รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น...เรื่องของไฟใต้ ที่ยิ่งนานวันยิ่งมีการพัฒนาการ จากฝ่ายของบีอาร์เอ็นวันนี้ นอกจากเรื่องของระเบิดแสวงเครื่อง เรื่องของคาร์บอมบ์ และเรื่องการซุ่มโจมตี เจ้าหน้าที่ด้วยกองกำลังติดอาวุธแล้ว ยังมีเรื่องของสไนเปอร์ หรือพลแม่นปืนที่บีอาร์เอ็นฝึกได้ และเริ่มออกมาปฏิบัติการ ซึ่งที่ผ่านมาในรอบ 4-5 เดือน มีการสอยเจ้าหน้าที่รัฐด้วยสไนเปอร์แล้ว5 ราย รายล่าสุด คือ ร.ท.วิภูวัฒน์ คำสง ผบ.มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.ที่ 2 ที่บ้านสนามบิน หมู่ 1 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา นี่คือปฏิบัติการ 1 นัด 1 ศพ ซึ่งหากกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หน่วยงานที่ตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ ไม่มีการตั้งรับ และการป้องกัน จะต้องเกิดความสูญเสียกับกำลังพล ที่สำคัญวันนี้ หน่วยงานความมั่นคงหน่วยงานด้านการข่าว มีรายละเอียดมากน้อยเพียงใดที่เกี่ยวกับพลยิงสไนเปอร์ของบีอาร์เอ็น..... และในการป้องกันเจ้าหน้าที่ และข้าราชการระดับสูง ที่ต้องเข้าไปเปิดงานต่างๆ ในพื้นที่  โดยเฉพาะฝ่ายปกครองอาจจะตกเป็นเป้าของสไนเปอร์ เรื่องนี้มีการป้องกันอย่างไร หรือยังไม่เกิดและต้องรอให้เกิดก่อน จึงค่อยป้องกัน..... ซึ่งเป็นแบบเดียวกับการปิดช่องทางในพื้นที่หลังโรงแรม หลังชุมชนต่างๆ ในอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จำนวน 9 แห่ง ที่ปล่อยให้เป็นท่าข้ามเถื่อนในการข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก  ที่เป็นการเอื้อให้กับนายทุน เจ้าของธุรกิจ ในพื้นที่ได้รับผลประโยชน์ที่เพิ่งมีการประกาศปิด หลังจากที่กองกำลังติดอาวุธทำการก่อวินาศกรรม ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลกสำเร็จเรียบร้อยแล้ว..... ก็ต้องถามต่อไปว่าแล้ว ช่องทางเถื่อนที่เรียกว่าท่าข้ามตามใจชอบ ในพื้นที่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก จนถึง อ.แว้ง จ.นราธิวาส จำนวน 250 กว่าท่าข้าม วันนี้ทำไมยังเปิดเสรี ทั้งที่รู้ว่านี้อาจจะเป็นท่าข้ามที่บีอาร์เอ็นใช้ในการขนระเบิด และกำลังพลข้ามมาปฏิบัติการในพื้นที่ของนราธิวาส ..... ซึ่งล่าสุด แหล่งข่าวจากนารายณ์ 102 แจ้งว่าอับดุลมาน๊ะ อูเซ็งมือประกอบระเบิดระดับปฏิบัติการ มีการนำระเบิดแสวงเครื่องจากบ้านบังเปาะยง เปิงกาลันกูโปร์  อ.ตุมปัต รัฐกลันตัน เข้ามาในพื้นที่ เพื่อเตรียมก่อเหตุใน 15 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ประเด็นนี้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ที่มีอยู่มากมาย รวมทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครอง มีการสกัดกั้น และการรุกกลับ หรือการป้องกันอย่างไร เพราะหลังการก่อวินาศกรรมที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลกพล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.รมน.ภาค 4 ได้เรียกประชุมหน่วยขึ้นตรง ทุกหน่วย ให้มีการบูรณาการในการป้องกัน และสกัดกั้น เพื่อมิให้บีอาร์เอ็น มีเสรีภาพในการก่อการร้าย.....ที่ต้องตั้งข้อสงสัย การไม่มีการนำปัญหาของท่าข้ามเถื่อน ในอ.สุไหงโก-ลก, อ.ตากใบ มาหารือเพื่อปิดท่าข้ามเหล่านี้ หรือเพื่อให้มีอยู่ตามความจำเป็นกับประชาชน ในการข้ามไปข้ามมา ระหว่างฝั่งไทยกับมาเลเซีย เป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์ในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ของนักการเมือง และของผู้มีอิทธิพลใช่หรือไม่....เพราะท่าข้ามเหล่านี้คือช่องทางในการค้าของที่ผิดกฎหมาย เช่น การส่งยาเสพติด การส่งแรงงานเถื่อน การส่งวัวเถื่อนไปยังประเทศมาเลเซีย และการนำเข้าสินค้าหลบหนีภาษี จากประเทศมาเลเซีย อาทิ น้ำมันเถื่อน, เนื้อเถื่อน, เหล้า, บุหรี่ และสินค้าหลบหนีภาษี ทุกชนิดโดยเฉพาะก่อนที่จะถึงเดือดรอมฎอนจะมีการส่งออกวัวเถื่อนเป็นจำนวนมาก ไปยังรัฐกลันตัน  เพื่อที่จะใช้ในการทำเนื้อกุรบานเพื่อใช้ในประกอบศาสนกิจ ไม่ถามนะว่าทำไมไม่มีการจับกุม เพียงแต่ถามว่า เหตุผลที่มีการปล่อยให้มีช่องทาง หรือท่าข้ามจำนวนมาก เพราะต้องการรักษาผลประโยชน์เหล่านี้ โดยไม่สนใจถึงชีวิตของเจ้าหน้าที่ และความสูญเสียของประเทศชาติ ใช่หรือไม่ เรื่องนี้ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และเสนาบดีกลาโหม รวมทั้ง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ไม่ทราบจริงหรือ….ร้องกันมาหนาหูว่าที่บ้านโคกทราย  อ.ป่าบ่อน จ.พัทลุง มีการเปิดบ่อนการพนันใหญ่โต ท้าทายกฎหมาย อ้าว ใครรับผิดชอบเรื่องบ่อนการพนัน รีบเข้าตรวจสอบด่วน...นี่ก็ขนไม่หยุด บรรดารถกระบะตู้ทึบ รถกระบะ  รถเก๋ง ที่ดัดแปลงช่องลับ และรถหัวลาก ขนน้ำมันเถื่อนวันละกว่า 200 เที่ยว ออกจากด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ไปเก็บไว้ที่คอกน้ำมันเถื่อน ก่อนส่งไปขายทั่วภาคใต้ โดยนายทุนชื่อ บ ทำให้รัฐเสียรายได้มหาศาล งานนี้ทั้งด่านศุลกากร ตำรวจ ปนม.ช่วยตรวจสอบหน่อย น้ำมันเถื่อนขนออกจริงไหมครับ.. บรรดารถสิบล้อ และ 22 ล้อ บางคันยังคงวิ่งถนนเลนขวา จาก อ.หาดใหญ่ ไปจนถึง อ.สะเดา จ.สงขลา ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบ หรือดำเนินการ คงปล่อยให้รถใหญ่วิ่งเลนขวาได้อย่างสบายๆ จนส่ง ลองตั้งด่านตรวจสอบหน่อยก็น่าจะดีครับ….

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์