"กสม."จี้"ศธ.-พม.-หน่วยงานเกี่ยวข้อง"วางเกณฑ์กำกับเอาผิด ชี้"พ่อ-แม่-ครู"ทำคอนเทนต์เด็ก เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็ก ถูกบูลลี่ คุกคาม เป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศ ก่อปัญหาระยะยาว หวาดกลัวสังคม
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสม.มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียน เมื่อปี 2567 กรณีข้าราชการครูมีพฤติกรรมนำเด็กนักเรียนไปทำคอนเทนต์ หรือเนื้อหาบนโลกออนไลน์ โดยไม่ปกปิดอัตลักษณ์อันเป็นการละเมิดสิทธิเด็กโดยได้ศึกษาข้อเท็จจริง หลักกฎหมาย พันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน และเอกสารงานวิจัย ความเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิเด็ก หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รับฟังความเห็นจากครูและผู้ปกครองแล้วเห็นว่า การนำเด็กไปทำคอนเทนต์เป็นปัญหาใหม่ในไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีพ่อ แม่ ผู้ปกครอง และครู เป็นผู้ผลิต และเผยแพร่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม ข้อมูล เนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสม เช่น เด็กอยู่ในลักษณะเปลือย กึ่งเปลือย ร้องไห้ หวาดกลัว วิตกกังวล วาจาไม่สุภาพ กิริยาท่าทาง พฤติกรรมก้าวร้าว เป็นต้น บางครั้งการทำคอนเทนต์เด็กในพื้นที่สถานศึกษานั้นบางส่วนไม่ได้รับการยินยอม ซึ่งทั้งหมดทำให้เด็กถูกละเมิดสิทธิ์ ถูกวิจารณ์ไม่สร้างสรรค์ ถูกติดตาม ถูกข่มขู่คุกคาม อาจถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางเพศ โดยพวกใคร่เด็ก ถูกกลั่นแกล้งออนไลน์ รู้สึกอับอาย วิตกกังวล หวาดกลัวการเข้าสังคม อาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม กสม.วันที่ 9 เมษายน 2568 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะแนวทางกรณีการนำเด็กไปทำคอนเทนต์เสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.กระทรวงศึกษาธิการต้องกำหนดนแผนงานหรือนโยบายของกระทรวงอย่างชัดเจนของครูและบุคลากรทางการศึกษาป้องกันการนำเด็กไปทำคอนเทนต์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ละเมิดสิทธิเด็ก
2.โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทุกหน่วยงานทางการศึกษา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่อยู่ในสังกัดมีนโยบายคุ้มครองเด็กของโรงเรียนหรือสถานศึกษา มีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้และรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การใช้อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล และสื่อสังคมออนไลน์ที่เหมาะสม มาตรฐานเดียวกัน และให้เพิ่มเนื้อหาในหลักสูตร รายวิชา หรือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดอบรม ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิเด็กแก่ทุกฝ่าย
3.ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษา กำชับสร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจ การประพฤติปฏิบัติตนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา การประพฤติปฏิบัติตนตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 การกำหนดบทลงโทษ หรือการเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
4.ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพิ่มเนื้อหา แผนงาน โครงการ และกิจกรรมในหลักสูตรของคณะศึกษาศาสตร์ คณะครุศาสตร์ ในประเด็นสิทธิเด็กโดยเฉพาะทางดิจิทัลออนไลน์
5.ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดอบรม ประชาสัมพันธ์ ผลิตสื่อ คู่มือ หรือแนวปฏิบัติสร้างความตระหนักรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเด็ก พ่อ แม่ และผู้ปกครอง เกี่ยวกับการนำเด็กไปทำคอนเทนต์
และ 6.ให้กระทรวงพม.ประสานความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาศักยภาพการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจ ในด้านการแจ้งเหตุ การร้องเรียน การให้คำปรึกษาแนะนำ การให้ความช่วยเหลือ การประสานส่งต่อ และการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี