นอภ.ทองผาภูมิ นำทีมล่ากระบะซุกแรงงานเถื่อนระทึกกลางดึก ก่อนคนขับทิ้งรถวิ่งหลบหนีสุดท้ายไม่รอด พบแรงงานอัดเต็มคัน
28 เมษายน 2568 เมื่อเวลา 23.00 น.ของคืนวันที่ 27 เมษายน นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ด้วยการใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะ ขับมาจากชายแดนด้าน อ.สังขละบุรี ไปตามถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลขสาย 323 เพื่อเข้าเขตพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ
หลังรับแจ้งนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จึงนำสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอทองผาภูมิ ที่ 9 ร่วมกับกำนันตำบลห้วยเขย่ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่1 ต.ห้วยเขย่ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน รวมถึงสารวัตรกำนันตำบลห้วยเขย่ง สนธิกำลังออกติดตาม พร้อมประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ และเจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่ 135 บูรณาการร่วมกัน
จนกระทั้งเวลา 24.00 น.ต่อเนื่องมาถึงเช้าวันใหม่(28 เม.ย.)เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัยลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้งขับออกมาจากป่าริมทางท้องที่บ้านประจำไม้ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จำนวน 3 คัน เจ้าหน้าที่จึงขับรถยนต์ติดตามไป ระหว่างติดตามรถยนต์ 1 คันได้หายไปโดยไม่ทราบทิศทาง ยังคงเหลือรถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน ขับอยู่ด้านหน้ารถยนต์ของเจ้าหน้าที่ โดยมีรถยนต์เก๋งของผู้ร่วมขบวนการขับนำหน้า
เมื่อไปถึงทางโค้งรถยนต์เก๋งได้ได้กระพริบไฟให้คนขับรถยนต์กระบะเร่งเครื่องแซง จากนั้นรถยนต์เก๋งได้ขับปิดหน้ารถยนต์ของเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้แซงไปได้ จนกระทั้งไปถึงท้องที่บ้านอู่ล่อง ต.ท่าขนุน รถยนต์เก๋งได้เร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ได้พยายามวิทยุให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันสกัดแต่ก็ไม่สามารถติดตามรถยนต์เก๋งได้ทัน
แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงไล่ล่ารถยนต์กระบะไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งไปถึงรีสอร์ทแห่งหนึ่งคนขับได้เลี้ยวเข้าไปจอดทิ้งรถเอาไว้แล้วเปิดประตูวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังไล่ติดตามเพื่อค้นหา ผลปรากฏพบคนขับหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณพร้อมแสดงตัวเข้าจับกุมเอาไว้ได้ ทราบชื่อคือนายหม่อง บูน (ไม่มีนามสกุล)ชาวเมียนมา อายุ 32 ปี
จากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะคันดังกล่าว พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งแออัดกันมาเต็มห้องโดยสาร ส่วนกระบะท้ายใช้ผ้าใบคิ้วตีนตุ๊กแกอย่างหนาปิดคลุมเอาไว้ เมื่อเปิดออกมาพบกระเป๋าสัมภาระประมาณ 20 ใบ ที่สำคัญมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา4คน นอนหลบซ่อนตัวอยู่ด้วย จากสภาพพบ 1 ในนั้นหายใจแทบไม่ออก เนื่องจากผ้าใบค่อนข้างหนาและไม่มีช่องลมที่พอจะหายใจได้ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นสภาพจึงรีบให้แรงงานชายดังกล่าวลงมาจากตัวรถเพื่อจะได้หายใจคล่องขึ้น สำหรับแรงงานที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด จำนวน 20 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 8 คน
จากการสอบถาม 1 ในแรงงานที่พูดไทยได้ให้หารว่า พวกตนหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติด้านบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จากนั้นมีผู้นำพาเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อหลบด่านตรวจ จากนั้นสลับด้วยการเดินเท้าและนั่งรถยนต์กว่าจะถึงจุดนัดหมายบริเวณชายป่าในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิต้องใช้เวลานานถึง 4 วัน
โดยทุกคนต้องการเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าคนละ 15,000 บาท ระหว่างขึ้นรถเดินทางไปยังจุดหมายก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน หลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะดำเนินคดีกับนายหม่อง บูน คนขับในข้อกล่าวหา “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือ ด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการถูกจับกุม”และเนื่องจากนายหม่อง บูน เป็นบุคคลต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย มีบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 00 ทางฝ่ายปกครองที่ออกบัตรให้จะได้พิจารณาเพิกถอนบัตรในภายหลัง
ส่วนแรงงานทั้ง 20 คน ถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ในข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ จะได้ขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีไปได้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี