โจรใต้เหียม!
ยิงอส.ยะลาจุดไฟเผารถ-ร่าง
ลอบบึ้ม!ตชด.พลีชีพ2
ปัตตานียิงอส.ดับ1เจ็บ1
‘อ้วน’สั่งปรับแผนเชิงรุก
ต้องคุยผู้นำBRNตัวจริง
โจรป่วนใต้ อย่างต่อเนื่อง ก่อเหตุ 2 จว. ยิงถล่มรถ อส.ชุดคุ้มครอง ต.เขาตูม จ.ปัตตานี ดับ 1 เจ็บ 1 อีกราย คนร้ายดักซุ่มยิง อส.บันนังสตา จ.ยะลา ซ้ำเผารถ-ร่างอย่างโหดเหี้ยม ส่วนที่ อ.ธารโต คนร้ายบึ้ม ตชด.พลีชีพ 2 เจ็บ 1
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงกลางดึกวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ร.ต.ท.กฤษกร พู่พงษ์ไทย รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันภายในซอย
ทางเข้าบ้านเลขที่ 2/15 ต.เขาตูม อ.ยะรัง มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนประสานกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ เข้าตรวจสอบเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วฤทธิ์ เจ๊ะโด ผกก.สภ.ยะรัง โดยพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียนจังหวัดสงขลา จอดอยู่ริมถนนหน้าบ้านหลังดังกล่าว สภาพถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม ประตูและกระจกด้านคนขับพังเสียหาย
โจรใต้ยิงถล่มอส.พลีชีพ1เจ็บ1
จากการตรวจสอบภายในรถ พบผู้เสียชีวิตคาพวงมาลัยรถ ทราบชื่อคือ อส.อุสมา จิใจ อายุ 30 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธสงครามเข้าที่ศีรษะและลำตัวหลายนัด นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งไปรักษาที่ รพ.ศูนย์ยะลา ทราบชื่อคือ อส.มูฮัมหมัดซอดิ เกะรา อายุ 32 ปี โดยถูกยิงบริเวณขาซ้าย 1 นัด อาการปลอดภัย ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนตกเกลื่อนถนนกว่า 20 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พบดักซุ่มรอก่อนลงมือก่อเหตุ
สอบสวนทราบว่า ทั้งสองเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ยะรัง ประจำอยู่ที่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครอง ต.โสร่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร โดยก่อนเกิดเหตุ ภรรยาของ อส.มูฮัมหมัดซอดิ ได้โทรศัพท์แจ้งว่าลูกไม่สบาย ให้กลับบ้านเพื่อพาไป รพ.เมื่อเห็นว่า อส.อุสมา กำลังจะขับรถออกไปข้างนอก ทาง อส.มูฮัมหมัดซอดิ จึงขอให้ช่วยขับรถไปส่งที่บ้าน จากนั้นทั้งสอง จึงออกจากฐาน จนเมื่อขับรถมาถึงหน้าบ้านดังกล่าว ปรากฏว่าได้มีคนร้าย ไม่ทราบจำนวน ดักซุ่มรออยู่ในป่า ก่อนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่ ซึ่งระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ อส.ที่อยู่ในฐาน ได้ยินเสียงปืน จึงรีบวิ่งมาช่วยเหลือ พร้อมกับยิงตอบโต้คนร้าย จนคนร้ายล่าถอยเข้าป่าไป ก่อนจะพบว่า อส.อุสมา ถูกยิงเสียชีวิต และ อส.มูฮัมหมัดซอดิ ได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับที่เกิดเหตุพบว่าเป็นซอยตัน ด้านหน้าเป็นภูเขาสูง เชื่อว่าคนร้ายมีจำนวนหลายคน อาจจะเดินเท้าลงมาจากภูเขา เพราะไม่พบรอยล้อจักรยานยนต์ หรือยานพาหนะ คาดว่าคนร้ายน่าจะมาซุ่มรออยู่ในป่า ก่อนจะสบโอกาสลงมือก่อเหตุ ที่บริเวณบ้านพักของ อส.มูฮัมหมัดซอดิ
จนท.ปิดล้อมค้นรัศมี500เมตร
ต่อมาเวลา 09.30 น.กำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้าเคลียร์พื้นที่ โดยมีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และปลอกกระสุนปืน เพื่อหาดีเอ็นเอ ก่อนจะเร่งสืบสวนติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มาดำเนินคดี ด้าน พ.ต.อ วฤทธิ์ เจ๊ะโด ผกก.สภ.ยะรัง พ.อ.อุเทน จีนทองหลาง ผบ.ทพ.20 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกันปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุในรัศมี 500 เมตร และเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายมีความชำนาญในพื้นที่ และอาจจะมีแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบคอยให้ความช่วยเหลือ จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธสงคราม
เร่งหาความเชื่อมโยงเหตุรุนแรง
สำหรับอาวุธปืนที่ถูกใช้ในการก่อเหตุจะมีการตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีหรือเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีการวางแผนและเลือกเป้าหมายไว้ล่วงหน้า เนื่องจากแหล่งข่าวมีการแจ้งว่าคนร้ายจะเลือกลงมือก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงลอบวางระเบิดโจมตีฐานปฏิบัติการ แม้ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงจะมีการวางกำลังอย่างเข้มงวด โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ซึ่งพยายามแสดงศักยภาพในการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบรายวัน
โหดเหี้ยม!ยิงอส.ดับเผารถ-ร่าง
ที่ จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 00.40 น.วันเดียวกัน คนร้ายได้ก่อเหตุใช้อาวุธสงคราม ยิงใส่ อส.ธีรวุฒิ พุทธรัตน์ อายุ 34 ปี ในขณะที่ออกมาซื้อของที่ร้านชำ ริมถนนสาย 410 ยะลา-บันนังสตา ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ห่างจากฐานปฏิบัติการ อส.ประมาณ 300 เมตร จนเสียชีวิต ก่อนจะจุดไฟเผารถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟท์ และร่างของ อส.ธีรวุฒิ อย่างโหดเหี้ยม
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ธีรวุฒิ ได้ขับรถยนต์ออกจากฐานปฏิบัติการ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 บ้านตะบิงติงงี ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา ตรงข้ามโรงเรียนบ้านตะบิงติงงี เพื่อซื้อของที่ร้านขายของชำ โดยระหว่างที่ผู้เสียชีวิตลงจากรถ ได้ถูกคนร้ายที่คาดว่าน่าจะซุ่มอยู่ในป่ารก ฝั่งตรงข้ามร้านดังกล่าว ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงใส่หลายนัด พบร่องรอยกระสุนบริเวณประตูรถยนต์ด้านหลังคนขับ จากนั้นคนร้าย ได้ลงมือจุดไฟเผารถยนต์และร่างผู้เสียชีวิตทันที นอกจากนี้มีรายงานว่าในขณะเกิดเหตุ ยังได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 2 จุด ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพยายามของคนร้ายในการยิงสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ออกจากฐาน เข้ามาช่วยเหลือ อส.ที่ประสบเหตุ
ปิดกั้นพื้นที่เก็บหลักฐานคนร้าย
ต่อมาในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ทั้งนี้ สำหรับร้านค้าดังกล่าว มีไฟฟ้าส่องสว่าง และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากล้องวงจรปิด ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะหันไปอีกด้านหนึ่ง ภายหลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว
คนร้ายวางบึ้มตชด.ดับ2เจ็บ1
เวลา 09.30น.วันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 4412 สังกัด ฉก.ตชด.44 บริเวณโรงเรียนบ้านศรีท่าน้ำ ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บสาหัส 1 นาย เบื้องต้นทราบว่า ตชด.ทั้ง 2 นาย กำลังเดินทางกลับจากการตรวจสุขภาพ โดยใช้รถหุ้มเกราะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ถนนในหมู่บ้านศรีท่าน้ำ อ.ธารโต ได้ถูกคนร้ายกดชนวนระเบิดแสวงเครื่องจากถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม ที่ฝังไว้บนผิวถนน จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดส่งผลให้รถดังกล่าวพลิกคว่ำ พังเสียหายทั้งคัน ส่วน ตชด.เสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย ชุดสนับสนุนได้เร่งเข้าให้การช่วยเหลือนำส่ง รพ.ธารโต
สำหรับผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ ด.ต.อิศเรศ อินทรเพ็ชร , ส.ต.ท.มนต์พิทักษ์ เพชรนุ้ย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ ส.ต.ท.ภานุวัฒน์ เวชผสาร (พลขับ) ซึ่งแพทย์และพยาบาล รพ.ธารโต กำลังเร่งส่งต่อไปยัง รพ.ศูนย์ยะลา ทั้งนี้ คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ โดยก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรายวัน
‘ภูมิธรรม’เต้นสั่งปรับแผนเชิงรุก
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าได้มอบหมายให้ ผบ.ทบ.ปรับแผนทำงานเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งทั้งทหารและตำรวจ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยต่างๆ ในพื้นที่แล้ว สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ โดยให้รายงานความคืบหน้าและรายละเอียดเพิ่มเติมภายใน 7 วัน ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าภายใน 7 วัน ต้องจบ แต่ให้รายงานความคืบหน้าเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้หน่วยในพื้นที่ตื่นตัวในการปฏิบัติมากขึ้น หลังจากนี้ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าปัญหาชายแดนภาคใต้ มีข้อมูลจำนวนมากไม่ตรงกัน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง และยอมรับว่ารู้สึกร้อนใจ
ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก4จว.ใต้
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สั่งให้หาแนวทางยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ยืนยันว่า ครม.ยังไม่มีมติให้ยกเลิก เป็นเพียงข้อเสนอของภาคเอกชน ที่เห็นว่าสถานการณ์ปกติแล้ว เพื่อให้การทำกิจการค้าขายดีขึ้น และเมื่อกลับมามีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น จึงต้องทบทวนข้อเสนอใหม่ ทำให้การหารือที่นัดหมายไว้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องเลื่อนออกไปก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาในพื้นที่
นายกฯไทย-มาเลย์เร่งแก้ปัญหา
นายภูมิธรรมยอมรับว่า ได้พูดคุยปัญหานี้กับแม่ทัพภาคที่ 4 ผบช.ภ.9 และ ศอ.บต.เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา ยืนยันว่าการทำงานในพื้นที่ของทหาร-ตำรวจ ไม่มีช่องว่าง สำหรับความคืบหน้ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข หากชัดเจนว่าสามารถควบคุมเหตุรุนแรงได้ ก็จะมีการพูดคุย เบื้องต้นกำลังจะหารือกับผู้อำนวยความสะดวกที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตั้งขึ้น ตามที่นายกฯ ไทยและมาเลเซีย หารือกันก่อนหน้านี้ โดยทั้ง 2 ประเทศ จะเดินแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันอย่างเต็มที่
เปิดทางพูดคุยสันติสุขกับBRN
“ไทยต้องการพูดคุยกับผู้นำตัวจริงของกลุ่มบีอาร์เอ็น เท่านั้น ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่พบว่ากลุ่มนี้ไม่มีอำนาจในการหยุดยั้งสถานการณ์ โดยเฉพาะการกระทำที่รุนแรง เมื่อทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะคุยอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้เร่งประสานกับหลายฝ่าย ต้องพิจารณาว่ามีส่วนใดบ้างที่จะทำให้การพูดคุยบรรลุผล” นายภูมิธรรม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี