เวทีเสวนา A-MED Care ร่วมถกแนวทางต่อยอดเพื่อยกระดับระบบสู่ “แพลตฟอร์มกลาง บันทึกบริการ-เบิกจ่าย หน่วยบริการระดับปฐมภูมิ” ในระบบบัตรทอง ด้าน สปสช. ระบุ เป็นส่วนช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการหลังบ้าน ขับเคลื่อน “30 บาทรักษาทุกที่” ดูแลประชาชนได้ใช้สิทธิบัตรทองใกล้บ้าน ร่วมสร้างระบบสุขภาพไทยให้เข้มแข็ง
ในการเสวนา “แนวทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนในอนาคต” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมในงานสัมมนา “A-MED Care ระบบสุขภาพหลังบ้าน ขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่” จัดโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อมุ่งพัฒนาต่อยอดสู่การเป็นแพลตฟอร์มกลางในการให้บริการดูแลรักษาโรคทั่วไปสำหรับหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ (Primary Care) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา
ในงานสัมมนาครั้งนี้ มีผู้ทรงคุณวุฒิในระบบสุขภาพเข้าร่วมพร้อมร่วมแลกความคิดเห็นและประสบการณ์ในเวทีเสวนา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศไทย อาทิ ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ ผู้อำนวยการ กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพ สวทช. ภญ.ฐานิติ สินชัยกิจ จากร้านยา DD health store นายบุญสาม ศรีตะวัน บุญสามคลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ นายศุภวัฒน์ รักซ้อน สายรุ้งคลินิกเวชกรรม พท.ประสพสุข บาลี มังกรสินคลินิกการแพทย์แผนไทย และ นายวัชรากร หนูทอง หัวหน้าทีมวิจัย กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช.
ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมเปิดการสัมมนาฯ และกล่าวในเวทีเสวนาฯ ว่า “A-MED Care” เป็นความร่วมมือระหว่าง สปสช. และ สวทช. ในการพัฒนาระบบหลังบ้านเพื่อใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลการให้บริการและการเบิกจ่ายค่าบริการ ที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และได้ใช้ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมีการใช้กับหน่วยนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ไม่ว่าจะเป็น ร้านยาคุณภาพ คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เป็นต้น
ซึ่งหน่วยบริการเหล่านี้ ได้เข้ามามีบทบาทเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ด้วยความร่วมมือกันที่เกิดขึ้นจากหลายภาคส่วนนี้ภายใต้การพัฒนาระบบ A-MED Care เชื่อมั่นว่าจะเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนให้ระบบสุขภาพของคนไทยมีความเข้มแข็ง สามารถเข้ารับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทอง ที่หน่วยบริการใกล้บ้าน ไม่ต้องรอนาน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทาง และช่วยลดความแออัดในหน่วยบริการ
ซึ่งประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจในคุณภาพและมาตรฐานบริการของหน่วยบริการนวัตกรรมนี้ได้ เนื่องจากการเข้าร่วมให้บริการนี้ได้ จะต้องผ่านการอบรมและควบคุมคุณภาพการให้บริการจากสภาวิชาชีพทางการแพทย์นั้นๆ ก่อน ไม่ว่าจะเป็น สภาเภสัชกรรม สภาการพยาบาล แพทยสภา เป็นต้น รวมทั้ง สปสช. เองก็มีหลักเกณฑ์ในการประเมินหน่วยบริการที่เข้าร่วมให้บริการด้วยเช่นกัน
ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ ผู้อำนวยการ กลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพ สวทช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาระบบ A-MED Care ได้สนับสนุนหน่วยบริการนวัตกรรม ตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ของ สปสช. เพื่อให้หน่วยบริการสามารถบันทึกข้อมูลการให้บริการและบันทึกเบิกจ่ายผ่านระบบเข้ามาที่ สปสช. ซึ่งที่ผ่านมามีหน่วยบริการนวัตกรรมทำการบันทึกข้อมูลการให้บริการผ่านระบบ A-MED Care แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ร้านยาคุณภาพ คลินิกเวชกรรม คลินิกแพทย์แผนไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ดีด้วยกลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพ สวทช. มีเป้าหมายที่จะต่อยอดระบบเพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลาง ในการบันทึกข้อมูลให้บริการดูแลรักษาโรคทั่วไปสำหรับหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ (Primary Care) ในระบบของ สปสช. ดังนั้นจะยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องต่อไป
ขณะที่ ภญ.ฐานิติ สินชัยกิจ ร้านยา DD health store กล่าวว่า การได้เข้ามาเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมร้านยาคุณภาพในระบบบัตรทองถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะทำให้ถึงเป็นเพียงร้านยา แต่ก็มีส่วนในการช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นในด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังหน่วยบริการประจำของตนเองที่อยู่ไกล เพื่อให้สามารถใช้สิทธิรับบริการสุขภาพกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยใกล้บ้านได้
เพียงแค่มาที่ร้านยาที่มีสติ๊กเกอร์ “30 บาทรักษาทุกที่” พร้อมยื่นบัตรประชาชนเพียงใบเดียว แจ้งอาการของท่าน จากนั้นร้านยาก็จะทำการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบ A-MED Care ที่ระบบที่ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ในการส่งข้อมูลไปยัง สปสช. จากนั้นผู้ป่วยก็ได้รับยาตามอาการที่ครอบคลุม 32 กลุ่มโรค/อาการ และกลับบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยร้านยาจะทำการเบิกจ่ายกับ สปสช. ต่อไป
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี