"บกปภ.ช."เผยภาพรวมเหตุแผ่นดินไหวล่าสุด เกิด"อาฟเตอร์ช็อก" 157 ครั้ง ไม่ลามกระทบไทย ตรวจสอบโครงสร้างอาคาร 155 แห่ง พบอยู่โซนสีแดง 2 แห่ง สีเหลือง 33 แห่ง สีเขียว 102 แห่ง อยู่ระหว่างรายงาน 18 แห่ง ใช้งานปกติได้ 73 อาคาร ขณะที่ 63 จังหวัด รับแรงสั่นสะเทือน คาดฝนกระหน่ำเมืองกรุงเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ เร่งระบายน้ำลดอุปสรรคทีมช่วยเหลือกู้ภัยซากอาคารถล่ม

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 ที่ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์ ผลกระทบ และการแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหว โดยมีผู้บริการ ปภ.และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะหน่วยงานสนับสนุนการปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) เข้าร่วมประชุม โดยได้กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประชาสัมพันธ์สถานการณ์และแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย เพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชน และการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบภัยที่ต้องดำเนินการอย่างครบถ้วนและครอบคลุมครบทุกมิติ

โดย นายภาสกร บุญญลักษม์​ อธิบดี ปภ.เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ล่าสุด เกิดอาฟเตอร์ช็อก รวมทั้งสิ้น 157 ครั้ง แต่อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย ขอให้คลายความกังวลใจได้ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มวลอากาศเย็นได้พัดเข้ามา คาดว่าในช่วงบ่ายกรุงเทพมหานครมีความเสี่ยงที่จะเกิดฝนตกในพื้นที่ แต่ไม่ส่งผลกระทบกับอาคารและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ขณะที่ข้อกังวลอื่น อาทิ กรณีบ่อน้ำพุร้อนแห้ง และบ่อน้ำพุร้อนเปลี่ยนสีในหลายพื้นที่ กรมทรัพยากรธรณีได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวทำให้ชั้นตะกอนเกิดการเคลื่อนที่ ส่งผลให้แม่น้ำและน้ำพุร้อนบางแห่งมีสีขุ่นข้นขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และไม่น่ากังวลใจ

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นของโครงสร้างอาคารที่เสียหาย หน่วยงานที่เกี่ยวของและกรุงเทพมหานครได้ร่วมกันตรวจสอบโครงสร้างอาคารอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้น กรุงเทพมหานครได้รวบรวมวิศวกรอาสากว่า 130 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบ 155 แห่ง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีอาคารที่เสียหายในระดับสีแดง (ห้ามใช้อาคาร) จำนวน 2 แห่ง ซึ่งประชาชนที่พักอาศัยได้รับข้อมูลและออกจากพื้นที่แล้ว อาคารที่อยู่ในระดับสีเหลืองจำนวน 33 แห่ง ระดับสีเขียว 102 แห่ง และอยู่ในระหว่างการรายงาน จำนวน 18 แห่ง ส่วนกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการตรวจสอบอาคารไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 89 อาคาร จาก 28 หน่วยงานที่ประสานเรื่องเข้ามา โดยจากการตรวจสอบพบว่า สามารถใช้งานปกติ 73 อาคาร มีความเสียหายบางส่วน 13 อาคาร และมีความเสียหายที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม 3 อาคาร

อธิบดี ปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับการคมนาคมและการจราจร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขการจราจรที่เป็นปัญหา เพื่อให้กลับมาใช้งานสัญจรได้ตามปกติในเช้าวันจันทร์ โดยในวันนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ดินแดง ที่ปิดไปจากกรณีเครนก่อสร้างชำรุด ให้ประชาชนใช้สัญจรได้ตามปกติ ขณะที่ขนส่งมวลชนสาธารณะ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะเปิดให้ใช้ในวันนี้ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ทางหน่วยงานขอดำเนินการตรวจสอบให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัย ก่อนเปิดให้บริการตามปกติ ซึ่งหากการตรวจสอบเสร็จสิ้น จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบทันที

นายภาสกร กล่าวว่า ในเรื่องการดูแลประชาชน ได้มีการเตรียมทีมแพทย์สำรองและเตียงพยาบาล (เตียงเสริม) ไว้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และจัดทีมเยียวยาสภาพจิตใจประชาชน ณ​ โรงพยาบาลสนาม เพื่อดูแลสภาพจิตใจของผู้บาดเจ็บ ผู้รอดชีวิต รวมถึงครอบครัวของผู้บาดเจ็บ ผู้รอดชีวิต และผู้ที่ยังสูญหายจากเหตุการณ์อาคารถล่ม รวมถึงสถานที่อื่นที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ได้เปิดบริการเยียวยาสภาพจิตใจผู้ได้รับผลกระทบแบบออนไลน์ผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และศูนย์เยียวยาจิตใจ 1667 ที่จะเปิดบริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดค้างในอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างถล่มลงมา ได้มีการวางระบบการดำเนินงาน รวมถึงกำหนดพื้นที่ค้นหาและกู้ภัย (Zoning) อย่างเป็นระบบและชัดเจน ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยทหาร หน่วยพลเรือน ตลอดจนอาสาสมัคร มูลนิธิ ร่วมกันดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจากข้อมูลในช่วงเช้าวันนี้ ทีมงานได้ตรวจพบสัญญาณชีพผู้รอดชีวิต 1 ท่าน ซึ่งขณะนี้ทีมงานในพื้นที่อยู่ในระหว่างการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง นอกจากนี้ ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาและกู้ภัยจากต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล เข้ามาสนับสนุนการค้นหาและผู้ประสบภัยที่ยังติดค้างในอาคาร ในส่วนของสภาพอากาศที่คาดการณ์ว่าในช่วงบ่ายวันนี้ กรุงเทพมหานครจะมีฝนตกกว่า 60% ของพื้นที่ แม้จะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับการช่วยเหลือ แต่อาจส่งผลเรื่องการระบายน้ำที่จุดเกิดเหตุ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมอุปกรณ์เพื่อระบายน้ำในพื้นที่ไม่ให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน

"สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน มีรายงานประชาชนรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ จำนวน 63 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร ศรีสะเกษ หนองคาย อุดรธานี อุบลราชธานี ชัยนาท นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สระบุรี อ่างทอง จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี รวมถึงกรุงเทพมหานคร" อธิบดี ปภ.กล่าว

- 006