‘ผู้เลี้ยงหมู’ยื่นหนังสือถึง‘นายกฯ’ ค้านนำเข้าหมูสหรัฐ ต่อรอง‘ภาษีทรัมป์’
8 เมษายน 2568 นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ นำกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและตัวแทนสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคต่างๆ เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (ฝั่ง ก.พ.) เพื่อให้ข้อมูลห่วงโซ่การผลิตหมูไทยทั้งระบบ หลังรัฐบาลไทยมีแนวคิดนำเข้าหมูจากสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าและลดแรงกดดันการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยในอัตรา 37% พร้อมให้กำลังใจคณะทำงานของรัฐบาลไทย ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการหามาตรการรองรับผลกระทบ และแนวทางเจรจากับสหรัฐอย่างเหมาะสม ปกป้องผลประโยชน์ชาติและสานความร่วมมือสองประเทศได้สำเร็จ
ทั้งนี้ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) ให้ตัวแทนกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร จำนวน 5 คน ได้เข้ามาพูดคุย หารือหาแนวทางต่างๆ พร้อมรับฟังปัญหาความต้องการของกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ในห้องประชุม ประมาณ 40 นาที ก่อนจะออกมารับหนังสือดังกล่าว
สำหรับหนังสือดังกล่าว ระบุว่า เรื่อง ขอเสนอเพื่อแก้ปัญหาตามประกาศคำสั่งกำหนดภาษีนำเข้าต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย ตามประกาศคำสั่ง Exocutive Orders ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tants) สำหรับประเทศไทย ภายได้กฎหมาย Intemalional Emergency Economic Power Act of 1977 (IEEPA) เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 โดย Individualized Reciprocal Higher Tariff ประเทศไทยถูกกำหนดภาษีในอัตรา 36% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 นั้น
ก่อนหน้านี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีการหารือกับกลุ่มภาคการผลิตปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกลุ่มอาหารสัตว์ ภายใต้ชื่อ "สมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ" โดยมีข้อเสนอรายการสินค้าที่จะนำเข้าเพิ่มจากสหรัฐ เพื่อให้การเกินดุล และขาดดุลการค้าระหว่างไทย-สหรัฐแคบลง เพื่อลดแรงกดดันในการที่ต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ที่จะมาสร้างผลกระทบกับเกษตรกร โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุกรภายในประเทศ หลังจากที่สมาคมฯ ได้ศึกษาข้อกฎหมายในการประกาศดังกล่าว ที่เป็นการเร่งแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งข้อเสนอในการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี กากถั่วเหลือง และ DDGSเพิ่มในลักษณะเปลี่ยนถิ่นกำเนิดของการนำเข้าเป็นสหรัฐอเมริกา ที่สามารถเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับสหรัฐฯในการส่งสินค้ามายังประเทศไทยได้เป็นจำนวนถึง 84,000 ล้านบาท หรือ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีตามข้อเสนอของสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำฯ ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 25668
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จึงขอยืนแนวทางแก้ปัญหาการเกินดุลกับสหรัฐฯ ตามแนวทางเดียวกับสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำฯ โดยขอให้รัฐบาลละเว้นการพิจารณาที่จะนำเข้าสินค้าสุกร ทั้งเนื้อสุกรและเครื่องในเข้ามายังประเทศไทย ที่จะสร้างปัญหาให้กับผู้เลี้ยงสุกรของไทยหลังจากเผชิญปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในช่วงปี 2563-2565 และปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าสุกร อย่างมากในช่วงปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็น 2 วิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมสุกรไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี