เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ที่หน้า สภ.คลองหลวง พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ ผกก.สภ.คลองหลวง , พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รอง ผกก.สส.สภ.คลองหลวง , พ.ต.ท.ธนุส วิสุทธาภรณ์ สว.สส.สภ.คลองหลวง กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ชุด ศปจร.สภ.คลองหลวง (ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์) ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายดีเลิศ หรือ ฟลุ๊ค อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KR 150 สีเขียว-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 3.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ GPX รุ่น DRONE KEYLESS-S สีดำ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา 4.เสื้อยืดแขนสั้น สีดำ พิมพ์ลาย จำนวน 1 ตัว 5.กางเกงขายาว สีดำ จำนวน 1 ตัว 6.หมวกนิรภัยเต็มใบ สีดำ จำนวน 1 ใบ 7.ลูกกุญแจรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 3 ดอก 8.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO สีน้ำเงิน พร้อมซิมการ์ด จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร” โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่า บริเวณ ม.13 ซ.เทพกุญชร 39 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์จากประชาชน และสามารถสืบสวนจากกล้องวงจรปิดจนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยจากการขยายผล พบผู้ร่วมกระทำผิดอีก 2 ราย คือ นายยศวีร์ หรือ เจมส์ อายุ 26 ปี , น.ส.พนัสดา หรือ มิ้น อายุ 23 ปี จนนำไปสู่การจับกุม ทั้งนี้ ได้ตรวจพบรถจักรยานยนต์ที่เกี่ยวข้องกับคดีอีก 4 คัน ซึ่งทั้งหมดมีบันทึกแจ้งหายไว้ที่ สภ.คลองหลวง และ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีพฤติการณ์ลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี มาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมย้อนหลัง และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
อีกคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 1.นาย KONGMANY หรือ ลาย อายุ 32 ปี สัญชาติลาว 2.น.ส.LOYNOY หรือ หลอย อายุ 27 ปี สัญชาติลาว พร้อมด้วยของกลาง 1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุรุ่น รุ่นดีแม็กซ์ สีเทา (มีกระบะคอก) หมายเลขทะเบียน กทม. 2.โทรศัพท์มือถือ 3.โครงและเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น 4.อะไหล่รถจักรยานยนต์บรรจุในลังจำนวนมาก อุปกรณ์ช่าง และบรรจุภัณฑ์
โดยการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากผู้ต้องหาทั้งสองมีพฤติการณ์รับซื้อรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรม นำมาชำแหละเป็นชิ้นส่วน บรรจุกล่อง และจัดเตรียมส่งออกไปยังประเทศลาว โดยชุดจับกุมสามารถตรวจยึดโครงรถ เครื่องยนต์ และอะไหล่จำนวนมาก ได้จากบ้านพักในพื้นที่ ม.13 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา นาย KONGMANY หรือ ลาย อายุ 32 ปี สัญชาติลาว ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อหา น.ส.LOYNOY หรือ หลอย อายุ 27 ปี สัญชาติลาว ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่อนุญาต 1,839 วัน”
พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า จะรับซื้อรถจักรยานยนต์ที่ลักทรัพย์มามาชะแหละ และใส่กล่องกระดาษ ก่อนจะขนย้ายขึ้นรถไปส่งยังชายแดนประเทศลาว เบื้องต้นได้ทำการตรวจยึดรถยนต์รถจักรยานยนต์ไว้ตรวจสอบ ผู้ต้องหารายนี้เคยกระทำความผิดในพื้นที่คลองหลวง ในหลายๆ เคส ส่วนรถยนต์นั้นเป็นของนายจ้างที่ผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่เบื้องต้นได้เรียกผู้เป็นเจ้าของมาสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยที่ผ่านมาผู้ต้องหาเคยส่งอะไหล่ไปยังโกดังที่ จ.มุกดาหาร มาแล้วหลายครั้ง โดยจะได้ค่าจ้างหากเป็นคันๆ ละ 5,000 บาท ส่วนอะไหล่แล้วแต่ขนาด
ขณะเดียวกัน นายสมภพ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ที่ถูกคนร้ายกลุ่มนี้ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์คาวาซากิ ไปเมื่อคืนวันที่ 2 เมษายน 2568 เหตุเกิดในพื้นที่ ม.1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาติดต่อขอรับรถคืน พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ดีใจที่ได้รถกลับคืนมาทั้งคัน ซึ่งรถคันนี้รักมาก แต่งไปกว่า 200,000 บาท
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี