‘พระมหา’ถือมีดพร้า บุกกุฏิ‘พระคู่อริ’ในวัดเดียวกัน ก่อนทุบกระจกหน้าต่างปีนเข้าไปห้องนอน ฟันหน้าขณะจำวัดบาดเจ็บโชกเลือด โดนแทงสวนกลับไส้ทะลัก มรณภาพจมกองเลือด เผยมีปัญหาระหองระแหง ไม่กินเส้นกันมาประมาณ 6 เดือน
เมื่อเวลาประมาณ 23.15 น.วันที่ 10 เม.ย.68 ร.ต.อ.นรชัย แก้วหนู รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุพระฆ่ากันมรณภาพ 1 รูป เหตุเกิดภายในกุฏิวัดคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ภายหลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.ฯ , พ.ต.ท.เมธี ภิญโญประการ รอง ผกก. (สืบสวน) , พ.ต.ท.สนธยา ด้วงเพ็ชร สว.สส.ฯ , เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง , แพทย์เวร รพ.ตรัง , หน่วยกู้ชีพ รพ.ตรัง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง)
เมื่อถึงที่เกิดเหตุเป็นกุฏิลักษณะก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น เข้าไปภายห้องนอนซึ่งอยู่บริเวณชั้น 1 บนพื้นพบร่างพระมหาสุชาติ อายุ 44 ปี สภาพมีรอบสักตามลำตัว นุ่งสบงเพียงผืนเดียว นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดจำนวนมาก มือซ้ายกำมีดพร้าเปื้อนเลือด 1 เล่ม เหนือศีรษะมีไฟฉายชนิดคาดศีรษะตกอยู่ โดยยังเปิดส่องสว่างอยู่ เจ้าหน้าที่ร่วมกันพลิกศพพบถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ท้องด้านซ้ายจนลำไส้ทะลัก 1 แผล แขน 1 แผล หลังมือ 1 แผล ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล และที่ใบหน้าอีก 1 แผล รวมทั้งหมด 5 แผล
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ คือ พระคมกฤช หรือหลวงชิด อายุ 53 ปี ยืนรอคอยความช่วยเหลืออยู่บริเวณหน้ากุฏิที่เกิดเหตุ โดยมีบาดแผลถูกฟันด้วยมีดพร้าเข้าที่กลางหน้าผากความยาวประมาณ 10 ซม. จำนวน 1 แผล และบริเวณแขนขวาความยาวประมาณ 2 ซม.อีก 1 แผล เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวขึ้นรถฉุกเฉินและนำตัวส่ง รพ.ศูนย์ตรัง เพื่อทำการรักษาต่อไป
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าต่างหน้ากุฏิพบถูกทุบจนกระจกแตกทั้งบาน บนพื้นใต้หน้าต่างพบเศษกระจกจำนวนมากติดกันพบโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นของพระมหาสุชาติตกอยู่ 1 เครื่อง ถัดมาบริเวณเก้าอี้ไม้หน้ากุฏิพบอาวุธมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดขนาดความยาวประมาณ 9 นิ้วตั้งอยู่ อีกทั้งบนพื้นมีคราบเลือดหยดเป็นทางอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า พระที่บาดเจ็บจำวัดอยู่ภายในกุฏิ ซึ่งปิดไฟสนิท กระทั่งพระที่มรณภาพเดินถือมีดพร้า สวมไฟฉายคาดศีรษะ เข้ามาหน้ากุฏิก่อนจะใช้มีดพร้าทุบกระจกจนแตก และปีนเข้าไปภายในห้องนอน ก่อนจะใช้มีดพร้าฟันเข้าที่ใบหน้าของพระที่บาดเจ็บซึ่งจำวัดอยู่ กระทั่งพระที่บาดเจ็บคว้ามีดปลายแหลมที่เก็บไว้ในห้องได้ จึงแทงเข้าไปอย่างไม่ยั้งมือท่ามกลางความมืด จนเสียชีวิตคากุฏิของตนเอง ก่อนจะเดินออกมาท่ามกลางอาการบาดเจ็บและมาขอความช่วยเหลือกับผู้ช่วยเจ้าอาวาส
พระอาจารย์ฉัตรพร กันตะธรรมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดคลองน้ำเจ็ด เล่าว่า พระที่มรณภาพพื้นเพเดิมเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช บวชมาจากวัดอื่นแต่มาจำพรรษาที่วัดคลองน้ำเจ็ดได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ส่วนพระที่ก่อเหตุพื้นเพเดิมเป็นชาว จ.พัทลุง มาเริ่มบวชที่วัดแห่งนี้และจำพรรษามาแล้วประมาณ 7 ปี โดยพระทั้งคู่มีความขัดแย้ง ระหองระแหงใจ ไม่กินเส้นกันมาน่าจะประมาณสัก 5-6 เดือนที่ผ่านมา โดยเริ่มมาจากเรื่องเล็กๆน้อย จนกลายเป็นเรื่องราวขึ้นมาต่อเนื่อง เมื่อไม่ลงรอยกันแล้วก็แกล้งกัน พาลกันเป็นเรื่องใหญ่ เช่นเมื่อทั้งคู่ไปสวด แล้วกลับสวดน้ำหนักเสียงหนักเบาไม่เท่ากันก็มีปัญหากัน
ก่อนหน้านี้เวลามีกิจนิมนต์ของสงฆ์ ก็อยู่ทีมเดียวกัน แต่มาช่วงหลังเพิ่งจะมามีเรื่องขัดใจเล็กๆน้อยๆกัน จากปัญหาทั่วไป โดยที่พระรูปที่มรณภาพมักจะเป็นคนอารมณ์ร้าย โมโหร้าย ใจร้อน และมักจะเป็นผู้ที่เริ่มมีปัญหาขึ้นก่อน หลังจากมีปัญหาผ่านมา 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่มีปากเสียงกันอยู่ตลอด และเคยถึงขั้นจะชกต่อยกัน แต่ไม่ทันได้ชก ตนเองจะเป็นคนห้ามปรามไว้อยู่เสมอ เหตุการณ์เลยไม่รุนแรง
ส่วนเหตุการณ์ในวันนี้ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เนื่องจากจำวัดกันหมดแล้ว แต่ทราบเพียงว่าพระที่บาดเจ็บ ซึ่งเป็นเจ้าของกุฏิดังกล่าววิ่งออกมาของความช่วยเหลือกับอาตมา เนื่องจากถูกผู้เสียชีวิตฟันมา สภาพเลือดโชกหน้า ตนเองจึงได้ถามเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น พระที่บาดเจ็บบอกว่า ได้แทงไปไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะตอนแทงไม่ได้เปิดไฟ เลยไม่เห็น และได้รีบวิ่งมาที่นี้ พอกลับไปดูอีกทีปรากฏว่าได้เสียชีวิตแล้ว อาตมาจึงได้โทรแจ้งโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พระอาจารย์ฉัตรพร กล่าวว่า จริงๆแล้วอาตมาก็เตือนมาตลอดให้ต่างคนต่างอยู่ เตือนเสมอว่ายังไงเราเป็นพระ อยู่ในวัดเดียวกันควรสมัครสมานควรสามัคคีกัน รักกันมีเมตตาต่อกัน ที่ผ่านมาก็ให้เลิกแล้วกันไป ต่อมาก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้บุกเข้าไปในกุฏิ โดยถือมีดพร้าเข้าไปด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของกุฏิที่กำลังนอนอยู่ชนวนเหตุที่เกิดขึ้นส่วนตัวคิดว่าผู้ที่มรณภาพมีพฤติกรรมที่รุนแรงกว่าผู้บาดเจ็บ เพราะที่ผ่านมาได้สังเกตพฤติกรรมพระรูปนี้มาตลอด
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสอบปากคำพระที่ก่อเหตุในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังอยู่ในระหว่างแพทย์ทำการรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งภายหลังจากนี้หากแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวเข้ามาทำการลาสิกขากับเจ้าอาวาสวัด ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น และนำตัว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี