‘ปานเทพ’นำพยานปากเอก‘อดีตข้าราชการ สตง.’มือไม้ผู้บริหารระดับสูง เข้าให้ข้อมูลสำคัญ‘ดีเอสไอ’ ปูดมี 1 ใน 6 คตง. เกี่ยวข้องไม่ใช่แค่ สตง.เท่านั้น หอบเอกสารบันทึกรายงานการประชุมปี 65 ถึงปัจจุบัน พร้อม‘คลิปเสียง’สนทนาระหว่างบุคคลสั่งการกับบริษัทควบคุมงานในช่วงการออกแบบ มีการพูดถึงผู้รับเหมาอย่างไรบ้าง วอนพี่น้องข้าราชการใน สตง.ช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริง กู้ภาพลักษณ์องค์กร
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 เมษายน 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วย นายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ หรือต้น อายุ 51 ปี อดีตข้าราชการ สตง. ในฐานะพยานสำคัญ เดินทางเข้ามอบพยานเอกสารและพยานวัตถุสำคัญแก่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยวกับกรณีที่โครงการก่อสร้างสำนัก งานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม
นายปานเทพ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีของตึก สตง. ถล่ม ตนมองว่าจะพิจารณาแบบแยกส่วนไม่ได้ เพราะจะเห็นได้ว่ามีการออกหมายจับเพียงแค่ประเด็นเดียว คือ นอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ นัมเบอร์ 10 (ประเทศ ไทย) จำกัด แต่ประเด็นอื่นที่เป็นสาระสำคัญแห่งคดี ที่ไปที่มาของตึกถล่ม จะพิจารณาจากเรื่องนอมินีเพียงอย่างเดียวไม่พอ
เรื่องนี้ตนมองว่าแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงการจากที่ปทุมธานีมาเช่าที่ดินของ รฟท. แล้วทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการออกแบบจากดั้งเดิมได้สูญเสียไปทั้งหมด และหลังจากพอได้ออก แบบแล้วก็เกิดปรากฏการณ์ที่มีการออกแบบแล้วก่อให้เกิดปัญหาตั้งแต่การออกแบบ วันนี้ชัดเจนว่าระดับราชบัณฑิตจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมโยธา ก็ชัดเจนว่ามีปัญหาการออกแบบแต่ต้น หรือที่กล่าวว่าการออกแบบมันไม่สมมาตรจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ซึ่งผู้เซ็นรับผิดชอบอยู่ในระดับผู้ที่มีใบอนุญาตวุฒิวิศวกรโยธา มีความอาวุโสทางด้านวิชาชีพ มีประสบการณ์มากที่สุด อายุ 85 ปี ไม่ได้ออกแบบมานานแล้ว แล้วใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนคิดว่ามันเกิดกระบวนการใหม่ คือ พยายามจะโยนความผิดไปให้ผู้ออกแบบคนเดียว แต่คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้ออก แบบคนเดียว หรือบริษัทกลุ่มเดียวเท่านั้น แต่อาจถูกยึดโยงไปเรื่องอื่นด้วย เนื่องจากกระบวนการหลังการออกแบบแล้วนั้น ในกระบวน การคัดเลือกเป็นไปด้วยความโปร่งใสหรือไม่ กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และการก่อสร้าง
นายปานเทพ เผยอีกว่า ระหว่างการก่อสร้างมีการแก้ไขแบบหลายครั้ง และบางครั้งสัมพันธ์กับเรื่องโครงสร้างด้วยและการอนุมัตินั้น มีการอนุมัติโดยมีบางคนระบุแล้วว่าเป็นวิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็นในบริษัทควบคุมงาน แล้วก็ยังมีผลต่อเนื่องว่าและได้รับการอนุมัติจากผู้ออกแบบหรือไม่ และที่สำคัญเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในส่วนของผู้แทน สตง.
นอกจากนี้ หลังการออกแบบเสร็จ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น วันนี้เกิดคำถามมากในการตั้งงบประมาณ ซึ่งหลายคนตรวจสอบหลายรายการ พบว่าเกินราคาตามสภาพราคาตลาด ไม่ต้องเถียงว่าตอนนั้น สตง.ไม่ได้พิจารณาส่วนลด เพราะเอาแค่ไม่มีส่วนลดก็เกินกว่าราคาตลาดหลายชิ้นงาน ดังนั้น ทั้งหมดนี้เป็นระบบใหญ่ที่ต้องพิจารณา ไม่ใช่โยนแพะให้คนใดคนหนึ่ง หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะมีส่วนร่วมกันหลายระบบหลายคน
นายปานเทพ เผยต่อว่า วันนี้ตนได้รับบันทึกรายงานการประชุมบางส่วน จะนำสำเนาบันทึกเหตุการณ์สำคัญในการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างนี้ให้กับดีเอสไอด้วย นอกจากนี้ ยังมีพยาน 1 ราย ที่เป็นอดีตข้าราชการ สตง. เป็นบุคคลซึ่งใกล้ชิดกับผู้บริหารในส่วนของสำนัก งานการตรวจเงินแผ่นดิน และคำว่าผู้บริหาร ตนไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่เกี่ยวข้องระดับสูง และถูกใช้งานให้ทำหลายอย่าง แต่วันนี้เขาถูกทอดทิ้ง จึงมีความคิดว่าอยากทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ในฐานะคนเป็นไม้มือให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ จึงมารายงานให้ตนทราบก่อนหน้านี้ที่บ้านพระอาทิตย์ และมอบพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งวิดีโอคลิป ทั้งเสียง และเขาได้มีการบันทึกเสียงตั้งแต่ปี 2565 เรื่อยมาจนครบถึงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก
นายปานเทพ กล่าวว่า ตนจึงคิดว่าเพื่อทำให้คุณค่าในสิ่งที่เขาเป็นพยานที่ใกล้ชิด เป็นไม้มือให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ก็ควรมาให้การในฐานะพยานให้ดีเอสไอ และดีเอสไอสนใจพยานปากนี้ เพราะเขารู้เห็นถึงกระบวนคนใกล้ชิดผู้บริหารว่าเดินเกมอย่างไร ไปวิ่งงานอย่างไรบ้าง เป็นต้น
นายปานเทพ เผยด้วยว่า ตอนนี้คนที่มาหาตนไม่ได้มีอดีตข้าราชการคนนี้เพียงคนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่เป็นทั้งข้าราชการในอดีตและในปัจจุบัน เขาห่วงใยภาพลักษณ์ความเสียหายของ สตง. จึงได้มีการทยอยส่งข้อมูลมาเยอะ ทำให้เราเห็นพฤติการณ์จากบันทึกรายงานการประชุม ตั้งแต่ครั้งการเปลี่ยนแปลงโครงการนี้ ที่มีการออกแบบเสร็จแล้ว จ่ายเงินเสร็จแล้ว และในยุคบางรายงานการประชุม อ้างเลยว่าไม่ต้องห่วงเรื่องค่าออกแบบใหม่ เพราะจะมีกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ออก แบบให้ แล้วกรรมการก็หลงเชื่อ แต่สุดท้ายก็ต้องไปจ้างผู้ออกแบบใหม่อยู่ดี ซึ่งมันผิดจากบันทึกราย งานการประชุมแต่เดิม ตนจะนำหลักฐานเหล่านี้ให้เห็นถึงพฤติ การณ์ของการเปลี่ยนแปลงของโครงการนี้นำไปสู่การออกแบบของผู้ออกแบบที่เต็มไปด้วยปัญหาทั้งหมด โดยบันทึกรายงานการประชุมตั้งแต่ช่วงปี 2565 ถึงยุคหลัง ตั้งแต่ยุคของพลเอกชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และยุคของนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม
“เหตุการณ์ทุจริตตั้งแต่การว่าจ้างออกแบบหรือไม่นั้น ตนเรียนว่า ตั้งแต่ยอมเสียค่าใช้จ่ายในการออกแบบให้สูญหายไปจากโครง การเดิมไปสู่การออกแบบใหม่ สถานที่ใหม่ ย้ายจากที่ดินที่พึงจะได้ กลายมาเป็นที่ดินที่ต้องเช่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และเรื่อยมาไปจนถึงวิธีการการออกแบบ การคัดเลือก จนเกิดคำถามมากมาย” นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ ระบุอีกว่า วันนี้จะเป็นบันทึกการประชุมเพียงบางส่วน แต่เอาแค่ช่วงเวลาสำคัญ ประมาณ 5-6 ครั้งที่เป็นเหตุการณ์สำคัญของเรื่องคดีนี้ แต่ว่าในวันศุกร์นี้ ตนจะทยอยเปิดในรายการ ส่วนเรื่องคลิปเสียง มันเป็นเรื่องระหว่างบุคคล และเราเห็นว่าเป็นประเด็นแห่งคดี คิดว่าจะใช้เฉพาะในคดีความเท่านั้น เพราะเป็นอันตรายต่อพยานด้วย ซึ่งเป็นคลิปเสียงระหว่างคนหลายหลายคน โดยเฉพาะพยานอดีตข้าราชการรายนี้ ที่มีการบันทึกเทปการโทรศัพท์ตั้งแต่ปี 2565 บันทึกเทปไว้หมด ในการพูดคุยกับคนจำนวนมาก การสั่งการจากใคร การพูดคุยกับใคร รวมถึงการสนทนาในช่วงหลังด้วยว่าบริษัทควบคุมงานคิดอะไร ทำอะไร พูดว่าอะไร ในช่วงการออกแบบมีการพูดถึงผู้รับเหมาอย่างไร วันนี้มีคลิปเสียงสนทนาเยอะมาก เพราะมีการอัดไว้ตลอดตลอดเวลา ต้องถอดเทปออกมาต้องคัดเลือก แต่อันไหนสำคัญก็ต้องมอบให้ดีเอสไอ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้บริหารไม่ได้มีเพียงแค่ส่วน สตง. แต่มีในส่วนของ คตง.ด้วย โดยเฉพาะหน้าห้อง คตง. ที่เป็นตำรวจ
ด้านนายณรัฐนันทน์ กล่าวว่า ที่ตนมาวันนี้ เพราะตนเคยใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ใน สตง. ที่เป็นผู้บริหาร และตนเคยทำงานรับใช้ในหลายๆเรื่อง ล่วงรู้ถึงพฤติ การณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตของการดำเนินการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ที่เกิดเหตุถล่ม นอกจากนี้รายละเอียดพยานหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ ตนได้มอบให้อาจารย์ปานเทพและบ้านพระอาทิตย์ไปแล้ว อีกทั้งที่ตนมาเพราะอยากมาให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคมโดยส่วนรวมกับดีเอสไอ แต่ขอไม่ลงลึกถึงรายละเอียด เพราะจะอยู่ในสำนวน
ทั้งนี้ ตนขอให้พี่น้องข้าราชการ สตง. ที่ทราบเรื่องเพราะ สตง. ยังมีคนดี คนที่ไม่ได้มีส่วนร่วม ยังมีข้าราชการที่ดีให้ช่วยออกมาเยอะๆ มาเผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ท่านทราบ เช่น ทำไมราคากลางมันถึงแพง เกิดอะไรขึ้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร ให้เห็นว่า สตง.ยังมีคนดี
นายณรัฐนันทน์ กล่าวอีกว่า ส่วนพฤติการณ์ใดที่ส่อไปในทางทุจริตนั้น รายละเอียดตรงนี้ตนได้ให้อาจารย์ปานเทพไปแล้ว ตนขออนุญาตไม่กล่าวถึง แต่ว่าคร่าว ๆ คือ ตนถูกใช้งานให้ไปทำหลายอย่างที่ส่อไปในทางทุจริต เช่น ตนมองว่าอาจเป็นเรื่องของความไม่ชอบธรรมความไม่สุจริตโปร่งใส เป็นต้น ซึ่งไม่มีเรื่องเงิน แต่ตนได้รับทราบข้อเท็จจริงตั้งแต่กระบวน การคัดเลือกผู้ออกแบบ การคัดเลือกผู้รับจ้างก่อสร้าง การคัดเลือกผู้ควบคุมงาน มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่ ส่วนมันจะมีการฮั้วกันตั้งแต่สร้างตึก สตง.แห่งใหม่หรือไม่นั้น ข้อมูลตนมีแบบนี้ ส่วนข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่าง ๆ ขอให้ดีเอสไอไปพิจารณาอีกครั้ง แต่ตนยืนยันว่าตนรู้และเชื่อว่ามันเกิดกระบวนการแบบนี้จริง ๆ
นายณรัฐนันทน์ กล่าวต่อว่า ส่วนมีกรณีใดที่ส่อไปในทางทุจริตที่ตนได้ไปดำเนินเรื่องเอง หรือถูกให้ไปดำเนินเรื่องหรือไม่นั้น ยอมรับว่ามีหลายเรื่องที่ตนได้ไปดำเนินการเอง ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริต โดยมันมีหลายเรื่องที่ตนอยู่ในเหตุการณ์เลยได้ล่วงรู้ ได้ยินได้ฟังกับตัวเอง ส่วนเรื่องหลักฐานคลิปวิดีโอ หากได้ฟังมันบ่งบอกถึงความไม่สุจริตเกิดขึ้น ฟังโดยสามัญชนทั่วไปจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันเป็นการพูดคุยระหว่างบุคคลกับบุคคล
ทั้งนี้ ตนทำงานที่ สตง.มานาน 18 ปี ได้เห็นความไม่ชอบมาพากลปี 2563 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยความเป็นข้าราชการ บางครั้งในระบบราชการเรามีผู้บังคับบัญชา อีกทั้งเราก็ห่วงความปลอดภัย ความก้าวหน้าทางอาชีพข้าราชการ แต่ในวันนี้ตนเห็นสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นแล้ว ตนมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ มีคนเสียชีวิต คนเหล่านั้นควรได้รับความยุติธรรม ผู้บริหารหรือใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะมีส่วนรับผิดชอบ ตนจึงเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ที่เราควรจะเปิดเผยข้อเท็จจริงให้สาธารณะชนสังคมรับทราบ
“ผมได้ออกจาก สตง.มาตั้งแต่เดือน ก.ย.2567 ส่วนสาเหตุที่ออกไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องตึก สตง. แห่งใหม่ถล่ม และไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่เป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมมองว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะอาจไปรู้ความลับมากเกินไป และผมก็อยู่ระหว่างการอุทธรณ์สำนวนคดีแล้ว จึงไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนรวม” นายณรัฐนันทน์ ระบุ
เมื่อถามว่าเคยเอาเรื่องการทุจริตไปบอกกล่าวกับผู้บริหาร สตง.มาก่อนหรือไม่นั้น นายณรัฐนันทน์ ระบุว่า สำหรับเรื่องตึกที่ถล่ม ตนเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย ตนไม่เคยเสนอผู้บริหาร แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าท่านทราบอยู่แล้วว่าท่านทำอะไรกันไว้ มันเกิดอะไรขึ้น เพราะมันอยู่ในอำนาจท่าน ตนเป็นเพียงเป็นข้าราชการคงไม่กล้าไปนำเสนอท่าน แต่ว่าวันนี้ตนไว้ใจอาจารย์ปานเทพและบ้านพระ อาทิตย์ ตนเห็นว่ามีผู้เสียชีวิตและอยากให้เรื่องราวถูกตีแผ่ไม่อยากให้ถูกซุกไว้ใต้พรมอีกแล้ว
นายณรัฐนันทน์ ระบุอีกว่า ส่วนจำนวนผู้บริหารชั้นผู้ใหญ่ที่รู้เห็นพฤติการณ์ไม่ชอบมาพากล น่าจะประมาณกี่คนนั้น ในมุมมองของตนไม่ต่ำกว่า 10 ท่าน และตนขออนุญาตกล่าวว่าสัญญาจ้างผู้ออกแบบ สัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง สัญญาจ้างผู้ควบคุมงาน ที่ สตง.เป็นผู้ว่าจ้าง ลงนามโดย นายประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นอกจากนี้ หลักฐานในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้บริหารในอดีตหรือปัจจุบัน ตนขอแจงว่าในชุดผู้บริหารปัจจุบัน ท่านผู้บริหารก็ยังมีอำนาจอยู่ พร้อมยอมรับว่ากังวลเรื่องของความปลอดภัยที่ออกมาพูดในวันนี้ แต่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ควรพูดและนำเสนอ ถ้าเราไม่ออกมาทำเพื่อสังคมบ้าง สิ่งต่างๆเหล่านี้หากตึกไม่ถล่มก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในองค์กร สตง.
“ผมขออนุญาตให้ความเป็นธรรมต่อคำถามของนักข่าวเรื่องที่มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) ที่ถามว่ามีผู้บริหารของ คตง.ในส่วนข้อมูลของผม ปัจจุบันเรามี คตง. 6 ท่าน ซึ่งข้อมูลของผมต้องให้ความเป็นธรรมกับคตง.อีก 5 ราย เพราะ 5 รายนี้ ผมไม่เคยได้ข้อมูลว่าท่านเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร แต่มี 1 ท่าน ที่ผมรับใช้ใกล้ชิด” นายณรัฐนันทน์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี