แตกตื่นอาฟเตอร์ช็อก-อพยพหนีตายรอบ 2
มท.1 ชี้อุปทานหมู่
ยันทุกอาคารปลอดภัย
ไทยไม่มีแผ่นดินไหวซ้ำ
ลุยค้นหาผู้รอดชีวิตตึกถล่ม
ยอดเสียชีวิตพุ่ง 12 ศพ
ผู้ว่าฯ กทม.ยันสถานการณ์แผ่นดินไหวคลี่คลายเกือบ 100% ลุยค้นหาผู้สูญหายไม่หยุดแม้จะเลย 72 ชม.แล้วก็ตาม ย้ำมีกู้ภัย-ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติร่วมทีมทำตามหลักวิชาการ ด้านตัวแทนสตง.หอบแปลนตึกที่ถล่มให้เจ้าหน้าที่วางแผนช่วยเหลือ ส่วนบกปภ.ช.แถลงเกิดอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 200 ครั้งในเมียนมา แต่ไม่กระทบไทย ขณะที่เกิดเหตุแตกตื่นหนีตายที่ศูนย์ราชการ ขรก.ผวาตึกทรุด-เอียง-ร้าว เศษปูนร่วงรวมถึงตึกสูงอีกหลายพื้นที่ในกทม. นายกฯ-รมต.ดาหน้ายันไทย
ไม่เกิดแผ่นดินไหวซ้ำ มีอาฟเตอร์ช็อคแต่ไม่กระทบไทย อย่าตื่นตระหนก ให้ฟังข้อมูลจากทางการเท่านั้น ย้ำวิศวกรเข้าตรวจสอบตึกทั้งของรัฐ-เอกชนแล้ว ปลอดภัย กลับเข้าใช้งานได้ “อนุทิน”ชี้อาจเป็นเพียงอุปทานหมู่ เพราะปชช.ยังตื่นกลัวอยู่ บอกถ้าเป็นตนเห็นใครวิ่งก็วิ่ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 มีนาคม ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แผ่นดินไหว ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวว่า สถานการณ์ทั่วไปคลี่คลายเกือบ 100% แล้ว วันนี้ทางด่วนดินแดง และรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดบริการแล้ว ยกเว้นถนนกำแพงเพชร 2 ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังก่อสร้างพังถล่มทั้งหลัง และ ถนนบางโพ ที่อยู่ระหว่างรื้อถอน ยังคงปิดการจราจร
2ตึกสีแดงห้ามใช้-เร่งตรวจสีเหลือง485ตึก
ส่วนกรณีประชาชนแจ้งตรวจสอบอาคาร มีแจ้ง Traffy Fondue แล้ว 13,000 ราย ซึ่งไม่ใช่จำนวนอาคาร มีบางรายแจ้งซ้ำซ้อน จึงต้องคัดกรองความเสียหาย เข้าไปตรวจต่อเนื่องโดยได้รับความร่วมมือจากวิศวกรอาสา วันนี้จะตรวจอาคารที่มีปัญหาต่อ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ของวิศวอาสาที่ผ่านมา มีเคสสีแดง 2 อาคาร มีปัญหาเรื่องเสาและกำแพงจึงประกาศยุติการใช้ สีเหลือง 485 เคส จะเร่งตรวจสอบ ขณะเดียวกันได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารเอกชน 12,000 อาคาร ตรวจสอบอาคารซ้ำ ในส่วนผู้ได้รับผลกระทบ 2,000 คน กทม.จัดหาที่อยู่ให้ 172 คน นอกจากนี้ รับทราบว่าศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะได้รับความเสียหาย ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม กทม.ยังเปิดรับแจ้งผ่าน Traffy Fondue หากใครไม่มั่นใจแจ้งเข้ามาได้ ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะสรุปแนวทางและหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาอย่างเป็นทางการ
72ชม.แล้วแต่ไม่หยุดหา-ลุยโซนบี-ซี
ในส่วนการค้นหาผู้สูญหาย นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ส่วนที่ต้องโฟกัสขณะนี้คือ การกู้ภัยกู้ชีพผู้เสียชีวิต บริเวณอาคาร สตง. ยืนยันว่า ถึงแม้ขณะนี้ครบ 72 ชั่วโมงแล้ว แต่เรายังคงเดินหน้าค้นหาต่อ และจากการประชุมกับทีมกู้ภัยนานาชาติ เชื่อว่ายังมีโอกาสพบผู้รอดชีวิต เพราะเหตุแผ่นดินไหวที่ต่างประเทศ ยังพบผู้รอดชีวิต แม้จะผ่านมา 1 สัปดาห์ ต้องเดินหน้าค้นหาต่อไป โดยจะเน้นในโซน B,C เพราะเป็นปล่องลิฟต์ และบันไดหนีไฟ หลังสอบถามผู้รอดชีวิตก่อนหน้านี้ทราบว่ามีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก ต้องเจาะเข้าไปในพื้นที่ เป็นไปตามขั้นตอนทำตามหลักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมโดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ควบคุม ส่วนจะประเมินระยะเวลาค้นหาและกอบกู้ซากตึกจะใช้เวลาเท่าที่จำเป็น ไม่ว่าจะ 1 หรือ 10 ชีวิต ก็จำเป็น ขอให้ทำเต็มที่เพื่อทุกชีวิต ส่วนผู้ประสบเหตุ เขตจตุจักรตั้งศูนย์ฯ กองอำนวยการแผ่นดินไหวร่วมบรรเทาสาธารณภัยตึกถล่ม(อาคาร สตง. กำลังก่อสร้าง) พร้อมล่ามไว้แล้ว
พบสัญญาณชีพอยู่ลึกไปในตึก6ม.
กรณีมีข่าวว่าการช่วยเหลือล่าช้านั้น ผู้ว่าฯกทม.ชี้แจงว่า การเข้าปฎิบัติการต้องทำด้วยความรอบคอบ ปลอดภัย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยความยาก อยู่ที่อาคารที่ถล่มมีหลายชั้น และมีลักษณะซ้อนทับกันอยู่ เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม พบสัญญาณชีพบ้างแล้ว โดยเฉพาะโซน A และโซน C ซึ่งลักษณะสัญญาณชีพมีทั้งอ่อนแอ และมีพลัง อยู่ลึกเข้าไปในระยะ 3-6 เมตร แต่พอเจาะลงไปจุดที่พบสัญญาณชีพก็มีสิ่งกีดขวางอยู่ ซึ่งจุดดังกล่าวไม่แน่ใจว่าเป็นร่างของผู้เสียชีวิตหรือผู้ที่รอดชีวิต ส่วนจุดนี้ไม่ได้ขาดอุปกรณ์อะไรเพราะมีอุปกรณ์หนักเข้ามาหมดแล้ว โดยเฉพาะเครน 600 ตัน เข้าประจำที่แล้ว เรามีทุกอย่างพร้อมในพื้นที่แล้ว
เน้นเจาะหาบริเวณปล่องบันไดหนีไฟ
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า การยกชิ้นส่วนไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกส่วนมีเหล็กเชื่อมอยู่ และการยกออกเลย อาจทำให้ติดชิ้นส่วนเหล็กและดึงชิ้นส่วนอื่นร่วงลงมา อาจทำให้เกิดอันตรายเพิ่มขึ้น จึงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้พยายามหาจุดเพื่อเจาะเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ข้างในออกมาก่อน การทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อคืนทีมงานเข้าไปในนั้นได้ 8 คน นานสุด 20 นาทีเท่านั้น จึงต้องสลับเวรกัน ส่วนที่มีฝนตกมาระยะนี้ เป็นผลที่ดีกับผู้ที่ติดอยู่ภายใน เพราะทำให้อุณหภูมิไม่ได้สูงมาก
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวด้วยว่า จากการวิเคราะห์พื้นที่อาคารแห่งนี้จะมีปล่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ เชื่อว่าขณะเกิดเหตุคนงานจะวิ่งลงทางบันไดหนีไฟแล้วอาคารก็ถล่มลงมา ทำให้คนจำนวนมากจะอยู่ในปล่องบันไดหนีไฟ ดังนั้น วันนี้เน้นค้นหาบริเวณปล่อง หาทางเจาะเข้าไป ปฏิบัติการครั้งนี้ขอให้วางใจเพราะมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาร่วมปฏิบัติงาน ขณะที่การตรวจสอบความผิดพลาด ของอาคารถล่มครั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ตรวจสอบ และกทม.ให้การสนับสนุน
“ยืนยันมั่นใจมาตรฐานอาคารที่ก่อสร้างตามกฎหมายฯ มีความมั่นคงแข็งแรง ซึ่งออกแบบมารองรับแผ่นดินไหว อาคาร 100% ในกรุงเทพฯปลอดภัย มีเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้าง 1 อาคารที่ถล่ม” ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าวย้ำในตอนท้าย
อาฟเตอร์ช็อคกว่า200ครั้งแต่ไม่กระทบไทย
ขณะที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) บกปภ.ช. ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์ ผลกระทบ และการแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหว หลังประกาศลดระดับการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ ระดับ 3 เป็นระดับ 2 ให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งการควบคุมและบัญชาการในพื้นที่ โดยนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ บก ปภ.ช.กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวของกรมอุตุนิยมวิทยา พบมีอาฟเตอร์ช็อคบนรอยเลื่อนมากกว่า 200 ครั้ง แต่อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย ส่วนสภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯจะมีฝนตกใน 2 - 3 วันนี้
38หน่วยงาน124อาคารใช้งานได้ปกติ
เลขาฯบกปภ.ช.กล่าวต่อว่า การตรวจสอบอาคารกรมโยธาธิการและผังเมืองแบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นอาคารของหน่วยงานภาครัฐตรวจสอบแล้ว 38 หน่วยงาน 124 อาคาร สามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ 117 อาคาร อาคารที่มีความเสียหายปานกลางแต่ยังสามารถใช้งานได้ 7 อาคาร กลุ่มที่ 2 ได้แก่ อาคารที่มีทางเชื่อม อาคารสูง คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า อาคารของภาคเอกชน ซึ่งเป็นอาคารที่ตรวจประจำทุกปี ซึ่งเจ้าของอาคารประสานผู้ตรวจสอบเข้าตรวจทุกปีให้ตรวจ ส่วนอาคารต่างจังหวัด ให้สำนักงานโยธาฯจังหวัดตรวจสอบเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติในส่วนกลาง นอกจากนี้ ยังย้ำให้จังหวัดสำรวจรายงานความเสียหายให้ครบทุกมิติ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนตามเกณฑ์การช่วยเหลืออย่างชัดเจน
แตกตื่นหนีตายศูนย์ราชการยุบ-เอียง
เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรือ ศูนย์ราชการอาคาร A ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุการณ์อพยพฉุกเฉิน หลังมีเสียงดัง “แกร๊ก” และพบรอยแตกร้าวบางจุดของตัวอาคาร มีเศษปูนร่วงลงมา ส่งผลให้หน่วยงานที่อยู่ในตึก สั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งหน่วยงานราชการสำคัญ อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลแขวงดอนเมือง ศาลล้มละลายกลาง กรมคุมประพฤติ กรมบังคับคดีและดีเอสไอบางส่วน รวมทั้งหน่วยงานราชการอื่น นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าอาคาร A ฝั่งศาลล้มละลายกลางมีการทรุดตัวและเอียงไปจากเดิม ทำให้ อาคาร B ซึ่งอยู่ใกล้เคียงประกาศอพยพเช่นกัน หลังเจ้าหน้าที่ที่ทำงานบนชั้น 8 และ 9 รู้สึกถึงการสั่นไหวของอาคาร หลังเกิดเหตุบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ซึ่งเป็นผู้ดูแลศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะส่งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบอาคารแล้ว ไม่พบความเสียหายต่อโครงสร้างอาคาร และระบบประกอบอาคาร ลิฟต์ บันไดเลื่อนปลอดภัย ให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานและผู้ใช้อาคารสามารถกลับเข้าตึกได้ปกติ
มท.3ลงพื้นที่ตรวจตึกAย้ำปลอดภัยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ตรวจสอบอาคาร นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายธเนศ วิระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย กรมธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ร่วมตรวจสอบและประชุมประเมินสถานการณ์ โดยนางสาวซาบีดาให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมวันนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้อาคาร เนื่องจากอาการ after shock แต่ไม่รุนแรงส่งผลกระทบต่อมั่นคงแข็งแรงของอาคาร และประชาชน อาคารได้รับการตรวจสอบจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนอาคารหน่วยงานราชการอื่นๆก็พยายามไล่ตรวจสอบให้ครบถ้วนทุกอาคาร ซึ่งกรมโยธาธิการฯมีศูนย์รับแจ้งเข้าตรวจสอบอาคารของหน่วยงานภาครัฐ และอาคารนี้ได้มีทีมวิศวกรของตึกตรวจสอบ 1 รอบ สร้างความมั่นใจในการกลับเข้าใช้ตึกได้ ส่วนการเปิดให้บริการประชาชนที่จะมาติดต่อขึ้นอยู่กับหน่วยงานราชการ
ยันอาฟเตอร์ช็อคไม่กระทบโครงสร้าง
ด้านนายพงษ์นรากล่าวว่า วันนี้ตั้งแต่เวลา 10.28 น.ได้รับรายงานเหตุแผ่นดินไหวและ after shock ประมาณ 15 ครั้งระดับความแรง 2-3 เราไม่ได้รับรู้กัน เพียงแต่ผู้ใช้อาคารอาจมีความรู้สึกของตัวเอง เหมือนเวียนหัว พอมีกลุ่มคนหนึ่งอพยพลงมาจากอาคารก็พากันตามมา ยืนยันว่าอาคารนี้ได้ตรวจสอบโดยวิศวกรที่ดูแลอาคารเรียบร้อยแล้วเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา พบรอยร้าวไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารหรือความแข็งแรง แต่อาจมีการขยับตัวของรอยเชื่อมระหว่างอาคารป้างแต่จากการตรวจสอบ ไม่พบรอยร้าวที่ส่งผลต่ออาคารจึงเปิดให้ใช้งานตามปกติในวันนี้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นจากการได้รับข้อมูลเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาเมื่อทำงานจึงเกิดความรู้สึกยังมีความไม่ปกติอยู่ เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็จะคิดว่าเกิดแผ่นดินไหวอีกแล้วและอพยพ ซึ่งอาฟเตอร์ช๊อค 15 ครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าขนาดเล็ก
ส่งวิศวกรตรวจซ้ำ-ตึกเอียงเป็นดีไซน์
“อย่างไรก็ตาม แจ้งเพื่อความมั่นใจ กรมโยธาธิการและแผนผังเมืองส่งทีมงานวิศวกร เข้ามาตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่ามีรอยแตกร้าว หรือมีความเสียหายอะไร หรือมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่ รูปภาพที่ส่งกันในโซเชียลมีเดีย ระบุว่าเป็นรูปภาพที่อาคารเอียง ซึ่งการออกแบบโครงสร้างต้องการให้เอียงอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นการเอียงเพิ่มขึ้นจากแผ่นดินไหว ขอย้ำว่าทางโซนอาคารเอและอาคารบีมีการออกแบบอาคารให้มีความเอียงอยู่แล้ว”นายพงษ์นรากล่าว
รอยร้าวรอยแยกมีอยู่เดิมไม่เกิดเพิ่ม
ขณะที่นายธเนศ กล่าวว่า ส่วนตัวนั่งทำงานที่อาคารนี้ตึก ทางซีกขวาจึงคุ้นตารอยร้าวของอาคารแห่งนี้เพราะทำงานมา 10 กว่าปีแล้ว และตัวเราก็เป็นวิศวกรด้วยก็รู้ถึงการแยกเห็นถึงตำแหน่งที่แยกอยู่เดิมแล้ว ซึ่งเป็นการออกแบบให้ยืดหยุ่นได้ จึงเป็นรอยแยกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อสร้าง ส่วนรอยแตกใหม่แทบไม่มีเลย ซึ่งวันนี้ตนนั่งทำงานที่นี่ต่อ แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจเราจะตรวจสอบซ้ำ โดยประสานกรมโยธาธิการฯให้เข้ามาตรวจสอบ และประสานขอเครื่องมือตรวจความสั่นสะเทือน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นรอยร้าวไม่ได้เกิดขึ้นที่เสาและคานที่เป็นโครงสร้างหลักของตัวอาคาร จะเห็นแค่รอยริ้วเล็กๆเท่านั้น ไม่ได้เกิดเป็นโพรงจนมองเห็นทะลุกำแพง แต่ต้องฉาบรอยร้าวใหม่แต่ต้องรอหลังหมดอาฟเตอร์ช็อคก่อน
ใช้อีพ็อกซี่ฉาบเสาปูนแตกแข็งเท่าคอนกรีต
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่อาคาร A ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ล่าสุดทีมวิศวกรที่ปรึกษาของศูนย์ราชการเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างอาคารอีกครั้ง เบื้องต้นพบมีเสาหลักบริเวณชั้น 2 ของอาคารติดกับที่ทำการไปรษณีย์ปูนเกิดการกระเทาะแตก จากแหล่งส่วนสะเทือนของแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายไพรัช เล้าประเสริฐ ผู้ควบคุมงานก่อสร้างศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เปิดเผยว่า ช่วงการตรวจสอบพบว่าปูนมีรอยร้าวจนกระเทาะแตกเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงกระเทาะปูนออกมาเพื่อตรวจสอบดูเสาภายในว่าได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวหรือไม่ ซึ่งปูนที่กระเทาะแตกออกมานั้นเป็นเพียงปูนที่ฉาบด้านนอกของเสา ซึ่งค่อนข้างเปราะบางรองรับแรงกระแทกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลถึงตัวเสาที่เป็นโครงสร้างอาคารด้านใน จึงไม่ใช่เรื่องรุนแรง และกระทบต่อตัวอาคาร เพราะถ้ากระทบโครงสร้างต้องมีรอยแตกหลายจุด จากนี้ต้องนำปูนพอกซี่ ซึ่งแข็งแรงมากกว่าปูนซีเมนต์ เมื่อแข็งตัวแล้วจะแข็งแรงเท่ากับคอนกรีตมาฉาบปิดรอยบริเวณดังกล่าว โดยจะเร่งซ่อมแซมทันที ยืนยันว่าจากการตรวจสอบพบความเสียหายที่บริเวณจุดนี้เพียงจุดเดียว หลังจากนี้วิศวกรจะนำกระจกสไลด์บางมาติดตั้งบริเวณจุดรอยเชื่อมของอาคาร รวมถึงจุดที่เกิดรอยร้าว เพื่อทดสอบแรงสั่นสะเทือน หากอาคารขยับตัวกระจกก็จะร่วงแตก
นายกฯย้ำอาฟเตอร์ช๊อคไม่กระทบไทย
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเกิดเหตุความวุ่นวายภายหลัง ประชาชนอพยพลงจากตึกและอาคารสูงว่า ขอแจ้งให้ชัดเจนก่อน ตอนนี้อาฟเตอร์ช็อกที่อยู่ที่เมียนมาไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย และกรุงเทพฯ กรมอุตุนิยมวิทยายืนยันแล้ว ไม่มีกระทบ อย่างที่บอกไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาว่า คนรับผิดชอบตึกควรตรวจสอบว่าลิฟต์เสียหรือไม่ กระเบื้องกระเทาะกระทบการใช้ตึกหรือไม่ แต่ละตึกต้องเช็คเรื่องนี้ให้ดี ถ้าเช็คแล้วสงสัยให้ติดต่อไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
ยันไม่มีดินไหวรอบใหม่เกิดขึ้น
“ตอนนี้ที่วิ่งกันออกมาจากตึก มันไม่ได้มีในเรื่องของอาฟเตอร์ช็อก หรือแผ่นดินไหวเพิ่มเติม ยืนยันว่าไม่มี ภัยธรรมชาติอันนี้ไม่มี ทั้งนี้แต่ละตึกผู้ที่รับผิดชอบต้องออกมาคอนเฟิร์ม ว่าแต่ละตึกสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละตึกต้องช่วยกันรับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งมีหลายตึกที่ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติ และลิฟท์ปกติดี”นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการสื่อสารแจ้งเตือนเพื่อป้องกันความโกลาหล และความหวาดกลัวของประชาชนค่อนข้างจะล่าช้า นายกฯ กล่าวว่า จะพยายามสื่อสารทุกช่องทางที่สามารถสื่อสารได้ว่า การที่ประชาชนออกมาเป็นการเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น ซึ่งเราเองก็ทราบตอนที่ประชาชนวิ่งออกมาแล้ว แต่ว่าด้วยเหตุทางธรรมชาติขอให้สบายใจตรงนี้ ไม่มีเหตุการณ์ธรรมชาติใดๆ ที่จะกระทบ หากมีการยืนยันแล้วว่าตึกเข้าไปใช้งานได้ ไม่มีการเพิ่มเติมเรื่องของอาฟเตอร์ช็อกหรือแผ่นดินไหวรอบใหม่
ตัวแทนแรงงานคุกเข่าไหว้ขอนายกฯช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯ เป็นประธานพิธีเปิดงาน Thailand Investment and Expat Services Center (TIESC) เสร็จแล้ว ได้เดินทางไปลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้สูญหายในซากตึกสตง. เขตจตุจักรอีกครั้ง โดยนายกฯได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่บริเวณรับแจ้งคนหาย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครคนไทยและต่างประเทศ ที่ตั้งศูนย์บัญชาการช่วยเหลือ รวมถึงทหารจากสหรัฐฯ อิสราเอล และประเทศอื่น ซึ่งเชี่ยวชาญการค้นหาและเทคโนโลยี โดยนายกฯขอบคุณที่เข้ามาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ พร้อมให้กำลังใจ จากนั้นนายกฯรับฟังสรุปการช่วยเหลือจากนางทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม.ว่าขณะนี้ยังพบสัญญาณชีพอยู่ ระหว่างนายกฯจะเดินเข้าจุดเกิดเหตุ มีชายตัวแทนกลุ่มพันธมิตรแรงงานต่างประเทศ เข้ามาหาและขอให้นายกฯช่วยเหลือ เร่งค้นหาบุคคลที่ยังติดอยู่ในตึก โดยเฉพาะแรงงานเมียนมา ซึ่งนายกฯให้กำลังใจ พร้อมรับปากช่วยเหลือคนเต็มที่ไม่ว่าเป็นใคร สัญชาติไหนก็ตาม จากนี้ต้องตรวจสอบเหตุตึกถล่มเต็มที่ บอกเลยเต็มที่แน่นอน หลังจากนั้นชายตัวแทนกลุ่มพันธมิตรแรงงานต่างประเทศ คุกเข่านั่งลงไหว้นายกฯพร้อมร้องไห้ นายกฯก้มลงไปจับไหล่ให้ชายดังกล่าวลุกขึ้น พร้อมบอกว่า ช่วยกัน
ตัวแทนสตง.หอบแปลนตึกให้กู้ภัย
เวลา 12:00 น. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นำเอกสารจำนวนหนึ่งมาให้เจ้าหน้าที่กองอำนวยการ ที่ติดตามภารกิจค้นหาผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารที่ถล่ม เพื่อนำเอกสารชุดดังกล่าวส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เมื่อมาถึงผู้สื่อข่าวพยามสอบถามถึงการนำเอกสารมาให้ในครั้งนี้ รวมถึงสาเหตุ และการเยียวยาให้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ไม่มีการตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน
จับสัญญาณชีพเจออีก1จากใต้ซาก
ด้านรศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม.เปิดเผยว่า เอกสารที่เจ้าหน้าที่สตง.นำมาให้วันนี้ เป็นแบบแปลนอาคารการก่อสร้าง ซึ่งระบุตำแหน่งและจุดสำคัญในอาคาร เช่น บันไดหนีไฟ และลิฟท์ ซึ่งข้อมูลชุดนี้จะนำไปวิเคราะห์กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ใช้เป็นแนวทางค้นหาช่วยเหลือผู้สูญหายให้รวดเร็วขึ้น ส่วนภารกิจค้นหาผู้ติดค้างใต้ซากอาคาร เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้สูญหายอย่างเต็มที่ ซึ่งตรวจจับสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้ 1 คน และต้องอาศัยความเงียบตรวจจับสัญญาณชีพที่ยังอ่อน ทำให้นายกฯต้องเดินทางกลับอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติงาน ซึ่งต้องการความเงียบ ยืนยันการช่วยเหลือไม่ช้า แต่ไม่เจาะทะลุซาก เกรงอาจถล่มซ้ำ จึงต้องวิเคราะห์พื้นที่อย่างรอบคอบ
มท.1ย้ำไม่มีดินไหวซ้ำ-ตึกเอปลอดภัย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวก่อนประชุมติดตามและแก้ปัญหาการเตือนภัย SMS ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ขณะนี้ลดระดับความรุนแรง จากระดับ 3 เหลือระดับ 2 ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดมีอำนาจสั่งการเต็มที่ ถ้าขาดอะไรก็ขอการสนับสนุนมาเป็นกรณีไป ส่วนกรณีเกิดเหตุวุ่นวายมีการอพยพคนออกจากอาคารในหลายพื้นที่ นายอนุทินกล่าวว่า กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตุนิยมวิทยา ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่มีเหตุแผ่นดินไหวอย่างที่คิด และกรมโยธาธิการและผังเมือง นายกสภาวิศวกรก็เข้าไปตรวจดูที่ศูนย์ราชการอาคาร A แล้วว่าไม่มีอะไร แต่อาจเป็นอุปทานหมู่ ซึ่งยอมรับว่า เป็นไปได้เนื่องจากเป็นช่วงที่คนยังตื่นตระหนกอยู่ ส่วนที่เป็นรอยแยกหรือที่เรียกว่า Expansion joint (ข้อต่อขยายสำหรับการเคลื่อนไหว) ซึ่งทุกอาคารมีอยู่แล้ว หากมีการขยายตัวเพื่อไม่ให้เกิดรอยร้าว
ผู้ว่าฯกทม.เป็นวิศวะเชื่อมั่นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำนักวิชาการหรือวิศวกรมาอธิบายเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินย้อนถามว่า เห็นกรมประชาสัมพันธ์ก็มีอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ออกมาชี้แจงยังไม่พออีกหรือ ท่านเป็นวิศวกรโยธา และก่อนประกาศลดระดับสถานการณ์ ก็ได้ตรวจสอบก่อนแล้วว่าไม่น่ามีอะไรเลวร้าย และเมื่อลดระดับสถานการณ์จากระดับ3 มาอยู่ที่ระดับ 2 ก็ไม่ได้หมายความว่ากระทรวงมหาดไทย หรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไม่ทำหน้าที่ ผู้บัญชาการสถานการณ์ แต่เป็นการเกิดภัยทั่วประเทศก็จะรวบศูนย์บัญชาการสถานการณ์มาอยู่ที่รมว.มหาดไทย แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ก็กระจายอำนาจออกไป เพื่อให้ทำหน้าที่ได้เต็มที่ ดังนั้น ยืนยันว่า ภาครัฐได้เผยแพร่ข้อมูลโดยตลอด
ชี้เป็นอุปทานหมู่-ถ้าเป็นตนก็วิ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีคนเข้าไปใช้อาคารมาก จึงอาจจะเกิดผลกระทบต่อเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ผ่านมา (28มี.ค.) นายอนุทิน ส่ายศรีษะ ก่อนกล่าวยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ ถ้าเฉพาะคนเข้าไปเยอะขึ้นแล้วน้ำหนักคนกับตัวอาคารมันเทียบไม่ได้ พร้อมกล่าวย้ำว่า เป็นอุปทานหมู่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในช่วงที่ยังหวั่นวิตกกันอยู่ พอเราเห็นคนอื่นลงไปเราก็ลง หากเป็นตนก็ลงไปเหมือนกัน อย่าว่าแต่คนอื่นเลย อย่างกรณีศูนย์ราชการอาคารเอก็เป็นห่วง ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูทันที และยืนยันว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ส่วนที่บอกว่าตึกเอียงนั้น ตึกเขาออกแบบเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
สั่งโยธาฯไล่บี้เจ้าของเช็คตึกตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผนังเปลือกอาคารด้านนอกที่สร้างครอบตึกบัญชาการ 1 มีรอยร้าว นายอนุทิน แหงนหน้าขึ้นไปดู และอธิบายว่านี่คือ Hair Crack หรือรอยร้าวขนาดเล็ก อาคารขยับแม้ไม่มีแผ่นดินไหว ก็มีการยืดเข้ายืดออกได้โดยอุณหภูมิความร้อน ดังนั้น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ถ้าอยากให้สบายใจ หลายหน่วยงานสามารถออกนโยบายเวิร์คฟอร์มโฮมได้ ส่วนรอยร้าวของอาคารต่างๆ เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.8 บางตึกก็เกิดรอยร้าวได้ ที่บ้านตนก็มี ดังนั้น ย้ำว่า หากกระทบโครงสร้างก็ต้องหยุดใช้งาน โดยสั่งกรมโยธาธิการฯออกคำสั่งฯว่าให้เจ้าของอาคารทุกอาคารเร่งตรวจสอบอาคาร อย่ารอให้กรมโยธาธิการฯเข้าไป อาคารชุดอาคารตึกสูงที่มีนิติบุคคลควรต้องตรวจทุกปี ไม่ต้องรอให้ถึงวงรอบ หากใครตรวจก่อนวันที่ 28 มีนาคมให้ตรวจอีกรอบหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาคาร
พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก1เป็นหญิงรวมตาย12
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ติดอยู่ในซากอาคารสตง.ที่ถล่มว่า เวลา 14.00 น. รับแจ้งพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นเพศหญิง 1 ราย และนำร่างลงมาเพื่อส่งสถาบันนิติเวชตรวจสอบอัตลักษณ์ต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยต่างกันเร่งทำงาน เนื่องจากยังมีผู้สูญหายติดอยู่ในซากอาคารจำนวนมาก ซึ่งตัวเลขยอดผูเสียชีวิตล่าสุดรวม 12 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี