กทม.เปิดศูนย์ควบคุมความปลอดภัยสงกรานต์ โชว์ระบบ CCTV แบบเรียลไทม์ ถนนข้าวสารจัด one way ลดแออัดนักท่องเที่ยว เข้มมาตรการ 5 ป. เพิ่มความปลอดภัยทั่วกรุง
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อม พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นำชมศูนย์ควบคุมและติดตามสถานการณ์ความปลอดภัย เตรียมความพร้อมการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า และถนนข้าวสาร เขตพระนคร
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ณ ห้องสุทัศน์ ชั้น 2 ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมและติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภายในศูนย์ฯ ได้ติดตั้งระบบควบคุมสั่งการแบบเรียลไทม์ พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลจากกล้อง CCTV ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะจุดจัดงานขนาดใหญ่ เช่น ถนนข้าวสาร สีลม ลานคนเมือง และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ โดยมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานทำงานร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์ความเคลื่อนไหว และสามารถสั่งการตอบโต้เหตุการณ์ได้ทันที
นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังมีการแสดงผล Dashboard สถิติ รายงานจุดเสี่ยงและการเฝ้าระวังในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน ระบบ Dashboard ถือเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถมอนิเตอร์และประเมินสถานการณ์แบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบจะนำข้อมูลที่ได้จากกล้อง CCTV เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว และอุปกรณ์ตรวจวัดความหนาแน่นของฝูงชน มาประมวลผล ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือเกิดเหตุการณ์ผิดปกติได้ทันที
สำหรับงานเทศกาลงานสงกรานต์ กรุงเทพมหานคร ผนึกกำลังความร่วมมือทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน จัดตั้งกองอำนวยการร่วมกลาง โดยสำนักงานเขต 50 เขต ได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ รวมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กำหนดมาตรการและบูรณาการกับทุกภาคส่วน ในการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือสาธารณภัย ตลอดจนการดูแลด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยออกแบบการทำงานอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังอันตราย 43 จุด จัดกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนเจ้าพนักงานจราจร ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุประสานงานและทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของ กทม.ตลอด 24 ชม.ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว กองโรงงานช่างกล เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสนับสนุนกรณีเหตุฉุกเฉิน จัดชุดเจ้าหน้าที่ตรวจดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงาน หรือกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เกิดเป็นระบบการทำงานแบบเรียลไทม์ เชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารผ่านศูนย์บัญชาการหลัก ที่สามารถติดต่อหน่วยงานสนับสนุนต่างๆ ได้โดยทันที เมื่อเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุ หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที
จากนั้น ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายโกศล สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร และ พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.ชนะสงคราม นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมที่ถนนข้าวสาร เขตพระนคร บริเวณจุดเล่นน้ำขนาดใหญ่อีกหนึ่งจุดในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นจุดไฮไลท์สายสนุกของเทศกาลปีนี้ กับงาน Khao San World Water Festival 2025 จัดโดยสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร ระหว่างวันที่ 12 - 15 เมษายน 2568 เปิดพื้นที่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำอย่างปลอดภัย
พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าวว่า ปีนี้ได้มีการนำร่องใช้เทคโนโลยี AI กับกล้อง CCTV สร้างระบบช่วยดูแลความปลอดภัย พร้อมการจัดวางกล้อง CCTV อย่างรัดกุมรอบพื้นที่งาน ซึ่งเทคโนโลยี AI จะช่วยเรื่อง ระบบอ่านและบันทึกป้ายทะเบียน จดจำใบหน้า วิเคราะห์ความหนาแน่นของฝูงชนบนถนนข้าวสาร จำนวน 4 กล้อง ระบบนับจำนวนคน ใช้ร่วมกันกับระบบจดจำใบหน้าที่จุดคัดกรอง ระบบค้นหาลักษณะของบุคคลหรือสิ่งของ และจัดหากล้องติดตามตัว ซึ่งระบบ AI นี้ จะตรวจจับใบหน้าเพื่อป้องปรามอาชญากร มีการจัดการพื้นที่เข้า–ออกงาน และตรวจสอบความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีการจัดเจ้าหน้าที่และหน่วยซ่อมบำรุงตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือเหตุฉุกเฉินได้ทันที
ผู้อำนวยการเขตพระนคร กล่าวว่า จากปีที่ผ่านมาพบปัญหาหลายจุด เช่น ความหนาแน่นของประชาชนบริเวณแยกคอกวัว ปีนี้จึงได้ถอดบทเรียนและร่วมหารือกับ สน.ชนะสงคราม โดยปีนี้กำหนดทางเข้าใหญ่ๆ 3 จุด ได้แก่ 1.ถนนจักรพงษ์ ราชดำเนิน (หน้า สน.ชนะสงคราม) มีจุดคัดกรอง 4 จุด 2.แยกบางลำพู 3.ถนนบวร (วัดบวรนิเวศวิหาร) และทางออกมีทั้งหมด 4 จุด โดยทั้ง 3 จุด คือ ถนนจักรพงษ์ แยกบางลำพู ถนนบวร มีทางเบี่ยงให้ออก และแยกคอกวัวเป็นทางออกใหญ่ และมีการจัดเส้นทางการเดินแบบ one way 3 เส้นทาง คือ 1.ถนนข้าวสาร จากสน.ชนะสงคราม ไปถนนตะนาว 2.ถนนรามบุตรี จากจักรพงษ์ไปบางลำพู และ 3.ถนนตะนาว จากแยกคอกวัว ไปแยกบางลำพู ในส่วนถนนเส้นอื่นๆ เช่น ถนนไกรสีห์ ถนนตานี ยังเป็นเส้นทางการเดินแบบ Two way คือเดินสวนกันได้เหมือนเดิม ด้านความปลอดภัย มีจุดคัดกรองทั้งหมด 11 จุด เป็นกล้อง AI ทั้ง 11 จุด มีกล้องบริเวณโดยรอบเกือบ 200 ตัว มีเสาปลอดภัย 8 ตัว ติดป้ายทางออกฉุกเฉินและมีเสียงตามสายเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์
ด้าน ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า ด้านความปลอดภัยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ โดยใช้ควบคุมฝูงชนมาร่วมปฏิบัติงานวันละ 2 กองร้อย หรือเกือบ 500 นาย ร่วมกับฝ่ายจราจร ฝ่ายสืบสวน รวมแล้วมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเกือบ 700 นาย มีการแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นโซน นอกจากการใช้กล้อง AI แล้วยังมีโดรนบินตรวจดูสถานการณ์ภาพรวม ทุก 1 ชม.ตั้งแต่วันที่ 13 - 15 เม.ย.68
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ยังวางมาตรการด้านความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว สามารถร่วมสืบสานประเพณีปีใหม่ไทยได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย ภายใต้นโยบาย “สงกรานต์สร้างสรรค์เล่นน้ำอย่างปลอดภัย ภายใต้มาตรการ 5 ป.” ประกอบด้วย 1.ปลอดปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ 2.ปลอดแอลกอฮอล์ 3.ปลอดโป๊ 4.ปลอดแป้ง และ 5.ประหยัดน้ำ โดยมาตรการ 5 ป.นี้ จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่จัดงานทั่วกรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจในพื้นที่ และหน่วยงานสนับสนุนร่วมตรวจสอบตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรม เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ปลอดภัย และยังคงไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี