จ่ายรายละ1แสน

เยียวยาเหยื่อตึกสตง.ถล่ม

กทม.เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์

เริ่มลอตแรก18เม.ย.นี้

ยอดดับ44/สูญหาย50

จนท.มุ่งขุดเจาะโซนC

เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการขุดเจาะซากอาคาร สตง. ตลอดทั้งคืนเพื่อค้นหาร่างผู้ประสบภัยที่สูญหาย โดยมุ่งเน้นที่โซน C เพราะเป็นจุดที่ถูกสันนิษฐานว่ามีผู้ติดค้างมากที่สุด ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 44 ราย บาดเจ็บ 9 ราย สูญหาย 50 ราย รองผู้ว่าฯ กทม.เผย กทม.เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์เยียวยาเหยื่อตึก สตง. ถล่ม เผยกระทรวงมหาดไทย เยียวยารายละ 1 แสนบาท จ่ายล็อตแรก 18 เมษายนนี้ ด้าน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานสอบวิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็นคุมงานก่อสร้างตึก สตง. รื้อข้อเท็จจริง หลังถูกแอบอ้างชื่อนานถึง 5 ปี

เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการรื้อและค้นในบริเวณซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานขุดเจาะกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.30 น. จึงได้หยุดเครื่องในการขุดเจาะ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้เดินเข้าไปตรวจในจุดต่างๆ พร้อมสุนัขในการค้นหา ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการรอบแรกของสุนัขในวันนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่จะใช้สุนัขเข้าพื้นที่ค้นหาหน้างาน 3 รอบ/วัน

มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่พบว่าร่างที่ติดอยู่ภายในอาคาร สตง. อีก 2 ร่าง ไม่ทราบเพศ และพบชิ้นเนื้อ 24 ชิ้น โดยได้มีการลำเลียงทั้งหมด ส่งนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจแล้ว โดยส่วนใหญ่พบที่โซน C ของซากอาคารถล่ม ซึ่งขณะนี้การทำงานของรถเครื่องจักรมุ่งเน้นไปที่โซน C เพราะบริเวณเป็นจุดที่ถูกสันนิษฐาน ว่ามีผู้ติดค้างมากที่สุด

ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีเหล็กเส้นเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กด้วยแก๊สเข้าไปในพื้นที่ สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็ยังคงเหมือนเดิม จะมีการเปลี่ยนเวรกันทุก 8 ชั่วโมง เมื่อเข้าไปครบ 8 ชั่วโมงแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาผลัดเปลี่ยนเวรกัน

เวลา 10.00น.สถานการณ์ล่าสุดอาคารถล่ม สตง. ทางกรุงเทพมหานครได้สรุปความคืบหน้าช่วยผู้ประสบภัย อาคาร สตง.ถล่ม เขตจตุจักรจากเหตุแผ่นดินไหวเมียนมากระทบไทย ข้อมูลล่าสุด วันที่ 15 เม.ย.2568 มีรายละเอียดดังนี้มียอดผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย ผู้เสียชีวิต 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย สูญหาย (ติดค้าง) 50 ราย

เวลา 10.30 น.ที่บริเวณกองอำนวยการร่วมสน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้า JJ mall รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่า กทม.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสถานการณ์ประจำวันว่า เมื่อคืนวันที่ 14 เมษายน ได้มีการเคลียร์ความสูงของซากอาคารดังกล่าวในทุกโซน ทั้ง A,B,C และD ส่วนใหญ่เป็นไปตามแผนแต่ปัญหาตอนนี้ คือ เส้นเหล็กบางจุดที่กีดขวาง ทำให้เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยไม่สามารถลงไปสำรวจตามโพรงต่างๆ วันนี้จึงได้นำเครื่องจักรตัดเหล็กเพิ่มอีก1 คันเพื่อให้การค้นหาและรื้อถอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ยอดความสูงของซากอาคารเหลือ 19 เมตรแล้ว

โดยเมื่อคืนวันที่14 เมษายน เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณ โซน C รวมถึงชิ้นเนื้อจำนวนอีก 24 ชิ้นโดยได้มีการนำร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นเนื้อทั้งหมดไปส่งพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และเช้าวันนี้ ทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.ตร.)ได้ยืนยันเพิ่ม 1 คน จากการตรวจอัตลักษณ์บุคคล ซึ่งทำให้ตอนนี้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 44 คน บาดเจ็บ 9 คน และสูญหาย 50 คน

ส่วนเรื่องของการพิสูจน์อัตลักษณ์ จากรายชื่อที่ได้จาก สตง. ทั้งหมด 103 ราย พบเเล้ว 91 ราย เเต่ยังมีรายชื่อที่ยังตกหล่น โดยตอนนี้กำลังประสานกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เป็นตรวจสอบให้ น่าจะสามารถติดตามได้ทั้งหมด รวมถึงจะให้สำนักงานต่างประเทศของ กทม. ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศด้วย ในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เพิ่มจากชายแดนของสถานทูตเมียนมา

ส่วนเรื่องหนึ่ง คือ กระทรวงมหาดไทย ได้เพิ่มวงเงินในการจัดการศพ ศพละ 100,000 บาท โดยที่ไม่ต้องคิดในรายละเอียดว่า เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือ เป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัวหรือไม่ แล้วก็กำหนดว่าจะจ่ายล็อตแรก ที่ได้รับการรับรองแล้วในวันที่ 18 เมษายน ที่กระทรวงมหาดไทย ขณะนี้ขอเวลาให้ทาง กทม.เร่ง นำร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์

สำหรับความคืบหน้าด้านคดีของเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว พ.ต.อ. สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ เปิดเผยว่าทางการสืบสวนตำรวจ สน.บางซื่อ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ร่วมกันทำงาน และแบ่งคณะทำงานกันตามละประเด็น

ส่วนประเด็นที่มีการออกหมายเรียก นายปฏิวัติ กรรมการผู้มีอำนาจ ลงนามผูกพันกับกิจการร่วมค้า PKW ที่ลงนามในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่กับทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 ซึ่งกิจการร่วมค้า PKW ประกอบด้วย และที่นำหมายไปติดไว้ ที่บ้านย่านอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อให้เข้ามาให้ข้อมูลฐานะพยานจากเหตุตึกถล่ม

พ.ต.อ.สนองกล่าวว่า ทางนายปฏิวัติได้ประสานมาทางพนักงานสอบสวน ขอเลื่อนไปในวันที่ 30 เมษายน 2568 แต่ตนจะให้พนักงานสอบสวนประสานกับให้มาพบเร็วขึ้นก่อน วันที่ 30 เมษายน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมาวันใด ส่วนนายปฏิวัติจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมลายเซ็นของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข วิศวกร ที่โดนแอบอ้างชื่อหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องรอสอบปากคำก่อน ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ออกหมายจับในคดีกับใครเพียงหมายเรียกเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 17 เมษายนนี้ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม เป็นประธานได้เรียกคณะทำงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีมาประชุมที่ สน.บางซื่อ

ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงาน กิจการร่วมค้า PKW (ประกอบด้วย บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนชัลแทนส์ จำกัด) ที่เป็นคู่สัญญาผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง. และนายสมเกียรติ ได้ไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง กรณีถูกปลอมเอกสาร ปลอมลายเซ็นชื่อ ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญนายสมเกียรติ เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยาน ในเวลา 13.30 น. วันที่ 15 เมษายน ที่ห้องประชุมกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล) หรือ ห้องประชุม กคร. ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นั้น

สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ ได้เข้าพบคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมสอบถามข้อมูล โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้เดินทางมาเป็นประธานที่ประชุม พร้อมได้สอบถามความคืบหน้าทางคดี สตง. ซึ่งดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ โดยในบางช่วง พ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่าได้สอบปากคำไปแล้วกี่ปาก เป็นต้น ต่อมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้พานายสมเกียรติ เข้าไปภายในห้องประชุม โดยให้นั่งข้าง พ.ต.อ.ทวี ก่อนเริ่มการสอบถามข้อมูล

ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รายงานเบื้องต้นว่า การเชิญนายสมเกียรติ มาให้ข้อมูลในวันนี้ ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการที่ปรากฎชื่อของนายสมเกียรติและลายเซ็นปลอมในเอกสารการคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.ถล่ม นานถึง 5 ปี รวมถึงความสัมพันธ์ข้องเกี่ยว ที่มาและความเป็นไปว่าไปรู้จักหรือได้รับเชิญจากกิจการร่วมค้า PKW อย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณากับฐานข้อมูลที่ดีเอสไอได้รวบรวมและขยายผลในคดีนอมินีก่อนหน้านี้