‘ศาลปกครองสูงสุด’มีคำสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณา คดีฟ้องขอยกเลิกประกาศคะแนนสอบ TCAS A-Level 2567 คะแนนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 หลัง‘ที่ประชุม ทปอ.’ประกาศแก้ไขคะแนน ทำผู้ฟ้องคดีคะแนนลด จนพลาดโควตาสถาบัน
จากกรณีก่อนหน้าที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ประกาศผลสอบ A-Level ผ่านทางเว็บไซต์ MyTCAS ได้ประกาศผลคะแนนสอบข้อสอบ A-Level ซึ่งเป็นข้อสอบเพื่อใช้เป็นหนึ่งในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากประกาศผลสอบไปไม่นาน มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อผิดพลาดต่างๆในการสอบครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น มีคนไม่ได้เข้าสอบในวิชา “คณิตศาสตร์ 1” แต่กลับได้คะแนน หรือมีคนเข้าสอบ “คณิตศาสตร์ 1” แต่กลับไม่ได้คะแนน
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุด รับคำฟ้อง คดีขอยกเลิกประกาศคะแนนสอบTCAS A-Level 67 คะแนนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ศาลปกครองพิษณุโลกอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ 206/2568ที่ 207/2568 และที่208/2568 ซึ่งผู้ฟ้องคดีฟ้องประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กับผู้จัดการระบบสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา (TCAS67) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยฟ้องว่า ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ดำเนินการจัดสอบ TCAS67 และประกาศผลสอบวิชา A-Level คะแนนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 ของผู้ฟ้องคดีผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่จะได้เข้าเรียนหรือได้รับโควตาสายสุขภาพของสถาบันที่ยื่นโควตาไว้แล้ว
แต่ต่อมา ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยประกาศแก้ไขคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์1 เป็นผลให้ ผู้ฟ้องคดีถูกปรับลดคะแนนวิชาดังกล่าวลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะได้รับเข้าเรียนหรือได้รับโควตาสายสุขภาพ ของสถาบันที่ได้ยื่นโควตาไว้ ทำให้เสียสิทธิเข้าเรียนในสถาบันดังกล่าว
จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษายกเลิกประกาศที่แก้ไขปรับลดคะแนนสอบของผู้ฟ้องคดี และปรับคะแนนของผู้ฟ้องคดีให้เป็นไปตามเดิม พร้อมขอให้ยกเลิกการนำคะแนนสอบ A-Level วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์1 ไปใช้ในทุกสถาบัน และขอให้เปิดเผยข้อสอบและผลการตรวจข้อสอบทุกรายวิชาของผู้ฟ้องคดี
ส่วนคดีที่ฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมนั้น ฟ้องว่า รัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยละเลยไม่ควบคุมการดำเนินการระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาโดยปล่อยให้ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยออกกฎเกณฑ์จำกัดสิทธิและละเมิดสิทธิในการศึกษาของเด็ก รวมทั้งไม่ตรวจสอบปัญหาการแก้ไขคะแนน ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ คำฟ้องไว้พิจารณา ในคดีที่ฟ้องประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และคดีที่ฟ้องผู้จัดการระบบ TCAS67 นั้น
ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การคัดเลือกบุคคลเข้ารับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นอำนาจและหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษาตามกฎหมายของแต่ละสถาบัน โดยมีอธิการบดีของแต่ละสถาบันเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของสถาบันอุดมศึกษาในขณะนั้น ก็ได้มอบหมายให้ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยพิจารณาปรับรูปแบบการรับนักเรียนเข้าศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาด้วย
ซึ่งต่อมา ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยก็ได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายนั้น โดยใช้ระบบคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) เป็นระบบ การคัดเลือก แสดงให้เห็นว่าอธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาที่ประกอบเป็นที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยได้ใช้อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาของตนในการคัดเลือกบุคคลเข้ารับการศึกษาต่อ และมอบหมายให้ผู้จัดการระบบ TCAS67 ผู้ถูกฟ้องคดี เป็นผู้ดำเนินการจัดสอบวัดผลและคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแทนตน โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของบริการสาธารณะด้านการศึกษา ซึ่งเป็นการดำเนินกิจการทางปกครอง มิใช่เป็นเพียงความร่วมมือประสานงานหรือส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาตามวัตถุประสงค์เดิมของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นหน่วยงานที่ไม่มีกฎหมายก่อตั้งหรือให้อำนาจและไม่ได้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ดังนั้น การที่สถาบันอุดมศึกษาดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อโดยไม่ได้จัดการสอบเอง
แต่ยอมรับใช้ระบบการคัดเลือกกลาง ถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะผู้จัดการระบบฯ มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารจัดการระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา2567 ตามภารกิจและวัตถุประสงค์ของระบบ TCAS67 ซึ่งเป็นกิจการทางปกครองและบริการสาธารณะด้านการศึกษา โดยได้รับมอบหมายหน้าที่จากทั้งรัฐมนตรีและจากอธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาที่เกี่ยวข้อง การกระทำของที่ประชุมอธิการบดี แห่งประเทศไทย (ทปอ.) และผู้จัดการระบบ TCAS จึงเป็นการกระทำทางปกครองและอยู่ในอำนาจของ ศาลปกครองที่จะตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายได้
ดังนั้น ศาลปกครองสูงสุดจึงไม่เห็นพ้องด้วยกับศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยเห็นว่าเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ.2542 จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องไว้พิจารณา
สำหรับคดีที่ฟ้องว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัตินั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า การศึกษาของชาติเป็นหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ตามพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีจึงมีหน้าที่กำหนดนโยบายและกำกับดูแลสถาบันอุดมศึกษาในการนำนโยบายไปปฏิบัติซึ่งรวมตลอดตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้ารับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นต้นไป รัฐมนตรีฯ ไม่อาจปล่อยให้ภารกิจดังกล่าวดำเนินไปโดยปราศจากการกำกับดูแลจากรัฐ
เมื่อผู้ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องจากการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดี กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
ดังนั้น ศาลปกครองสูงสุดจึงไม่เห็นพ้องกับศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยเห็นว่าเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติ จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาต่อไปตามรูปคดี
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี