ผอ.ปภ. เผยเดินหน้าขุดเจาะถึงฐานอาคาร แต่ยังไม่พบแสงสว่างหรือสัญญาณชีพจุดที่ทีมกู้ภัยอ้างพบแสงโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ “โฆษกดีเอสไอ” เผยคดีนอมินีบริษัทจีนสร้างตึก สตง. คืบหน้าเกือบ 50% กำลังสอบเส้นเงิน ระบุหากตรวจสอบซีเมนต์ตกสเปคจ่อเพิ่มโทษ วงในเผย ดีเอสไอ ร่วมกับ ก.อุตสาหกรรม ค้น”บริษัทซิน เคอ หยวน” เก็บหลักฐานเอาผิด “เหล็ก-ฝุ่นแดง” นำเข้า-ส่งออก การซื้อขาย ที่มาที่ไปการครอบครอง จะดูย้อนหลังถึงช่วงปี 2557 ที่เริ่มก่อตั้งบริษัท
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568 นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาบริเวณโซน B ที่พบแสงไฟโทรศัพท์ ความหวังที่จะเจอผู้รอดชีวิต ว่า ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ขุดเจาะจนเปิดหน้างาน ลึกไปประมาณ 4 เมตร กว้าง 4 เมตร เข้าถึงฐานอาคาร แต่พบอุปสรรคมีแผ่นปูนขนาดใหญ่ 4×6 หนักประมาณ 10 ตัน ขวางกั้นและเหล็กเส้นจำนวนมาก จึงต้องประชุมเพื่อค้นหาอีกครั้ง เนื่องจากหวั่นความไม่ปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
ขณะนี้ยังไม่พบแสงไฟมือถือ หรือแสงสว่างใดๆ เนื่องจากการเข้าตรวจสอบต้องมีการเปิดพื้นที่บริเวณดังกล่าว จึงไม่เห็นแสงสว่างด้านใน
ทั้งนี้ ยืนยันตั้งแต่ต้นไม่พบสัญญาณชีพ หรือการตอบโต้การเคาะสัญญาณตอบสนองกลับจากผู้ใด ส่วนกล้องจับเรดาร์ไม่พบสัญญาณชีพ หรือการเคลื่อนไหว มีเพียงแต่ทีมกู้ภัยบอกล่าวและแสดงคลิปช่วงเจอให้ดูเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ยังคงต้องใช้เครื่องจักร เดินหน้ารื้อซาก และจะต้องกลับมาวางแผนอีกครั้ง เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่หน้างาน
เจ้าหน้าที่ยังตรวจจับพิกัด จุดต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง จนพบจุดที่คาดว่าเป็นชิ้นส่วนมนุษย์ 8 เป้าหมาย อยู่ระหว่างการเข้าไป โดยจะขุดเจาะ เปิดพื้นที่ให้กว้างขึ้น จากนั้นจะนำไปส่งตรวจพิสูจน์หาดีเอ็นเอ ที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนภารกิจค้นหา ติดตามผู้สูญหาย เจ้าหน้าที่จะเน้นใช้เครื่องจักรใหญ่ เข้ารื้อเศษซาก สลับการส่งชุดกู้ภัยเดินเท้า พร้อมสุนัข K9 เข้าดมกลิ่นหาผู้ติดค้าง
สำหรับยอดผู้เสียชีวิต ล่าสุด 32 คน บาดเจ็บ 9 คน อยู่ระหว่างค้นหา 62 คน
ทางด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยภาพรวมที่ดีเอสไอรับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ถล่ม ว่ามีอยู่ 3 กรณี โดยกรณีแรก คือ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือนอมินี ที่ดีเอสไอเริ่มการสอบสวนไปแล้วเกือบ 50% และขยายผลว่าไปเกี่ยวข้องกับกฎหมายการเสนอราคาด้วยหรือไม่ ซึ่งการร่วมเก็บพยานหลักฐานในครั้งนี้ จะมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมาตรฐานของอุตสาหกรรมในส่วนของวัสดุก่อสร้างต่างๆ โดยวันนี้ยังมีการเก็บซีเมนต์ไปตรวจสอบ ว่าเข้าองค์ประกอบที่ตกสเปคหรือไม่ หากมีการตกสเปคก็จะมากล่าวโทษเพิ่มเติม
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังติดตามเรื่องของเส้นเงินอยู่ และอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และให้กระบวนการรวดเร็วขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเส้นทางการเงินบ้างแล้ว รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ และมีการรายงานความคืบหน้าอยู่ทุกวัน
กรณีที่ 2 ดีเอสไอรับทำคดีแล้วอยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ เนื่องจากเพิ่งจะได้รับหนังสือจากกรมสรรพากรซึ่งมาร้องดีเอสไอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้ตรวจสอบเรื่องของการเลี่ยงภาษีของบริษัท ซิน เคอหยวน สตีล จำกัด โดยพบหลักฐานที่มีเหตุบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นหลักฐานที่มาจากภาษีที่ไม่ถูกต้อง โดยทางกองคดีภาษีอากรได้แยกรับคดีนี้
ส่วนเรื่องที่ 3 เป็นเรื่องเมื่อวานนี้(11เมษายน)ที่ดีเอสไอได้รับกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงาน ได้เข้าตรวจบริษัท ซิน เคอหยวน สตีล จำกัด ซึ่งดีเอสไอไปร่วมสืบสวนด้วย ในประเด็นฝุ่นแดง 4 หมื่นตัน และตอนนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยตั้งคณะสืบสวนแล้ว รอเพียงอธิบดีดีเอสไออนุมัติให้สืบสวน ก็จะเข้าไปประสานงานเพื่อรวบรวมข้อมูลต่อไป
ขณะที่แหล่งข่าวดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง และดีเอสไอ เข้าตรวจค้นบริษัทซิน เคอ หยวน (SKY) เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพนำตรวจค้นบริษัทดังกล่าวเพื่อเก็บพยานเอกสารเป็นหลักฐาน เช่น การนำเข้า-ส่งออก การซื้อขาย ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการครอบครองเหล็กและฝุ่นแดง จะดูย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทช่วงประมาณปี 2557 ส่วนตัวอย่างเหล็กได้เก็บไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ได้ไปพิจารณาตรวจสอบว่าเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เพื่อรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และส่งให้ดีเอสไอดำเนินการต่อไป โดยขณะนี้มีเพียงคดีตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (นอมินี)ที่รับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568
ทั้งนี้ การตรวจค้นบริษัท SKY เชื่อว่าอาจพบการกระทำความผิด เช่น ฝุ่นแดง ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย หรือ เหล็ก ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เช่นกัน และของกลางโดนยึดไว้หมดแล้ว ห้ามเคลื่อนย้าย แต่ก็ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากกระทรวงอุตสาหกรรมให้ชัดเจนก่อนว่าเข้าข่ายผิดอะไรบ้าง เพราะดีเอสไอรับคดีนอมินีเป็นคดีพิเศษไปแล้ว ซึ่งคดีอื่นสามารถรับตามกันได้ ส่วนจะรวมคดีใดบ้างกับคดีหลัก(คดีนอมินี)หรือไม่นั้น ต้องพิจารณากันอีกครั้ง
แหล่งข่าวดีเอสไอ เผยว่า ส่วนกรมสรรพากร ภาค 3 ร้องทุกข์ดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ช่วงเดือน ก.ค.2558 - มี.ค.2560 จำนวน 7,426 ฉบับ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท อันเป็นความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากร ซึ่งเข้าบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 38/2568 โดยกองคดีภาษีอากรนั้น จะแยกสำนวนอีกคดีซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนอมินี
แหล่งข่าวดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนจะส่งออกจำหน่ายต่างประเทศด้วยหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวบริษัทถูกแบล็คลิสต์ในประเทศจีนและทำไมมาดำเนินกิจการในประเทศไทยได้นั้น ซึ่งต้องย้อนดูบริษัทดังกล่าวเมื่อครั้งจดทะเบียนในประเทศไทยว่าทำธุรกิจถูกต้องหรือไม่ เพราะการแบล็คลิสต์ในต่างประเทศ แต่มาประเทศไทยกลับประกอบกิจการถูกต้องนั้น เราก็ทำอะไรบริษัทนั้นไม่ได้ เช่น เคยทำในประเทศอื่นแต่กิจการผิดพลาดติดแบล็คลิสต์ จึงนำข้อผิดพลาดมาแก้ไขปรับปรุงในบ้านเราให้ถูกต้องก็อาจไม่ผิดได้ แต่ถ้ามีเจตนาทำผิดพวกนี้ก็จะทำผิดอยู่เรื่อยๆ
แหล่งข่าวดีเอสไอ กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้บริษัท SKY เคยถูกร้องให้หยุดกิจการแต่ทำไมยังขายเหล็กต่อได้นั้น ที่จริงแล้วไม่สามารถจำหน่ายเหล็กได้ ก็จะต้องตรวจสอบว่าลักลอบดำเนินกิจการ หรือไม่มีการเปิดเครื่องจักรผลิตเหล็กต่อหรือไม่ หากบริษัทถูกปิดแต่สามารถขายวัสดุอื่นได้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ รถยนต์บริษัท หรือทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ยึดเป็นของกลางเพื่อจ่ายเงินให้ลูกจ้างก็ทำได้ แต่ในส่วนเจ้าหน้าที่ยึดไว้ห้ามขายและเคลื่อนย้ายเด็ดขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี