ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัย สวมรอยเป็นกรรมการบริษัท ออกใบกำกับภาษีปลอมกว่า 4,000 กว่าฉบับ รัฐเสียหายกว่า 493 ล้านบาท”
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.และ พ.ต.ท.ชวพล เชื้อเพ็ชร์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.นพคุณ ทัศนมาลัย สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ปอศ.
ผู้ต้องหาชื่อ นายเอกพลฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ จ.267/2567 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก” เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร” สถานที่จับกุม บริเวณแถวชุมชนริมคลองลาดพร้าว 80 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ บริษัทแห่งนี้ประกอบกิจการผลิตกระดาษลอนลูกฟูก และกระดาษแข็ง และจำหน่ายกล่องกระดาษ รับซื้อ ขายเศษกระดาษรีไซเคิล ต่อมาในช่วงเดือนภาษีมกราคม 2557 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2558 เจ้าพนักงานกรมสรรพากรพบว่าบริษัทดังกล่าวปิดลง ไม่ได้ประกอบกิจการ และไม่มีป้ายชื่อบริษัทฯ เจ้าพนักงานจึงเชิญนายเอกพลฯ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทฯ ดังกล่าวมาพบ แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย กลับไม่มีผู้ใดมาพบและไม่นำส่งเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์เกี่ยวกับ การประกอบกิจการ และการออกใบกำกับภาษีโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง
จากการสืบสวนและตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า บริษัทฯ ดังกล่าวได้นำใบกำกับภาษี ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของกลุ่มผู้ค้าของเก่า เศษโลหะ อลูมิเนียม ทองแดง มาใช้เป็
ภาษีซื้อ และบริษัทฯ ไม่มาพบเจ้าพนักงานฯ เพื่อพิสูจน์การได้มาซึ่งใบกำกับภาษี จึงถือว่าบริษัทฯ ไม่มีสินค้าเพื่อขาย แต่พบว่า บริษัทฯ ได้ออกใบกำกับภาษีขายสำหรับเดือนภาษีมีนาคม 2557 ถึงเดือนภาษีธันวาคม 2557 ให้แก่นิติบุคคลรวมจำนวน 128 ราย รวมใบกำกับภาษีจำนวน 4,441 ฉบับ ซึ่งการออกใบกำกับภาษีดังกล่าว เป็นใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้ประเมินภาษี มูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 493 ล้านบาท จึงเชื่อได้ว่าบริษัทดังกล่าว ได้ออกใบกำกับภาษีให้กับนิติบุคคลจำนวน 128 ราย โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการจริง ซึ่งเป็นการ ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ได้อออกหมายเรียกเพื่อติดต่อตัวกรรมการมาทราบข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่มีผู้ใดมาพบพนักงานสอบสวนตามที่ออกหมายเรียกไป จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุญาตศาลเพื่อออกหมายจับ นำตัวกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังจากที่ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวน ติดตามตัวผู้ต้องหาจนสืบทราบว่า นายเอกพลฯ ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาอยู่ในบริเวณที่จับกุมฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว และในวันเวลาที่จับกุม ขณะที่ผู้ต้องหากำลังเดินออกมา จากบ้านพักภายในชุมชนดังกล่าว จึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจสอบดูและพบว่าเป็นผู้ต้องหา
ตามหมายจับจริง จึงดำเนินการจับกุมบริเวณดังกล่าว และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่าตน ไม่รู้จักบริษัท เอส.พี เปเปอร์ แอนด์ รีไซเคิล จำกัด และไม่เคยเป็นกรรมการบริษัทใด ๆ มาก่อน โดยให้การเพียงว่า เดิมตนเองอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี แต่ไม่มีงานทำจึงได้เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ต่อมามีชาย ซึ่งจำชื่อสกุลจริงไม่ได้ ให้ข้อเสนอว่าจะหางานให้ทำโดยมีการให้กรอกเอกสารสมัครงานเพื่อทำงานเป็นพนักงาน รักษาความปลอดภัยพร้อมทั้งขอบัตรประจำตัวประชาชนไปเก็บไว้ในครอบครอง เพื่อดำเนินการในเรื่อง การสมัครงานให้ ซึ่งผู้ต้องหาได้มอบบัตรประชาชนไว้ให้ และละเลยไม่ใส่ใจว่าจะมีการนำมาใช้ในการกระทำ ความผิดดังกล่าว
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ป้องกันปราบปรามและ จับกุมผู้กระทำความผิด รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจ ที่ได้ดำเนินการหลีกเลี่ยงภาษีอากร โดยฉ้อโกง หรือใช้กลอุบาย ทำให้รัฐเกิดความเสียหาย ซึ่งถือว่าเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากร
ทั้งนี้ขอฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชน ห้ามขาย หรือ ให้บัตรประชาชน หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ แก่ผู้อื่นโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์เด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัวและอาจถูกนำข้อมูลในบัตร ประชาชนไปสวมรอยจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลได้โดยไม่รู้ตัว เพราะในการเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจ หากไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความโปร่งใส ก็อาจมีแนวโน้มที่นิติบุคคลรายนั้นจะประกอบธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ประกอบกับมีเจตนาที่จะจัดตั้งธุรกิจขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี