื่อนตรวจพยานออกไปก่อน ทำให้ผู้สนับสนุน ดิไอคอนกรุ๊ป เกิดความไม่พอใจ ตะโกนโห่ร้องเสียงดังลั่นห้องพิจารณา จนผู้พิพากษาได้สั่งเตือนว่าห้ามทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้อีก บรรยากาศจึงกลับเข้าสู่ความสงบ
ส่วนคดีการฟอกเงินของ ดิไอคอนกรุ๊ป ที่มีนายสามารถและแม่เป็นจำเลยด้วยนั้น อัยการโจทก์ ยื่นพยานบุคคลจำนวน 24 ปาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่รับผิดชอบคดี เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่รับจดทะเบียนบริษัท เจ้าหน้าที่ธนาคาร บุคคลใกล้ชิดของจำเลย และพยานเอกสารจำนวน 41 ฉบับ โดยโจทก์ขอสืบพยาน 6 นัด
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตและให้สืบพยานโจทก์ระหว่างวันที่ 18-20 กุมภาพันธ์ 2569 และระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2569
ส่วนทนายจำเลย เสนอพยานบุคคล 11 ปาก ได้แก่ จำเลยในคดีนี้ทั้ง 3 ราย บอสปีเตอร์ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด นักการเมืองที่เป็นอดีต สส. ของพรรคการเมืองพรรคการเมืองหนึ่ง นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายควา และตัวแทนของวัดที่ได้รับเงินบริจาคจากแม่นายสามารถ โดยจำเลยขอสืบพยานจำนวนทั้งสิ้น 3 นัด
ศาลพิจารณาอนุญาตให้นสืบพยานจำเลยระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2569 และระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2569
ต่อมาเวลา 15.30 น. ภายหลังจากศาลตรวจหลักฐานคดีฉ้อโกงของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ของทั้ง2ฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว โดยใช้เวลาพิจารณา 6 ชั่วโมง
ศาลได้นัดสืบพยานจำนวน ทั้ง2ฝ่าย รวม50 นัด โดยแบ่งเป็นฝ่ายโจทก์ 30 นัด และ ฝ่ายจำเลย 20 นัด โดยยังไม่มีการระบุวันนัดสืบพยานที่ชัดเจน ซึ่งทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจะต้องพูดคุยกันเพื่อหาวันนัดสืบพยานอีกครั้ง โดยจะสืบพยานฝ่ายจำเลย 62 ปาก โดยทนายความฝ่ายจำเลยจะเป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลมาสืบพยานอีกครั้ง และฝ่ายโจทก์ 100 ปาก โดยคัดจากบุคคล 7,991 ปาก โดยจัดกลุ่ม 6 กลุ่มโดยมีพนักงานอัยการฝ่ายโจทก์เป็นผู้บริหารจัดการฝ่ายโจทก์และดำเนินการคัดเลือกบุคคลมาสืบพยานจำนวน 6 กลุ่ม ให้ครบตามจำนวนนัดของฝ่ายโจทก์เพื่อนำมาสืบพยานตามกรอบเวลาที่ได้รับ ในส่วนของกำหนดวันสืบพยานนั้น พนักงานอัยการฝ่ายโจทก์และทนายความฝ่ายจำเลยจะต้องหารือกันเพิ่มเติมเพื่อกำหนดวันนัดหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี