ศปก.พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ตร.ยืนยันเดินหน้าตรวจพิสูจน์ศพ เร่งคืนร่างให้ญาติโดยเร็ว ประสานสถานฑูตเก็บ DNA ญาติจากประเทศเมียนมา ตรวจพิสูจน์ศพที่ยังพิสูจน์เอกลักษณ์ไม่ได้
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก.ในฐานะโฆษกสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา ผบก.นต.รพ.ตร.แถลงข่าวการดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เพื่อพิสูจน์ยืนยันตัวตนว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร และจะได้ส่งคืนศพให้กับญาติไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป จากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม
พล.ต.ต.วิรุฬห์ กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการตามกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยมีการเก็บข้อมูลผู้สูญหายและ DNA จากญาติ จำนวน 97 ราย เพื่อใช้เปรียบเทียบกับศพที่ส่งมายังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยการตรวจเปรียบเทียบยืนยัน ได้แก่ ลายพิมพ์นิ้วมือ ข้อมูลทันตกรรม DNA และข้อมูลทางกายภาพ ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.ถึง 17 เม.ย.68 มีศพและชิ้นส่วนศพที่เข้าระบบโดยแบ่งเป็นศพจำนวน 41 ราย และชิ้นส่วนศพ 96 ชิ้น ซึ่งข้อมูลผู้เสียชีวิตที่เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลแล้ว จำนวน 42 ราย และชิ้นส่วนศพจำนวนมาก สามารถตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลยืนยันว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครได้ จำนวน 33 ราย แบ่งเป็น คนไทย 22 ราย เมียนมา 10 ราย และกัมพูชา 1 ราย ซึ่งได้แจ้งญาติมารับศพแล้ว ซึ่งศพที่ส่งเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เบื้องต้นสามารถทราบว่าเป็นใครแต่ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนศพเพื่อประกอบร่างให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนส่งคืนแก่ญาติ ซึ่งการตรวจพิสูจน์จะใช้ DNA ร่วมลายพิมพ์นิ้วมือ ส่วนที่เป็นชิ้นส่วน จะนำ DNA มารวมแต่ละชิ้นให้เป็นตัวบุคคล ซึ่งเวลาผ่านไปนาน จึงต้องใช้กระดูกในการหา DNA อาจจะใช้เวลาเพิ่ม 1 - 2 วัน ก่อนจะนำข้อมูลของครอบครัวมาเปรียบเทียบ
ด้าน พล.ต.ต.วาที กล่าวว่า ช่วงวันแรกที่ศพเข้ามาสามารถใช้วิธีพิมพ์มือในการพิสูจน์ได้ และปล่อยศพได้วันต่อวัน แต่นอนนี้ศพมีการเปลี่ยนสภาพ และชิ้นส่วนศพเพิ่มมากขึ้น จึงต้องประกอบร่างให้ครบทุกชิ้นส่วนก่อนปล่อยศพให้ญาติ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่เป็นแรงงานแฝง ได้รับประสานจาก กทม.ว่ามีญาติบางส่วนที่ประเทศเมียนมา แต่ไม่สามารถเดินทางมาได้ ทำให้มีศพบางส่วนไม่สามารถยืนยันได้ พฐก.จึงจะประสานสถานฑูตเก็บตัวอย่าง DNA จากญาติที่ประเทศเมียนมา เพื่อนำมาตรวจพิสูจน์อีกครั้ง และบางศพญาติรอรับพร้อมศพอื่นที่ยังไม่เจอจากภายในซากอาคาร
ขณะเดียวกันมีญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมารับศพวันนี้ 2 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ นางบุญส่ง มวลสุข อายุ 73 ปี แม่ของ นายวิทยา สิทธิ์ศรี อายุ 36 ปี ผู้เสียชีวิต พร้อมบอกว่า ลูกชายมาทำงานที่กรุงเทพฯ และอาศัยอยู่ที่นี่นานหลายปี ตนเองอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ จะมาหานานๆ ครั้ง โดยเจอกันล่าสุดปีใหม่ตอนปี 2567
นางบุญส่ง กล่าวว่า ลูกทำงานที่บริษัทดังกล่าวได้แค่ 1 เดือน ตอนแรกครอบครัวลูกหลานไม่ยอมบอก จนคนข้างบ้านมาบอกถึงจะรู้ว่าลูกติดอยู่ในซากตึก ตัวเองกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องมาลุ้นว่าลูกชายจะได้ออกมาวันไหน จนกระทั่งวันที่ 14 เม.ย.เป็นวันเกิดของลูกชาย มีทางเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่าเจอร่างลูกชายติดอยู่ภายในซากตึกพอดี โดยยอมรับว่าเสียใจ วันนี้จะพาลูกชายกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม ย่านบางยี่เรือ ก่อนจะนำกระดูกไปเก็บเอาไว้บ้านเกิด จ.ศรีสะเกษ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี