‘ฐิติพร’ผู้ต้องหาเครือข่าย‘หมอบุญ’ปัดเป็นคนสนิท พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา ไม่มีอาการเครียด แต่ร้องขอทนายร่วมสอบด้วย คาดนำตัวส่งฟ้องต่อศาลได้ทัน 9 เม.ย.นี้

8 เมษายน 2568 ความคืบหน้ากรณีนายแพทย์บุญ หรือ “หมอบุญ” กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวยังอยู่ระหว่างหลบหนี พร้อมกับผู้ต้องหาอีก 2 คน แต่ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับการประสานจากทางการจีน และควบคุมตัวหนึ่งในผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นางสาวฐิติพร ที่ทำหน้าที่เป็นโบรกเกอร์ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ตามพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน พบว่ามีพฤติการณ์ค่อนข้างสนิทกับ หมอบุญ และเป็น 1 ใน 3 ผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับศาลก่อนหน้านี้

รายงานข่าวจากคณะทำงานฯคดีนี้ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังคุมตัวนางสาวฐิติพร เพื่อสอบปากคำ โดยผู้ต้องหาไม่มีอาการเครียด แต่ได้มีการร้องขอทนายความ แต่ทนายความแจ้งว่าติดภารกิจจะขอเข้าพบในช่วงบ่ายโดยไม่มีการระบุเวลา จึงทำให้การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ไม่สามารถส่งฟ้องต่อศาลได้ทันภายในวันนี้ คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องได้ช่วงเช้าพรุ่งนี้( 9 เม.ย.68)

รายงานข่าว ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาบอกว่าถูกชักชวนให้ไปหาคนมาร่วมลงทุนกับหมอบุญ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนสนิทตามที่เป็นข่าว ซึ่งผู้ต้องหารายนี้การชักชวนไม่ได้เป็นลักษณะถูกหลอก เพราะผู้ต้องหาทำอาชีพเป็นโบรกเกอร์ หรือนายหน้าอยู่แล้ว จะต้องรู้วิธีการและข้อพิรุธต่างๆจะปฏิเสธไม่รู้หรือโดนหลอกไม่ได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว

ผู้ต้องหาให้การว่าที่อยู่ประเทศจีนไปท่องเที่ยว และไม่ได้ติดต่อกับหมอบุญ อีกเลย รวมทั้งไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน

สำหรับข้อมูลที่ผู้ต้องหาสอบติดผู้พิพากษาสมทบนั้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่ยังไม่ทันได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นก่อนจนนำไปสู่การออกหมายจับ

สำหรับเส้นเงินของนางสาวฐิติพร มีเส้นเงินที่เชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการ แต่ยอดเงินที่ผ่านในบัญชีเป็นหลักล้านบาทเท่านั้น

ในส่วนของการประกันตัวนั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว หากผู้ต้องหามีความประสงค์จะขอประกันตัวก็ต้องไปประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามตัว แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด เพราะผู้ต้องหาอาจไหวตัวหลบหนีหรือย้ายที่พักพิงไปอีก ซึ่งจะทำให้ยากต่อการประสานจับกุม

-005