อุบัติเหตุบนท้องถนน เจตนาหรือประมาท
สำหรับกรณีข่าวเกี่ยวกับเหตุบนท้องถนนที่น่าติดตามในช่วงนี้คงไม่พ้นกรณีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ สท ในพื้นที่หนึ่ง ขับขี่รถปาดหน้ารถคู่กรณี จนก่อให้เกิดความบาดเจ็บทางร่างกายและเสียหายทางทรัพย์สิน
จากภาพข่าวและคลิปวีดีโอหลายคนคงได้เห็นละเอียดเกี่ยวกับ ลักษณะการชวนรวมถึงที่มาแล้ว ปัญหาในทางกฎหมายคือกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาท หรือเจตนา
ในกรณีดังกล่าวถ้าเป็นในคดีแพ่ง จะมีบัญญัติไว้นะครับมีกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 คือ ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ซึ่งเมื่อก่อนมีดังกล่าวถูกบัญญัติการกระทำ 2 กรณีไว้ในมาตราเดียวกันคือกรณีจงใจ หรือใช้คำที่เข้าใจง่ายคือลักษณะการกระทำที่ตั้งใจนั่นเอง ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือลักษณะประมาทนั่นเอง
ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวเป็นกรณีความรับผิดในทางแพ่ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายไปถึงเรื่องทรัพย์สินของผู้กระทำละเมิด รวมถึงบุคคลที่ต้องร่วมรับผิดในทางแพ่ง อาทิเช่นบริษัทประกันภัย รวมถึงนายจ้างถ้ามี
ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือความรับผิดในทางอาญา มีบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญา แยกมาตราดังต่อไปนี้
กรณีประมาท
มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับ อันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับกรณีเจตนา
มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
อันตรายสาหัสนั้น คือ
(1) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท
(2) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
(3) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
(4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
(5) แท้งลูก
(6) จิตพิการอย่างติดตัว
(7) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
(8) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน
ซึ่งกรณีจะตีความข้อเท็จจริงเป็นลักษณะของการกระทำโดยประมาทนั้น ได้มีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วางหลักไว้ว่า กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
ส่วนการกระทำโดยเจตนานั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วางหลักไว้ว่า กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
เมื่อดูจากตัวบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแล้ว การหักพวงมาลัยบังคับรถกะทันหัน ในลักษณะที่ทำให้ชนกับรถคันอื่นโดยไม่มีเหตุผลในการหักพวงมาลัยที่เข้ามาแทรกแซงเช่น ทางโค้ง ถนนลื่น หรือหักหลบรถหรือวัตถุอื่นแล้ว ผู้อ่านแม้ไม่ใช่นักกฎหมายคงจะสามารถตีความหรือวินิจฉัยการกระทำดังกล่าวได้โดยไม่ยากว่าการกระทำโดยเจตนาหรือประมาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี