ตำรวจบก.ปอศ.เปิดปฏิบัติการ‘Crypto Phantom’ กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลผิดกฎหมาย พบมีเงินหมุนเวียนกว่า1.4หมื่นล้านบาท เชื่อมโยงคดีอาชญากรรมยึดของกลางหลายรายการ
เมื่อวันที่ 24 เมษายน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.มอบหมายให้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. ว่าที่ พ.ต.อ.ภาสกร นภาโชติ ผกก.1 บก.ปทส.ปฏิบัติราชการ บก.ปอศ.พ.ต.ท.ประภาส วังงาม พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล พ.ต.ต.รัฐชิน เจริญรัมย์ สว.กก.3 บก.ปอศ.พร้อมคณะ แถลงผลปฏิบัติการ“Crypto Phantom เปิดหน้ากากร้านแลกเหรียญเถื่อน” ต้นตออาชญากรรม คดีอุ้มปล้นเรียกค่าไถ่และฟอกเงิน โดยพบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 14,000ล้านบาท
พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าวว่า การปฏิบัติการดังกล่าว เนื่องจากชุดสืบสวน กก.3 บก.ปอศ.สืบทราบว่าในพื้นที่ กทม.พื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต มีร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราแอบแฝงการให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท USD Tether (USDT) แบบ “ชน มือ” ซึ่งก็คือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่ได้ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย โดยการให้บริการลักษณะดังกล่าว มีเป้าหมายชัดเจนในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงมีการนำเงินที่ได้ไปหมุนเวียนในธุรกิจผิดกฎหมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเครือข่ายค้ายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีธุรกรรมมากกว่า 1,000 รายการ เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม มีเงินหมุนเวียนรวมสูงถึง 425,104,595 USDT หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท
ต่อมา ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปอศ.จึงเปิดปฏิบัติการ‘Crypto Phantom’เข้าตรวจค้นเป้าหมาย8จุดในพื้นที่ กทม.พื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย 1.อาคารพานิชย์ ในพื้นที่ หมู่ 10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต 2.บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล แห่งหนึ่งในพื้นที่ถนนป่าสัก-โคกโตนด ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 3.บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล แห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 เชิงทะเล อ.ถลางจ.ภูเก็ต 4.อาคารพานิชย์แห่งหนึ่ง ห้องเลขที่ 5และ 7 ถนนผังเมืองสาย ก.พื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต5.บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล แห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี6.บ้านในพื้นที่ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กทม.7.บ้านในพื้นที่ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กทม.และ 8.บ้านในพื้นที่ถนนพระราม 2 ซอย 62 แยก 1-1-2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
ทั้งนี้ พบว่าเป้าหมายลูกค้ารับแลกสินทรัพย์ดิจิทัล คือบรรดาชาวต่างชาติทั้งชาวรัสเซียหรือชาวจีนรวมทั้งชาติอื่นๆ นำเงินมาแลกเปลี่ยนผ่านร้านดังกล่าว โดยพบผู้กระทำผิดที่ให้บริการแลกเปลี่ยนผิดกฎหมายและอยู่ระหว่างการดำเนินคดี 5 ราย ซึ่งเป็นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เข้าข่ายความผิดตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมตรวจ ยึดของกลางที่เกี่ยวข้องอาทิ คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง, บัญชีธนาคาร 4 เล่ม, Hardware Wallet 1 เครื่อง, เหรียญที่ระลึก 149 เหรียญ และเอกสารธุรกรรมจำนวนมาก
สำหรับพฤติการณ์ของเครือข่ายนี้มีลักษณะเป็นการเปิด “โต๊ะแลกคริปโตฯ” ให้ลูกค้าชาวต่างชาติใช้เงินบาทแลกเหรียญดิจิทัล หรือแลก USDT กลับเป็นเงินบาท แบบไม่ผ่านระบบ Exchange ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งนำไปสู่การฟอกเงินในต่างประเทศผ่านกระเป๋าเงิดิจิทัลและ Exchange ต่างชาติ ก่อนกระจายเงินเข้าสู่กลุ่มมิจฉาชีพ โดยการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะ “ชนมือ” หรือการนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยน เหรียญดิจิทัลกับเงินสด นอกสถานที่และนอกระบบที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งในด้านความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และการมีส่วนร่วมใน ธุรกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ และหากพบว่ามีการดำเนินการดังกล่าวโดยบุคคลทั่วไป หรือแม้แต่ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบ กิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่มีการแอบให้บริการแลกเปลี่ยน สินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจ บก.ปอศ.ฝากแจ้งเตือนประชาชนให้เลือกใช้บริการผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามนโยบายของรัฐบาล และผู้ประกอบการธุรกิจแลกเปลี่ยนสินค้าดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.ถือเป็นแหล่งฟอกเงินชั้นดีของแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติและก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี