“เพิ่มพูน” นำข้าราชการทำบุญครบรอบ 133 ปี ศธ. เพื่อเป็นสิริมงคลและระลึกถึงผู้ทำคุณประโยชน์ พร้อมเดินหน้า "เรียนดี มีความสุข" สร้างคุณภาพ เสมอภาค ความสุข ความปลอดภัยให้ผู้เรียน
1 เมษายน 2568 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 133 ปี โดยเวลา 07.09 น. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรมว.ศธ.และโฆษก ศธ. ตลอดจนข้าราชการการเมือง ข้าราชการ และบุคลากร ศธ. ร่วมสักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์” รวมทั้ง พระภูมิ หรือพ่อปู่ชัยมงคล และพระพุทธรูปประจำ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พร้อมสักการะศาลปู่เจียม และประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6
ต่อจากนั้น พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. เป็นประธานพิธีทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในวันคล้ายวันสถาประนา กระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 133 ปี มีพิธีบังสุกุลพระสงฆ์ 10 รูป อุทิศส่วนกุศลให้แก่ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ทำคุณประโยชน์แก่กระทรวงศึกษาธิการ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรมว.ศธ.และโฆษก ศธ. ตลอดจนข้าราชการกาาเมือง ครูอาวุโส ผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากร ศธ. เข้าร่วมพิธี ณ พิพิธภัณฑ์การศึกษาไทย กระทรวงศึกษาธิการ
จากนั้น รมว.ศธ. พร้อมด้วย รมช.ศธ. คณะผู้บริหาร ครูอาวุโส ข้าราชการ บุคลากร ศธ. ร่วมพิธีตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 134 รูป ณ บริเวณสนามหน้ากระทรวงศึกษาธิการ
และในเวลา 09.00 น. ที่หอประชุมคุรุสภา พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีมอบเข็ม “เสมาคุณูปการ” และประกาศเกียรติคุณบัตรแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้ ศธ. ประจำปี 2568 จำนวน 120 ราย พร้อมทั้งมอบรางวัลการประกวดบทความ “ความภาคภูมิใจในการเป็นบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการ” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้บุคลากรทั่วประเทศ มีส่วนร่วมกับการจัดงาน
รมว.ศธ. กล่าวว่า ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 133 ปี วันที่ 1 เมษายน 2568 นับเป็นวันสำคัญที่ทุกคนได้ร่วมทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่ออุทิศบุญกุศลให้ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการที่ล่วงลับไปแล้วและเพื่อระลึกถึงคุณค่าของการศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคนและประเทศชาติ ให้เกิดการเติบโต เจริญก้าวหน้าในทุกด้าน ด้วยการพัฒนาความรู้และความสามารถของประชาชน ซึ่งหลักการสำคัญในการจัดการศึกษาตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” คือ จัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ซึ่งงานในวันนี้ก็มีการถ่ายทอดไปทั้ง 77 จังหวัด และมีพิธีพร้อมกัน
วันนี้ก็ถือเป็นวันเริ่มต้นที่ดี และในวันนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบสาร ในโอกาสวันตล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 133 ปี มาให้ และในวันนี้ตนก็ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยพูดคุยกับผู้ที่มาร่วมงานที่คุรุสภาและผ่านการประชุมทางไกลได้มีโอกาสขอบคุณที่ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาที่ได้ทำงานร่วมกัน ตนเชื่อว่ามีความเจริญก้าวหน้าทางการศึกษา ซึ่งในขบวนการตรงนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามีลมใต้ปี มีภาค ภาคเอก ที่ช่วยกันพัฒนาการศึกษา และวันนี้ก็ได้มีโอกาสมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้กับผู้ที่ร่วมทำงาน และมอบรางวัลให้กับข้าราชการ และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด ศธ. และมอบรางวัลประกวดบทความ ในวันนี้นอกจากมอบรางวัลแล้วตนก็ได้เชิญชวนทุกคนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ครู บุคลากรทางการศึกษา และภาคประชาชนมาร่วมกันปฏิวัติการศึกษาแก้ไขประเทศร่วมกัน ทำอย่างไร ในปีหน้าเราจะต้องทำให้ดียิ่งขึ้นมากกว่าปีนี้ และปีต่อไปจะต้องทำให้ การศึกษา ดีขึ้นเรื่อยเรื่อยๆ
“ณ วันนี้เราต้องยอมรับว่าการศึกษาของเราอาจจะยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร แต่ผมเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผมมาดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคนเป็นอย่างดี จึงมีความก้าวหน้า มีความเปลี่ยนแปลง แต่มิติของการศึกษาผลที่จะเห็นจริงๆอาจจะช้านิดหนึ่ง และในปลายปี 68 นี้ก็จะเห็นผลการประเมินพิซซ่า ของเราว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจากผลการทดสอบโอเน็ต ปีนี้น้องๆก็ให้ความสนใจเข้าสอบโอเน็ตเป็นจำนวนมาก และผลการทดสอบก็ถือว่าดี และเราได้เห็นมิติของการศึกษาว่าน้องๆแต่ละคนอ่อนวิชาอะไร และเราจะต้องเติมวิชาอะไร ในแต่ละโรงเรียนที่น้องๆเรียน มีจุดไหนที่เราจะต้องไปเติมเต็ม และจุดไหนที่เราจะพัฒนาคุณภาพคุณครู หรือพัฒนาสถานศึกษานั้นให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รัฐบาลได้วางกรอบการพัฒนาการศึกษาทุกระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับปฐมวัยให้มีคุณภาพมาตรฐาน มีการส่งเสริมทักษะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นการพัฒนาความคิดวิเคราะห์และเหตุผล พร้อมทั้งนำใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการศึกษา และการฝึกอบรมทักษะที่ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน
นอกจากนี้ ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยีดิจิทัล และสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคนในทุกช่วงวัยให้มีความ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” เป็นสิ่งท้าทายสำคัญของ ศธ. ซึ่งการพัฒนาระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ศักยภาพของผู้เรียน ถือเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา และการฝึกอบรมอย่างเท่าเทียม ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) การจัดให้มีโรงเรียนคุณภาพการสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา และการพัฒนาระบบแนะแนวการเรียนและเป้าหมายชีวิต เป็นแนวทางที่จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา
ที่สำคัญการพัฒนาการศึกษาของประเทศให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล จำเป็นต้องมี “เครือข่ายการศึกษา” ที่แข็งแกร่ง ที่สามารถผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศได้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการทุกท่าน ซึ่งทุกคนถือเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ของการร่วมมือในการผลักดันนโยบายการศึกษาร่วมกัน ภายใต้แนวคิด "จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน" เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศให้สามารถแข่งขันในระดับสากล
“การศึกษาไทยเดินทางมายาวนานถึง 133 ปี และยังคงต้องก้าวต่อไป พร้อมเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการศึกษาไทย เพื่อสร้างคนไทยที่มีความรู้และมีคุณภาพการร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาการศึกษาไทยให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ศธ.จะเดินหน้าพัฒนาการศึกษา ร่วมใจในการปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศ เพื่อสร้างคุณภาพ สร้างอนาคต สร้างสิ่งที่ดีให้กับคนไทยทุกคนและประเทศชาติสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก”รมว.ศธ. กล่าว
ด้านนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. กล่าวว่า ศธ. ได้สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดยมีชื่อเดิมว่า “กระทรวงธรรมการ” มีหน้าที่ในการจัดการพระศาสนา การศึกษาการพยาบาล และพิพิธภัณฑ์ ตลอดระยะเวลากว่า 133 ปี ศธ.ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงยุคปัจจุบันที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษายุค Digital Transformation ยังคงทำหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมและกำกับดูแลการศึกษา ถ่ายทอดความรู้ พัฒนาจิตใจ และสติปัญญาของผู้เรียนในทุกระดับ ทุกประเภท ทั้งนี้ เพื่อสร้างบุคคลที่มีคุณภาพและสามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ในทุกด้าน ทั้งทางวิชาการและชีวิต ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime)
การจัดงานในวันนี้ นอกจากจะเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้ำลึกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯสถาปนากระทรวงศึกษาธิการขึ้นแล้วยังเป็นโอกาสที่ทุกคนได้ร่วมกันรำลึกถึงผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงศึกษาธิการที่ได้อุทิศตนในการพัฒนาการศึกษาของชาติ และผู้ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นผู้ที่เคยทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับภารกิจนี้ ทั้งนี้ ยังเป็นการเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ประจำปี 2568 ที่ยังคงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการศึกษาไทยให้แข็งแกร่งและก้าวไกลสู่อนาคตที่ยั่งยืนและเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง
สำหรับการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาฯ ส่วนกลาง ได้มีกิจกรรมรับบริจาคโลหิต ภายใต้โครงการ “ไทยจีนเลือดเดียวกัน” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งได้เริ่ม Kick off ไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ สภากาชาดไทย โดยตั้งเป้าหมายในการบริจาคโลหิตให้ได้ปริมาณรวม 5 ล้านซีซี ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับในส่วนภูมิภาค ได้จัดกิจกรรมวันครอบรอบคู่ขนานกัน ณ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดต่าง ๆทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่มีส่วนร่วมในโครงการอันทรงคุณค่านี้ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์และสร้างความสามัคคีในการทำงานเป็นทีมกระทรวงศึกษาธิการ “MOE One Team” อีกด้วย
และภายหลังพิธีการจัดงาน รมว.ศธ.และคณะ ร่วมกิจกรรม Big Cleaning Day ของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด/ในกำกับ เริ่มจากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา (คส.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.), สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.), สำนักงานปลัดกระทรวง (สป.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นอันเสร็จสิ้นการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ 133 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี