‘ชัชชาติ’ปรับแผนกู้ซากตึกสตง.
ลุยค้นหามาราธอน
เสียชีวิตแล้ว17ศพ-สูญหาย77คน
‘พณ.’ส่งหลักฐานให้DSI
ตรวจสอบนอมินีคนไทย
รมช.พาณิชย์แจงคดีตึกสตง.ถล่มหลังดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วเร่งตรวจข้อมูลคนไทยที่ถือหุ้น ส่อเป็นนอมินี เผย 8 หน่วยงานระดมส่งข้อมูลหลักฐานให้ดีเอสไอสรุป ขณะที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายผลสอบอีก 37 บริษัทที่มีส่วนเชื่อมโยง ด้าน “อนุทิน”รับเป็นเพื่อนสนิทผู้ว่าฯสตง. จากการร่วมชั้นวปอ. ปัดช่วยเคลียร์ปมตึกถล่ม เพราะเกิดเหตุขนาดนี้ ไม่มีใครช่วยใครได้ ซัดสื่อนั่งเทียนเขียนข่าวมั่ว เผยเจ้าตัวเครียด ไม่มีเอี่ยวลงนาม เหตุเพิ่งมารับตำแหน่ง ขณะที่กทม.-ทีมกู้ภัยไม่ท้อลุยค้นหาผู้สูญหายแม้จะผ่านมา 10 วันแล้ว ปรับใช้แผนมาราธอนเน้นต่อเนื่อง ใช้เครื่องจักรหนักสลับส่งจนท.ลุยค้นหา
เมื่อวันที่ 6เมษายน ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายนภินทรศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท ไชน่า เรลเวย์นัมเบอร์ 10มีชื่อคนไทยแต่คุณสมบัติอาจไม่เหมาะ กระทรวงพาณิชย์จะตรวจสอบอย่างไรว่า ตรวจสอบคนไทยแล้ว จากลักษณะมีเหตุผลว่าจะเป็นนอมินี แต่ทางกฎหมายไทยต้องมีหลักฐานการพิสูจน์ได้ว่าเป็นนอมินีจริง ต้องมีเอกสาร เช่น หลักฐานการเสียภาษี บัญชีเงินฝากว่าคุณมีเงินลงทุนหรือไม่ ที่ตัวประกอบไม่จำเป็นต้องพบตัว จะหลบยังไงก็ตามแต่ถ้าหลักฐานมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ต้องสอบสวน แล้วคดีนี้เป็นคดีพิเศษแล้วที่ดีเอสไอรับแล้ว เชื่อว่าจะมีการตั้งข้อหาเร็วๆนี้
เร่งสอบนอมินีคนไทย-การถือหุ้น
นายนภินทรยังกล่าวถึงการตรวจสอบผู้ถือหุ้นของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯว่า จากข้อมูลการจดทะเบียนพบว่าบริษัทแห่งนี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นชาวจีนถือหุ้น 49% แต่ประเด็นสำคัญคือ การพิสูจน์ผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 51% มีการลงหุ้นจริงหรือไม่ แต่จากข้อมูลมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่าเป็นนอมินีจริง แต่หน้าที่พิสูจน์เป็นของดีเอสไอและปปง.จะเรียกเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบได้ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และอีก 7 หน่วยงาน จะส่งเอกสารการถือหุ้น รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิ เอกสารการเงินของผู้ถือหุ้นคนไทยมีเงินจริงหรือไม่ เสียภาษีอย่างไร เงินในบัญชี ที่สามารถไปถือหุ้นได้ จะส่งให้ดีเอสไอเพื่อสรุป ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่มีเงินลงทุนจริงสามารถตั้งข้อหาได้ เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้โดยปราศจากข้อสงสัยในการดำเนินคดี
ขยายผลสอบ37บ.โยงไชน่าเรลเวย์ฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หน้าที่ตรวจสอบเป็นของกรมภายใต้กระทรวงหรือของใคร นายนภินทรชี้แจงว่า ขณะนี้เป็นของดีเอสไอ กรมจะส่งข้อมูลให้ทั้งหมด 8 หน่วยงาน และส่งให้ดีเอสไอสรุป เราจะไม่ทำงานก้าวล่วงกัน ส่วนอีก 37 บริษัทที่เชื่อมโยงกันนั้นจะตรวจเช่นกัน กรมพัฒนาการค้าจะตรวจทั้งหมดและจะส่งข้อมูลให้ดีเอสไอและ 13 บริษัทที่เกี่ยวกับไชน่า เรลเวย์ ก็ส่งข้อมูลให้กับดีเอสไอเช่นกัน
ถามว่าจากข้อมูลที่ออกมา เพราะเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง เอื้อประโยชน์ให้บริษัท รมช.พาณิชย์กล่าวว่า ข้อมูลอยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งตั้งข้อสังเกตบริษัทร่วมค้าทั้งหมดของไชน่า เรลเวย์ฯ ในภาพรวมการยื่นกองทุนต่างๆ ใช้บริษัทร่วมค้า ซึ่งต้องเช็คว่าเกี่ยวข้องยังไง ใครถือหุ้นบ้าง
“หนู”รับซี้ผู้ว่าฯสตง.จากวปอ.คอนเนคชั่น
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเพจCSI LA โพสต์ภาพความสนิทสนมของนายอนุทิน กับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และตั้งข้อสังเกตเชื่อมโยงการสอบสวน อาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่มว่ายอมรับสนิทสนมกับนายมณเฑียรจริง เป็นเพื่อนรักกัน สนิทกันมา 10กว่าปีแล้ว เพราะเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.)ด้วยกัน ตนเป็นประธานรุ่นและนายมณเฑียร เป็นเลขาฯรุ่น จึงเป็นเรื่องปกติ แต่ข้อมูลที่บอกว่ามีการช่วยเหลือกันเป็นเรื่องตึก สตง.ถล่ม ข้อมูลเท็จ เป็นการนั่งเทียนเขียนข่าว
“ความเป็นเพื่อนกันไม่รู้จะทำอย่างไร ก็รู้จักกันมาก่อน แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม อาคารหลังนี้นายมณเฑียร เจริญผล ไม่ได้เป็นคนลงนามสัญญา เพราะเพิ่งเข้ามาเป็นผู้ว่าฯสตง.ไม่ถึงครึ่งปี เพิ่งจะโปรดเกล้าฯเมื่อสิ้นปีที่แล้ว อาคารก็จะเสร็จอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกัน ขอให้ข้อมูลบนพื้นฐานความเป็นจริง แล้วดูรูปที่ไปลงแต่ละรูป กี่ปีแล้ว ตั้งแต่ตายังไม่มีรอยตีนกาเลย” นายอนุทิน กล่าว
โต้ช่วยปมตึกสตง.ถล่ม-ยันสอบตรงไปตรงมา
นายอนุทินยังยืนยันว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วมีความผิด ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ การสอบสวนทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา และนี่คือเหตุผลที่คณะกรรมการสอบสวนมีแต่ตัวแทนจากสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งฉะนั้นตรงนี้ไม่มีทางจะชี้นำหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ต่อให้ทำได้ก็ไม่ทำตึกถล่มลงมาขนาดขนาดนี้ จะคิดไปช่วยเหลือคนผิดทำไม่ได้อยู่แล้ว การเขียนข่าวต้องให้มีข้อเท็จจริง ส่วนจะฟ้องหรือไม่ เรื่องดังกล่าวไม่จริง ตนก็ไม่รู้จะไปฟ้องทำไม เรื่องแค่นี้ แต่ยืนยันว่าเป็นเพื่อนกันจริง แต่เรื่องความช่วยเหลือไม่มี อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุอาคารสตง. ถล่ม ได้พูดคุยกับนายมณเฑียร เมื่อวานก็คุย ในไลน์กลุ่มพวกเราทุกคนก็เห็นว่ามันไม่ใช่ข้อเท็จจริง
“เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยใครให้ผิดเป็นถูก เหตุการณ์นี้มีแต่ความเศร้าโศกเสียใจ นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้วผมเองเป็นคนย้ำกับทุกฝ่ายว่าต้องหาเหตุให้ได้ เพราะอาคารในกรุงเทพฯ มีเป็นหมื่นแสนอาคาร ไม่ถล่ม แต่มีอาคารเดียวที่ถล่ม ฉะนั้นต้องมีความผิดพลาดแน่นอน ไม่ปัจจัยใดก็ปัจจัยหนึ่ง ไม่มีทางช่วยเหลือใครอยู่แล้ว”นายอนุทินกล่าว และว่า เท่าที่คุยกับนายมณเฑียรเจ้าตัวเครียด เพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง มีหน้าที่สอบว่าทำไมตึกถึงถล่ม มีข้อผิดพลาดในการก่อสร้างอย่างไร ไม่ได้มีหน้าที่สอบที่มาที่ไปของตึกว่ามีทุจริตหรือฮั้วกันหรือไม่ เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่จะตรวจสัญญา
สังเวยตึกสตง.ถล่ม17-สูญหาย77
วันเดียวกัน กรุงเทพมหานครรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการกู้ตึก สตง.ถล่ม เมื่อเวลา 09.00 น. ว่า วันนี้เครื่องจักรหนักทำงานทุกพื้นที่ โดยโซน C และ D ใช้เครื่องจักหนักเปิดหน้างาน พร้อมติดตั้งกล้องเพิ่มเติม 1 ตัวนอกจากนี้ มีการปรับพื้นที่ปฏิบัติงาน โดยแบ่งพื้นที่ย่อยของแต่ละโซนออกเป็น 16 โซนย่อยทั้งนี้ ทีมกู้ภัยจากแคนาดา 9 ราย พร้อมสุนัข K9 จำนวน 1 ตัว เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุทั้งนี้ เวลา 21.31น.ของวันที่ 5 เมษายน พบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย และช่วงเช้าวันนี้ (6 เมษายน) เวลา 06.29 น. พบผู้เสียชีวิตอีก 1ราย เจ้าหน้านำร่างออกมาแล้วทั้ง 2 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 17 ราย รอดชีวิต 9 ราย ยังติดค้าง 77ราย รวมยอดผู้ประสบภัย 103 ราย
ใช้เครื่องจักรหนักเปิดทางเข้าซากตึก
ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหวว่า การทำงานเป็นไปตามยุทธวิธีคือ เรานำเครื่องจักรกลหนักเข้าเปิดทาง จุดที่คาดว่าพบผู้เสียชีวิตเพิ่มบริเวณโซน C ทั้งนี้ ปัญหาหลักคือการเอากองเศษปูนด้านบนลง เนื่องจากมีความไม่ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงาน การเอากองเศษปูนลงต้องทำทางเข้าไป เมื่อคืนจึงตัดอาคารด้านหน้าออกเพื่อเปิดทางให้นำรถขนาดใหญ่ที่สามารถเอื้อมได้ถึงเข้าไปจัดการกองเศษปูนด้านบนดังกล่าว ซึ่งทำเสร็จแล้ว จากนั้นจะมีรถเข้ามาสองทางคือ ด้านหน้าและด้านข้าง ซึ่งด้านข้างมีการเจาะออกทางด้านหลัง ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ปรับแผนกู้ชีพเป็นวิ่งมาราธอน
“เมื่อคืนนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย นำออกมาแล้ว สถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้น เราเริ่มเอาจุดที่ไม่มั่นคงออก เครื่องมือหนักเริ่มเข้าพื้นที่ได้มากขึ้น น่าจะพบผู้ติดอยู่ข้างในแต่โอกาสผู้รอดชีวิตคงน้อยลงและพบผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนจากการวิ่งสปรินท์เป็นวิ่งมาราธอนคือการกู้ชีพเปรียบเหมือนการวิ่งแข่ง 100 เมตร แต่ตอนนี้เชื่อว่าเป็นเกมยาวรักษาความต่อเนื่อง จัดทีมงานให้เหมาะสม ต้องดูแลผู้ทำงานให้อยู่ทำงานกับเราได้ระยะยาว การบริหารจัดการพื้นที่ด้านในดีขึ้น ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ จิตอาสาพระราชทาน สำหรับทีมกู้ภัยจากแคนาดาที่เดินทางมาถึงเมื่อวานเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว คาดว่าจะเข้าไปยังเมียนมาร์ แต่ไม่สามารถเข้าได้จึงแวะมาไทย”นายชัชชาติ กล่าว
เริ่มเห็นโพรงเชื่อมระหว่างโซนบี-ซี
และว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น โดยหน้าที่ของกทม.คือ ดูแลอุบัติภัย เรื่องการตรวจสอบอาคารสตง. เป็นหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงคณะกรรมการที่นายกฯสั่งการลงมา เป็นการดำเนินงานคนละส่วนกัน กทม. มีหน้าที่ให้ความร่วมมือ เมื่อมีคณะทำงานเข้ามาตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เรื่องค้นหาผู้รอดชีวิตหลังผ่านมา 10วัน ก็ยังเหมือนเดิมคือยังมีความหวัง เรามีทีมกู้ชีพอยู่ประจำจุด หากมีช่องหรือโพรงใหญ่เราก็จะส่งทีมกู้ภัย และ K-9 เข้าไปสำรวจก่อนว่ามีสัญญาณชีพหรือไม่ เราทำงานควบคู่กันไปทั้งให้เครื่องจักรหนักทำงาน 5-6 ชั่วโมง หากถึงจุดที่มีโพรงให้เครื่องจักรพักแล้วกู้ภัยเข้าสำรวจ
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ตอนนี้เริ่มเห็นโพรงที่จะเชื่อมโยงระหว่างโซน B กับ โซน C ซึ่งโซน B กับ C จะเป็นจุดเข้า–ออกของคนงาน จะมีบันไดที่เชื่อมให้คนงานเข้าออกทั้งเช้า เที่ยง เย็น เราคาดการณ์ว่าจะมีโพรงอยู่ด้านล่าง ซึ่งร่างที่เราพบ 2 รายเมื่อคืนก็อยู่บริเวณนี้ เข้าใจว่าส่วนหนึ่งมาจากการหนีออกไปทางสำนักงานฯด้านหลัง ตอนนี้มีโปรแกรมที่ใช้ระบุว่าคนที่เจอมาจากชั้นไหน บริษัทอะไร ทำให้เข้าใจการหนีของคนได้ละเอียดขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้มาจากทีมกู้ภัยนานาชาติ สำหรับจำนวนร่างที่ติดอยู่ตอนนี้ต้องรอระบุอีกครั้ง ตำรวจย้ำว่าหากจะนับขอให้นำออกมาครบทั้งร่างกายก่อน ต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำกัน ทั้งนี้ ยอดตัวเลขรอให้พิสูจน์หลักฐานยืนยันอีกครั้ง
อุปทูตจีนมอบอุปกรณ์กู้ภัยให้จนท.-กทม.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอู๋จื้ออู่ อุปทูตจีนประจำประเทศไทยลงพื้นที่มอบสิ่งของและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยที่กำลังปฏิบัติงานในเหตุอาคาร สตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว โดยสิ่งของที่นำมามอบประกอบด้วยหน้ากากกันฝุ่นถุงมือชุดป้องกันฝุ่นละอองและอุปกรณ์สนับสนุนอื่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม นอกจากนี้ อุปทูตจีนยังร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่ใต้ซากอาคารถล่ม และให้กำลังใจทีมค้นหาและกู้ภัย โดยมีผู้ว่าฯกทม.ร่วมต้อนรับร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ซินเคอหยวนเปิดแถลงข่าว9เมย.
ขณะที่นายเฉินเจี้ยนฉี กรรมการบริษัท และนายสมพัน ปันแก้ว กรรมการบริษัท ซินเคอ หยวน สตีล จำกัด ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชน เรื่อง ขอแถลงข่าวข้อเท็จจริง กรณีบริษัทฯถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดยไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมว่า ตามที่ขณะนี้มีข่าวในเชิงลบและเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นของ บริษัท ซินเคอ หยวนสตีล จำกัด ที่ผลิตขึ้นปราศจากมาตรฐาน อีกทั้งมีการตรวจสอบพบในการก่อสร้าง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แห่งใหม่ใกล้สวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร การต่อมาเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวทำให้อาคารสูง 30 ชั้น ถล่มลงมา ทางบริษัท ซินเคอ หยวนสตีลขอแถลงต่อสื่อมวลชน ถึงข้อเท็จจริงทุกประการรวมทั้งมีความประสงค์จะขอสื่อสารไปยังประชาชนทั้งประเทศด้วยถึงเจตุจำนงที่ประกอบกิจการโดยสุจริตยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างมั่นคงจึงขอเชิญสื่อมวลชนทุกสาขาอาชีพมารับฟังการแถลงข่าวของบริษัทซินเคอ หยวนสตีล ในวันที่ 9 เมษายน เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้น ถนน วิภาวดีรังสิต บางเขน กรุงเทพมหานคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี