‘ดีเอสไอ’ลุยค้น 4 เป้าหมายใหญ่ ขยายผลคดีนอมินี‘ไชน่า เรลเวย์ฯ’ปมตึก สตง.ถล่ม ตรวจยึดเอกสารสำคัญ พยานวัตถุ ด้าน‘โฆษกดีเอสไอ’เผยประสาน‘วิศวกร’อายุ 85 ปี มีชื่อเป็นผู้ออกแบบตึก เข้าให้ข้อมูลสำคัญ ขณะที่พนักงานสอบสวนทำหมายเรียกพยาน 3 กลุ่มแล้ว
17 เมษายน 2568 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (อาคาร สตง.) แห่งใหม่ ที่ถล่ม ซึ่ง DSI รับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 เปิดเผยถึงความคืบหน้า ว่า จากกรณีเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย
1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออก แบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออก แบบ)
2.สัญญาควบคุมงาน
3.สัญญาการก่อสร้าง
4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ ดังนั้นบริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัทไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนแล้วต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมาเสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ส่วนการออก แบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง.อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้วอะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า สำหรับการรับเป็นคดีพิเศษในตอนนี้นั้น ดีเอสไอได้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ 2 ฐานความผิดภายใต้เลขคดีพิเศษที่ 32/2568 ได้แก่ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 (ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวง หรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 5 ปี และปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้นหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) และมาตรา 8 (ผู้ใดโดยทุจริตทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำมากเกินกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่านั้นเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 3 ปี และปรับ50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคา หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) เนื่องจากต้องดูว่ามีการใช้กลอุบายจนได้สัญญามาหรือไม่ ซึ่งการฮั้วประมูลมีหลายมิติ มิใช่ว่าต้องเป็นเอกชนมาฮั้วกันเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการแข่งขันโดยใช้กลอุบาย แล้วทำให้ได้มาซึ่งสัญญา ตรงนี้ก็เป็นความผิดฮั้วได้ มันมีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาทุกมิติ
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า ส่วนเรื่องฝุ่นแดง ยังอยู่ระหว่างกระบวนการของดีเอสไอในการออกเลขสืบสวนคดีพิเศษ เพราะทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ขอความอนุเคราะห์ดีเอสไอร่วมสืบสวนด้วย ขณะที่เรื่องเหล็กตกมาตรฐาน ทราบว่าทางสำนักงานผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม(สมอ.) นำเหล็กไปตรวจสอบแล้ว หากพบความผิดใด ทาง สมอ.จะเป็นผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับดีเอสไอต่อไป
พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า สำหรับประเด็นบทบาทของนายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี บุคคลที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นลายเซ็นต์รายชื่อผู้ออกแบบนั้น ทราบว่าเจ้าตัวมีชื่อเป็นผู้ออกแบบ ขณะที่นายสมเกียรติ ชูแสงสุข เป็นคนที่มีชื่อเป็นคนขอแก้ไขแบบในฐานะผู้ควบคุมงาน ซึ่งทั้งคู่เป็นคนละขั้นตอนกัน ดังนั้น คนที่ไปปลอมลายเซ็นชื่อ แอบอ้างชื่อนายสมเกียรติ คือใครนั้น ดีเอสไออยู่ระหว่างการขยายผล ทั้งนี้ ใจความสำคัญที่เรายึดเป็นแกนกลาง คือ ตึก สตง. แห่งใหม่นี้ สตง.มีความต้องการสร้าง จึงประสงค์ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ออกแบบให้ แต่ด้วยกรอบเวลา 180 วัน กรมโยธาธิการและผังเมืองไม่สามารถออกแบบได้ทัน จึงเป็นสิทธิ์ของ สตง. ที่จะจ้างบริษัทเอกชน ดังนั้นมันจะทำให้เราเห็นว่าในกระบวนการต่าง ๆ ของการก่อสร้างตึก สตง. นี้ได้มีวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้องกี่รายกันแน่ และเป็นใครบ้าง
พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า วานนี้ (16 เม.ย.) ทางดีเอสไอได้ประสานไปยังนายพิมล เจริญยิ่ง เพื่อขอความร่วมมือเข้าให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้ข้อเท็จจริง ส่วนเจ้าตัวจะตอบรับอย่างไรนั้น จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเพราะเรื่องนี้ประเทศชาติเสียหาย ดังนั้น รายละเอียดที่จะใช้ในการสอบถามจะต้องเป็นประเด็นสำคัญ เพราะจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่มาใช้ต่อกับภาพอื่นในคดีได้ด้วย นอกจากนี้ หากดีเอสไอรวบรวมพยานหลักฐานจนเห็นความเกี่ยวข้องว่าใครเข้ามาเกี่ยวข้องช่วงใดของงานบ้าง เกี่ยวข้องอย่างไร จึงจะเริ่มมีการออกหมายเรียกพยานนิติบุคคลต่าง ๆ เข้าให้ข้อมูลคดี
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่า วันนี้ดีเอสไอได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลาอาญารัชดาภิเษกออกหมายค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุด ได้แก่ 1.สำนักงานใหญ่ของนายบินลิง วู 2.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 3.บริษัท ว และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และ 4.บริษัท เคพี คอลซัลแทนส์ จำกัด เพื่อตรวจค้นและตรวจยึดพยานเอกสาร พยานวัตถุที่เกี่ยวข้องในคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ คือ คดีพิเศษที่ 32/2568 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด
ขณะที่การจัดลำดับกลุ่มหมายเรียกพยานของดีเอสไอ ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.68 - 15 พ.ค.68 มีรายงานว่า แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มผู้รับงานก่อสร้างและผู้เกี่ยวข้อง 7 ราย คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด , นายเวนจี้ ลู , นายบินลิง วู , นายโสภณ มีชัย , นายประจวบ ศิริเขตร , นายมานัส ศรีอนันท์
2.กลุ่มผู้ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี 6 ราย คือ น.ส.ศุทธวีร์ (สงวนนามสกุล) , น.ส.ธีรดา (สงวนนามสกุล) , น.ส.มณีรัตน์ (สงวนนามสกุล) , นายนครินทร์ (สงวนนามสกุล) , นายวรพจน์ (สงวนนามสกุล) , น.ส.พิชญพร (สงวนนามสกุล)
3.กลุ่มผู้เสนอราคา (ไม่รวมกิจการร่วมค้า ITD) 6 ราย คือ บริษัท อาคาร 33 จำกัด , บริษัท กิจการร่วมค้า ยูเวิร์คนีโอแอนด์มาร์ชเทน จำกัด , บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (จำกัด) มหาชน , บริษัท เอ็นเเอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ กิจการร่วมค้าวรเรียล
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี