‘บิ๊กเต่า’จี้ติดโกงยา

ขยายผลผู้เกี่ยวข้อง

ลั่นมีแน่พวกแถว2-3

เร่งสอบรพ.แห่งอื่น

“บิ๊กเต่า” เผยขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ยังมีแถว 2 แถว 3เร่งสอบขยายผล มุ่งควานหาตัวบิ๊กบอสไม่หวั่นแม้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวชั้นศาล ยันมีพยานหลักฐานมัดแน่น มั่นใจเอาผิดได้

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวภายหลังตำรวจบก.ปปป.ร่วมกับ ป.ป.ท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าจับกุม พ.อ.หญิง กัญญารัตน์ แพทย์พยาบาลทหาร กับพวก ทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก หลังจากมีปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 17 จุด ติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ 8 ราย รวมทั้งเข้าตรวจค้นร้ายยาต้องสงสัย 11 แห่ง เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าในส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหาที่เป็นตัวการหลัก คือ พญ.บรินดา ไม่ขอให้การในชั้นสอบสวนแต่จะส่งคำให้การเป็นเอกสารมาให้ในภายหลัง ขณะที่ พ.อ.หญิงกัญญารัตน์ ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบปากคำผู้ประกอบการร้านยา 11แห่ง และนายสมปราชกับ น.ส.สุรีย์ ให้การว่า ที่ได้สั่งซื้อเพราะเข้าใจว่าเป็นการขายยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ทราบที่มาที่ไปของยา แต่ทางตำรวจมีหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของขบวนการนี้ โดยหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบในเฟส2 โดยให้กรมบัญชีกลาง ร่วมตรวจสอบการเบิกจ่ายยาย้อนหลังทั้งหมดของพ.ญ.รายนี้ อีกทั้งจะตรวจสอบโรงพยาบาลอื่นๆ ว่ามีพฤติกรรมลักษณะนี้ด้วยหรือไม่

รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการกระทำผิดและเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ ทางเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.มีการขยายผลตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว เราต้องไปให้สุดกับเรื่องนี้เรื่องการซื้อขายยาของขบวนการนี้ เป็นยี่ปั๊วเถื่อน ไม่มีการเปิดบริษัท เป็นการซื้อขายจากตลาดมืด ซึ่งเหตุผลที่มีการสั่งซื้อยาจากขบวนการนี้เพราะยาบางตัวหายาก ยาบางตัวซื้อได้ในราคาถูกกว่าการสั่งซื้อกับผู้นำเข้า พอร้านยาเห็นว่าสมประโยชน์กัน ก็ติดต่อซื้อขายกันมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2561

“สำหรับร้านยา 11 จุดที่ตรวจค้นตามหมายค้นตำรวจมีพยานหลักฐานทั้งหมด แม้ว่าจะไม่ได้ของกลางที่ตรวจยึดได้จากทุกร้าน เพราะกลุ่มนี้ไหวตัวทัน แต่พบว่ามีช่องทางติดต่อซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ การสั่งจองรายการยา หลักฐานการโอนเงิน เส้นเงินต่างๆ ซึ่งต้องมาพิจารณาว่าจะมีความผิดฐานสมคบค้าด้วยหรือไม่ เพราะยังพบว่ามีตลาดมืดแบบนี้อยู่อีกมาก เป็นไปได้ว่ากลุ่มร้านยาพวกนี้อาจจะรับซื้อจากยี่ปั๊วเถื่อนรายอื่น แม้ว่าบางคนจะไหวตัวทัน มีการลบแชตแต่ก็ไม่มีผล มีการตรวจยึดของกลางไว้ได้ในบางร้าน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางนั้นเพียงแค่ต้องการให้ประชาชนทราบว่าร้านยาพวกนี้ มีการค้ายาเถื่อนในตลาดมืด เป็นขบวนการที่เลวร้าย โดยเฉพาะผู้ที่มีวิชาชีพ ส่วนเรื่องการขยายผลเรื่องร้านยาที่ไม่ได้รับอนุญาต ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ และอาจจะต้องเรียกมาสอบทั้งหมด ส่วนจะมีการสอบพยานเพิ่มหรือไม่อยู่ระหว่างการพิจารณา แม้ว่าป.ป.ท.จะบอกว่าคดีนี้สมบูรณ์แล้ว แต่ตนมองว่าต้องสอบเพิ่มอีก เพื่อขยายผลสาวไปยังผู้ที่อยู่แถว 2 แถว 3

รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า สำหรับเหยื่อที่ได้แค่เศษเงิน อาจจะคิดว่าเอาผิดไม่ได้ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเพราะมีใบเสร็จนั้น ส่วนนี้ก็ต้องดูที่เจตนา และต้องดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลายส่วน ขณะที่เส้นเงินของพญ.บรินดา ที่อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น แม้ว่าเส้นเงินจะโยงไปไม่ถึงชัดๆ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่า พญ.รายนี้ มีส่วนรู้เห็นและได้รับผลประโยชน์จากกรณีนี้ด้วย ส่วนพยาบาล ที่เป็นลูกน้อง ซึ่งรับสารภาพในบางประเด็นนั้น ก็ต้องดูอีกทีว่าจะกันใครไว้เป็นพยานบ้าง เพราะเท่าที่ตรวจสอบเส้นเงินของพยาบาล ได้รับเงินพวกเบี้ยเลี้ยง แต่พยาบาลเป็นลูกน้อง พญ.คนดังกล่าว ย่อมต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว

“เรื่องการประกันตัวผู้ต้องหาถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยตั้งแต่มีการร้องเรียนกับทาง ป.ป.ท.บุคคลที่เกี่ยวข้องก็ยังคงรักษาสิทธิการเป็นข้าราชการ ไปทำงานตามปกติ และแม้ว่าผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวไปก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจ เพราะมีข้อมูลพยานหลักฐานจากหลายหน่วยงาน และมีข้อมูลหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล ครบถ้วน และมีรายละเอียดถึงการกระทำความผิดหากผู้ต้องหาเข้าไปข่มขู่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินการขอให้ศาลถอนประกันทันที” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่ากรณีนี้จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่ไม่อยากให้เหมารวมทั้งหมด เพราะยังมีบุคลากรอีกหลายคนที่ตั้งใจทำงานและยึดมั่นในวิชาชีพ เจตนาคือต้องการให้ประชาชนทราบว่ามีขบวนการการทุจริตแบบนี้และเป็นภัยอันตรายต่อพี่น้องประชาชน