"สพฐ."เดินหน้าพาเด็กกลับสู่ระบบการศึกษา พร้อมกำชับสถานศึกษามีมาตรการปลอดภัยรับเปิดเทอม
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) มอบหมายให้ นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ.เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ.ครั้งที่ 15/2568 โดยนำข้อสั่งการของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุม เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ.ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. , นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. , นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. , นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
นายพัฒนะ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า วันนี้ที่ประชุมได้หารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ การขับเคลื่อนโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” (OBEC Zero Dropout) ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ., นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ.,และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยมีการขับเคลื่อนใน 4 มิติ ได้แก่ การป้องกัน การส่งต่อ การติดตามดูแล และการแก้ไข ซึ่งในส่วนของมิติการแก้ไข ได้มีการนำการเรียนไปให้น้องแล้ว 1,345 คน (ชั้นประถมฯ 233 คน ม.ต้น 765 คน ม.ปลาย 347 คน) และมีการส่งต่อแล้ว 793 คน (ชั้นประถมฯ 165 คน ม.ต้น 395 คน ม.ปลาย 233 คน) พร้อมกันนี้ ได้มีการอบรมสร้างความรู้ "ระบบสารสนเทศการนำการเรียนไปให้น้อง OBEC Zero Dropout" ให้แก่บุคลากรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 245 เขตทั่วประเทศ รวมถึงโรงเรียนในสังกัด จำนวน 5,000 กว่าโรง
ส่วนการดำเนินการต่อไป ได้เริ่มกิจกรรม "สงกรานต์นี้กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน" ใน 5 จุดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน - 9 พฤษภาคม 2568 ในลักษณะโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษา ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นด้วย 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ และเปิดรับสมัครเด็กเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาให้กลับมาเรียน จากนั้นจะมีการอบรม “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ online” 2 รุ่น ให้แก่โรงเรียนนำร่อง 939 โรงเรียน ในช่วงเดือนพฤษภาคม เพื่อกำกับ ติดตาม ให้ความรู้เรื่องรูปแบบการเรียน การสร้างสื่อสร้างสรรค์ และเมื่อเปิดภาคเรียนจะมีการติดตาม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดบทเรียน และหารูปแบบวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อให้การนำการเรียนไปให้น้องมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียนต่อไป
“อีกเรื่องที่เราให้ความสำคัญ คือมาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 โดย สพฐ.ได้กำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่ฯ และสถานศึกษาในสังกัด ให้มีมาตรการเตรียมความพร้อมใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของนักเรียน ตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านเข้าสู่ประตูรั้วโรงเรียนจนออกจากโรงเรียนเดินทางถึงบ้านพักนักเรียน 2.ด้านการเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกัน อาทิ กิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน 100% การสอนซ่อมเสริม/ชดเชย เสริมทักษะเพิ่มเติมให้กับนักเรียน กิจกรรมแนะแนว (Coaching) เป็นต้น 3.ด้านเครือข่ายและการสร้างความร่วมมือ โดยประสานเครือข่ายและสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับตำบล ชุมชน หมู่บ้าน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสถานศึกษา ทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามความจำเป็นและเหมาะสม 4.ด้านการจัดสนับสนุนค่าใช้จ่าย โดย สพฐ. ได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณฯ ในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว ทั้ง 5 รายการ ได้แก่ ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้นักเรียนได้ครบทุกคนก่อนเปิดภาคเรียน เพื่อช่วยลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง และ 5.ด้านแผนเผชิญเหตุ ต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุในสถานศึกษา รวม 3 ขั้นตอน คือ ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย รวมถึงการตรวจตราเฝ้าระวังสิ่งเสพติดต่างๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ไม่ให้เข้าถึงนักเรียนได้ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษา ให้นักเรียนและครู “เรียนดี มีความสุข” ในทุกพื้นที่ของประเทศ พร้อมรับการเปิดภาคเรียนใหม่ที่จะถึงนี้” รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี