‘หมอยง’แนะผู้ปกครองเตรียมลูกหลาน รับมือ‘6โรคทางเดินหายใจ’ก่อน‘เปิดเทอม’
28 เมษายน 2568 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “การเตรียมลูกไปโรงเรียน ก่อนเปิดเทอม” ระบุว่า...
การเตรียมลูกไปโรงเรียน ก่อนเปิดเทอม
ใกล้จะเปิดเทอมปีใหม่แล้ว เมื่อเด็กเปิดเทอม จะมีการรวมกลุ่มกันมากของเด็กนักเรียน การแพร่กระจายของโรค โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ เกิดได้ง่ายขึ้น จึงมีความสำคัญในการเตรียมลูก ก่อนเปิดเทอม
+ โรคโควิด 19 ขณะนี้ถือว่าจบแล้ว โรคได้เปลี่ยนเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง โอกาสที่ติดต่อกันในเด็กนักเรียน โดยเฉพาะในฤดูฝน จะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก การปฏิบัติตนจึงเหมือนกับโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเน้นเรื่องการล้างมือ ทำความสะอาดมือตามขั้นตอนต่างๆ ที่เคยปฏิบัติกันมา เด็กปกติไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย จะใส่หน้ากากอนามัยในเด็กป่วยโรคทางเดินหายใจ หรือเพิ่งหายป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค เด็กส่วนใหญ่มีภูมิจากการที่เคยติดเชื้อหรือวัคซีนมาแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเพิ่มเติมอีก
โรคทุกโรคป้องกันได้ควรจะได้รับการป้องกัน วัคซีน เป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันโรค ผู้ปกครองควรตรวจสอบ สมุดวัคซีนว่าได้ครบตามเกณฑ์หรือไม่ หรือปรึกษาแพทย์ที่ดูแลประจำว่าควรฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด
วัคซีนคอตีบ ไอ้กรน บาดทะยัก และโปลิโอส่วนใหญ่จะให้กันในวัยเด็ก และเข็มสุดท้ายที่ให้ส่วนใหญ่จะเป็น 4-6 ขวบ ดังนั้นโดยทั่วไปจะแนะนำให้ให้วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดเด็กโตหรือผู้ใหญ่ทุก 10 ปี โดยเฉพาะอายุที่ลงท้ายด้วยเลข 0 ดังนั้นเด็กในช่วง 10-12 ปีควรจะได้รับการกระตุ้นอีก 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโดยเฉพาะต่อ ไอกรน ที่อาจจะมีการระบาดที่โรงเรียนได้
+ ไข้หวัดใหญ่ เป็นอีกโรคหนึ่งที่จะระบาดมาก ในเด็กนักเรียน โดยเฉพาะในเทอมแรก ดังนั้นก่อนเปิดเทอมเด็กนักเรียน ควรจะได้รับวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ได้สูงนัก แต่สามารถลดความรุนแรงของโรค และวัคซีนราคาไม่แพงมาก รวมทั้งอาการข้างเคียงต่ำ
+ ในเด็กหญิงโดยเฉพาะ ป.5 ทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการให้วัคซีน ไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในอนาคต
+ โรคสุกใส จะระบาดในเด็กนักเรียนได้โดยเฉพาะฤดูหนาว ถ้ามีความเป็นไปได้ (เพราะจะต้องเสียเงินเอง) ก็ควรจะได้รับวัคซีนให้ครบ โดยวัคซีนนี้จะต้องให้ 2 ครั้ง
+ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือโรคหัด ผู้ปกครองทุกคนควรตรวจสอบว่าเด็กได้รับวัคซีน หัด หัดเยอรมัน และคางทูม มาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ถ้าได้รับเพียงครั้งเดียว ก็ขอให้กระตุ้นอีก 1 ครั้ง
+ โรค RSV ถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อย เป็นแล้วเป็นอีกได้ บางคนเป็นเกือบทุกปี ในเด็กแข็งแรงที่เข้าสู่ชั้นอนุบาลแล้ว ถือว่าโตพอแล้ว ไม่มีวัคซีนในขณะนี้ ถึงแม้จะมีภูมิต้านทานชนิดฉีด ในเด็กที่แข็งแรงที่จะเข้าโรงเรียน ก็ไม่มีความจำเป็น
ผมเองเชื่อมั่นว่า ถ้าทางโรงเรียนและผู้ปกครอง ได้ช่วยกันตรวจสอบ การให้วัคซีนในการป้องกัน อย่างน้อยวัคซีนพื้นฐาน ก็จะเป็นการลดการระบาดของโรคสำคัญต่างๆลงได้ และการเรียนของบุตรหลานก็จะได้ราบรื่น ไม่ต้องมีการปิดโรงเรียนเพราะโรคระบาด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี