DSIเตรียมลงพื้นที่ตึกสตง.ถล่ม
ลุยเก็บหลักฐาน
เรียกสอบผู้รับเหมาช่วง
ให้ข้อมูล‘ไชน่าเรลเวย์ฯ’
‘ซินเคอหยวน’แจงพุธนี้
อุตฯแถลงปมเหล็ก10เม.ย.
เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้ติดค้างอยู่ในซากตึก สตง.อย่างต่อเนื่อง พบจุดต้องสงสัยหลายจุดในโซน B และโซน C แต่การเข้าไปยังจุดดังกล่าวเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต 18 ศพ ติดค้างในซากตึก 76 ราย ทีม K9 USAR THAILAND แถลงยุติภารกิจค้นหาผู้ประสบภัยแล้ว ยืนยันไม่มีเจ้าหน้าที่-สุนัข K9 ได้รับบาดเจ็บ ด้านดีเอสไอเตรียมลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่ม เผย 8 เมษายน เรียกผู้รับเหมาช่วง 28 โครงการให้รายละเอียด บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ พร้อมฝาก 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวไทยเข้าให้ข้อมูลดีกว่าซ่อนตัวเงียบ ระบุขยายผลฐานฟอกเงินได้ หากพบความผิดมูลฐาน ตาม 28 ประเภทความผิดกฎหมายฟอกเงิน ด้าน“บ.ซิน เคอ หยวน”นัดสื่อ 9 เมษายน แถลงปมร้อน ยันประกอบกิจการสุจริต ทีมสุดซอยกระทรวงอุตฯ นัด 10 เมษายน แถลงข้อเท็จจริงมาตรฐานเหล็กเส้น ขณะที่ มท.1 เตรียมรายงานผลสอบตึก สตง.ถล่มต่อนายกฯ ก่อนประชุม ครม.
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 ความคืบหน้าในความพยายามค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ถล่ม ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ ยังคงใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่รื้อถอนโครงสร้างอาคาร สลับกับให้ชุดค้นหาและสุนัข K9 เข้าสำรวจพื้นที่เพื่อหาผู้ประสบภัยที่ติดค้างในซากอาคาร ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า สามารถพบผู้ประสบภัยที่ติดค้างภายในซากอาคารถล่ม แต่กู้ภัยชุดที่เข้าทำการค้นหา ยืนยันว่ามีจุดต้องสงสัยในโซนบี และโซนซี ที่คาดว่าเป็นลักลักษณะของมนุษย์อยู่ภายใน แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้
ช่วงหนึ่งของภารกิจการรื้อซากอาคารที่พังถล่มลงมา ในช่วงเวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ได้หยุดใช้เครื่องจักรหนัก เป็นการชั่วคราว หลังพบจุดต้องสงสัยว่ามีผู้ติดค้างอยู่ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดค้นหา อาสาสมัครกู้ภัยจำนวนหลาย สิบนาย พร้อมด้วยสุนัข K9 เข้าตรวจสอบบริเวณซากของอาคารทั้งโซนเอ โซนบี โซนซี และโซนดี รวมไปถึงบนยอดของซากอาคาร เพื่อค้นหาผู้ประสบภัย หลังเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องจักรหนักต่อเนื่องมาตลอดทั้งวัน
พบจุดต้องสงสัยในโซนบีและซี
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หัวหน้ารถกู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่าพบจุดต้องสงสัย ที่มีลักษณะคล้ายร่างกายของมนุษย์ติดอยู่ในซากของอาคารจำนวนหลายจุดในพื้นที่ โซนบี และโซนซี แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะติดอุปสรรคในเรื่องของโครงสร้างที่ทับถมกันอยู่ เมื่อทีมค้นหาไม่สามารถนำร่างผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในสร้างอาคารออกมาได้ เจ้าหน้าที่จึงได้เดินหน้าใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ทำการรื้อซากของอาคารอีกครั้ง
จนกระทั่งเวลา 04.30 น. เจ้าหน้าที่ได้หยุดใช้เครื่องจักรหนักอีกครั้ง พร้อมระดมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน และอาสาสมัครกู้ภัยหลายสิบนาย เข้าตรวจสอบในพื้นที่อีกครั้งเพื่อสำรวจและค้นหาผู้ประสบภัย ใช้รูปแบบการปูพรมค้นหาทั่วทั้งซากอาคารที่พังถล่มลงมาทุกโซน ซึ่งต้องใช้เวลานาน เนื่องจากโครงสร้างที่มีทั้งคอนกรีต เหล็กเส้นจำนวนมาก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าพื้นที่
ส่วนการรื้อถอนสร้างอาคารที่ทำถล่มลงมา ด้วยเครื่องจักรหนักยังคงเดินหน้าใช้แผนเดิม โดยเน้นในการเปิดพื้นที่โดยรอบ ให้รถเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าถึงทั้งโซนบี และโซนซี ซึ่งเป็นจุดที่เข้าถึงยาก และเป็นจุดที่ต้องสงสัยว่าจะมีผู้ติดค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
ยอดติดค้างในซากตึก76ราย
เวลา 10.00 น. กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รายงานสถานการณ์เหตุการณ์อาคาร สตง. เขตจตุจักร โดยมีรายละเอียดดังนี้ ยอดผู้ประสบภัยทั้งหมดอยู่ที่ 103 ราย แบ่งออกเป็น ผู้เสียชีวิตจำนวน 18 ราย ผู้รอดชีวิตจำนวน 9 ราย ผู้ที่ยังติดค้างภายในอาคารจำนวน 76 ราย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งให้การช่วยเหลือผู้ติดค้างโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ กทม. ได้ขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่บริเวณโดยรอบอาคาร สตง. และติดตามข่าวสารจากทางการอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ
ทีม K9 แถลงยุติภารกิจ
นายสุทธิเกียรติ โสภณิก ผู้อำนวยการองค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจาก USAR ประเทศไทย ให้ร่วมปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่เกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม จนถึงถึงปัจจุบันรวมแล้ว 11 วัน ตามข้อกำหนดของ USAR ที่จะต้องปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 7-10 วัน ซึ่งขณะนี้ครบข้อกำหนดแล้วโดยทีม K9 พิจารณาแล้วเห็นว่า หากยังปฏิบัติงานต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้าย ทีม K9 หรือเจ้าหน้าที่อาจจะได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ดังนั้นจึงเห็นว่าควรยุติการค้นหาและส่งมอบภารกิจการค้นหาให้กับหน่วยงานหรือทีมที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไป โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่มีเจ้าหน้าที่หรือสุนัข K9 ได้รับบาดเจ็บ เพราะได้รับการดูแลจากทุกฝ่ายที่ให้ความอนุเคราะห์และสนับสนุน ทั้งกำลังใจ ข้าวของ ทรัพย์สินและเงิน กำลังใจเหล่านี้ทำให้เราทำงานตลอดรอดฝั่งมาถึงทุกวันนี้ ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุน หากเกิดภัยพิบัติจะเห็นพวกเรายืนหยัดอยู่เคียงข้างผู้ประสบภัยต่อไปในอนาคต
เดินทางไปขอบคุณผู้ให้การสนับสนุน
ขณะที่นายอลงกต ชูแก้ว รอง ผอ.องค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากนี้ K9 USAR THAILAND จะเดินทางไปขอบคุณทุกหน่วยงาน-มูลนิธิที่สนับสนุน และดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเรามาโดยตลอด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประชาชนชาวจตุจักรที่ดูแลพวกเราตลอดเวลา จัดหาอาหาร น้ำ รวมถึงสถานที่อาบน้ำทั้งคนและสุนัข K9 ทุกตัว หลังจากนี้ทีมจะรายงานตัวต่อ USAR ในพื้นที่ปฏิบัติงานและให้กำลังใจกับญาติผู้ประสบภัย ก่อนเตรียมตัวเดินทางกลับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ดีเอสไอเตรียมลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่ม
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบริษัทนอมินีรับก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ว่าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีมติให้มีการประสานกับทาง กทม. เพื่อเตรียมเข้าพื้นที่ทำงานร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นต้น แต่เนื่องจากตอนนี้ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญอันดับแรกคือการบรรเทาสาธารณภัย แต่เราก็ต้องประสานการปฎิบัติเรื่องพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเช่นกัน หากดีเอสไอได้รับการประสานเพื่อเข้าพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง คาดว่าเจ้าหน้าที่กรมโยธาฯ จะดูในเรื่องของโครงสร้าง ส่วนสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ที่ดูเรื่องเหล็ก ปูนนั้น เราก็จะต้องประสานเช่นเดียวกันเพราะทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ สมอ. ได้เข้าไปปฏิบัติในพื้นที่ก่อนแล้ว รวมทั้งต้องขอเอกสารสรุปผลรายงานการตรวจสอบคุณภาพเหล็กเส้นที่ใช้ในโครงการก่อสร้างด้วย ทั้งนี้ ดีเอสไอจะได้มีการทำหนังสือประสานไปยัง กทม. เพื่อขอเข้าพื้นที่และประสานการปฎิบัตร่วมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษลงนามหนังสือ
ฝาก3ผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวไทยเข้าให้ข้อมูล
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า อยากประชาสัมพันธ์ขอให้กรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวไทยทั้ง 3 ราย ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ก่อสร้างอาคาร สตง. ให้ความร่วมมือเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เพราะการหลบซ่อนย่อมไม่เป็นผลดี อีกทั้งตอนนี้ยังไม่ได้มีรายใดเป็นผู้กระทำถูกหรือผิด เพียงแต่ต้องมีการอธิบายถึงสถานะของพวกเขากับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจขนาดใหญ่แบบนั้น นอกจากนี้ ในเรื่องของการขยายผลไปดูฐานการฟอกเงินนั้น อันดับแรก หากจะมีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน จะต้องมีความผิดมูลฐานปรากฏก่อน ยกตัวอย่างหากมีประเด็นเรื่องคดีฮั้วประมูลเกิดขึ้น ก็จะขยายฐานความผิดเรื่องฟอกเงินได้ เป็นต้น หรือปรากฏตาม 28 ประเภทความผิดกฎหมายฟอกเงิน
เปิดชื่อคณะที่ปรึกษาคดีพิเศษ
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะปรึกษาคดีพิเศษ โดยมติของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า สำหรับคณะปรึกษาคดีพิเศษ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา รวม 6 ราย ประกอบด้วย 1.ที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบสวนและการฟ้องคดี คือ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ ผู้ตรวจการอัยการและนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานสูงสุด 2.ที่ปรึกษาคดีพิเศษ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการสอบสวนคดีพิเศษ คือ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ 3.ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี คือ น.ส.กนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ ผู้สอบบัญชีสรรพากร 4.ที่ปรึกษาคดีพิเศษที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) – Anti-Corruption Organization of Thailand คือ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างวิศวกรโยธา 5.ดร.ธเนศ ศรีศิริโรจนากร ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างวิศวกรปฐพี เพื่อร่วมทำการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษในทุกมิติ
เรียกสอบผู้รับเหมาช่วง28โครงการ
นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า ในวันที่ 8 เม.ย. เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการเรียกสอบปากคำผู้รับเหมาช่วง 28 โครงการ ที่จีนได้มีการว่าจ้างนั้น มีรายละเอียดการว่าจ้างอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะกรณีของบริษัท 9PK จำกัด ที่เมื่อวันที่ 6 เมษายน ได้มีผู้รับเหมาช่วงมาร้องเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกเบี้ยวค่าแรง ซึ่งระหว่างนี้พนักงานสอบสวนจะต้องทำการตรวจสอบหนังสือเอกสารสัญญาก่อน เพื่อดูรายละเอียดว่ามีการระบุเรื่องสัญญากันอย่างไรบ้าง สัญญาจ้างรับเหมาช่วงมีเนื้อหาอย่างไร รวมถึงบริษัทดังกล่าวได้เข้าไปรับจ้างเหมาช่วงได้อย่างไร เพราะปกติแล้วกรณีดังกล่าวจะไม่สามารถรับจ้างเหมาช่วงได้
รบ.เดินหน้าช่วยนายจ้าง-ลูกจ้าง
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของทุกฝ่ายกฎหมาย ดังนี้ 1. สถานประกอบกิจการที่ได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการหรือมีความจำเป็นในการเลิกจ้างลูกจ้าง จะต้องจ่ายค่าจ้างถึงวันทำงานวันสุดท้ายหรือวันปิดกิจการและจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างตามอายุงาน รวมถึงค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากรณีไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า
2. กรณีที่ไม่ปิดกิจการ แต่มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราว ลูกจ้างจะได้รับค่าตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้าง หากลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิในกรณีดังกล่าว สามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน กสร. หรือยื่นคำฟ้องต่อศาลแรงงานได้ และหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ลูกจ้างยังสามารถยื่นขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
3.จัดเตรียมมาตรการเพื่อช่วยเหลือนายจ้างหรือสถานประกอบกิจการ ดังนี้ 1.สถานประกอบกิจการที่ต้องการปรับปรุงความปลอดภัยในการทำงานภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เช่น บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้า เครื่องจักร และปั้นจั่น 2.บริการวงเงินกู้จากกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ โดยไม่จำกัดวงเงินและอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 ต่อปี พร้อมระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สอบถามโทร 0 2448 9128-9 ต่อ 801-808
4. มาตรการช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบกิจการที่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ สามารถขอกู้เงินจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้ในวงเงิน 20 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และมีระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2660 2180 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 สายด่วน 1546
‘ซิน เคอ หยวน’นัดแถลง9เม.ย.
จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวส่งผลให้อาคาร สตง. แห่งใหม่ ที่กำลังก่อสร้างพังถล่มลงมา และจากการตรวจพิสูจน์พบว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดยไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ตามที่ได้มีข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด นายเฉิน เจี้ยนฉี กรรมการบริษัท และนายสมพัน ปันแก้ว กรรมการบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชน เรื่อง “ขอแถลงข่าวข้อเท็จจริง กรณีบริษัทฯถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดย ไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม”
โดยในจดหมาย ระบุว่า ตามที่ขณะนี้มีข่าวในเชิงลบและเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ที่ผลิตขึ้นปราศจากมาตรฐาน อีกทั้งมีการตรวจสอบพบในการก่อสร้าง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แห่งใหม่ใกล้สวนจตุจักร กรุงเทพมหานคร การต่อมาเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวทำให้อาคารสูง 30 ชั้น ถล่มลงมา ทางบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ใคร่ขอแถลงต่อสื่อมวลชน ถึงข้อเท็จจริงทุกประการรวมทั้งมีความประสงค์จะขอสื่อสารไปยังประชาชนทั้งประเทศด้วยถึงเจตุจำนงที่จะประกอบกิจการโดยสุจริตยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างมั่นคง จึงขอกราบเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนทุกสาขาอาชีพ โปรดรับฟังการแถลงข่าวของบริษัทซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ในวันพุธที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น. ณ ห้อง ลีลาวดี โรงแรมรามาการ์เด้น ถนน วิภาวดีรังสิต บางเขน กรุงเทพมหานคร โดยพร้อมเพรียงกัน
อุตฯนัดแถลงปมเหล็กเส้น10เม.ย.
นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง พร้อมกัน… 10 เมษา เวลา 10 โมง “เหล็กเส้นตกค่ามาตรฐาน และมาตรการต่อไป” ระบุว่า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ เหล็กเส้น ที่เก็บพบบริเวณซากอาคาร สตง.ที่ถล่ม ซึ่งทีม สมอ. ร่วมกับสถาบันเหล็กฯ ได้ทำการตรวจสอบมาตรฐานเบื้องต้นปรากฏว่าต่ำกว่าค่ามาตรฐาน เป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามอง เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ในความปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สินประชาชนคนไทยวงกว้าง กระทรวงอุตสาหกรรม ขอนัดหมายสื่อมวลชนทุกท่านโดยมีทีมโฆษกกระทรวง ทีมสุดซอย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข้อเท็จจริงสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง เพื่อเคลียร์ชัดในข้อมูลหลายๆมุมอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีปัญหา และผลการดำเนินการก่อนหน้า ตั้งแต่ ธ.ค.2567 ทั้งการพิสูจน์ความจริงกรณีตึกถล่ม และมาตรการการสร้างความปลอดภัยกับวัสดุก่อสร้างให้ผู้ใช้ชาวไทย ระยะยาวต่อไป โดยเริ่มนัดแรกในวันที่ 10 เม.ย.2568 เวลา 10.00 น. ณ กระทรวงอุตสาหกรรม
มท.1เตรียมรายงานผลสอบตึกสตง,
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาแผ่นดินไหว ที่มีอาคารก่อสร้างของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พังถล่มลงมา โดยได้มอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสรุปผลการสอบสวนภายใน 7 วัน ทั้งนี้ รอง นรม. และ รมว.มท. นายอนุทินฯ จะเข้ารายงานต่อนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันพรุ่งนี้ (วันอังคารที่ 8 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะรับฟังข้อมูลผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพื่อหาข้อสรุปให้เกิดบรรทัดฐานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างรัดกุมและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
แผ่นดินไหวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน
วันเดียวกัน มีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้งในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยและประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 12.32 น. ตามเวลาประเทศไทย ขนาด 2.4 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ลึกลงไป 1 กิโลเมตร
เวลา 12.16 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.3 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.แสนไห อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ลึกลงไป 1 กิโลเมตร
เวลา 12.15น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.2 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ลึกลงไป 3 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ยังมีรายงานแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 11.37 น. ขนาด 3.0 แมกนิจูด และในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยอีกหลายครั้ง โดยมีขนาดตั้งแต่ 1.8 ถึง 2.7 แมกนิจูด
เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นติดต่อกันหลายครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรงจากเหตุการณ์ดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี