‘ผอ.กองคดีฮั้ว ดีเอสไอ’เผยวันนี้สอบปากคำพยาน 3 กลุ่ม-บริษัท อิตาเลียนไทยฯ กิจการร่วมค้า‘ไชน่า เรลเวย์ฯ’ไขปมสัญญาก่อสร้าง‘ตึก สตง.’ 7 พยานวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ถูกอ้างชื่อ-ปลอมลายเซ็น หลังพบเอกสารรายงานประจำสัปดาห์กว่า 20-30 สัปดาห์ กลุ่มบริษัทผู้ออกแบบชี้แจงการออกแบบ
29 เมษายน 2568 ที่ห้องประชุม กคร. หรือกองคดีฮั้วประมูล ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า วันนี้ตนจะมาแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีตึก สตง. ถล่ม ซึ่งในวันนี้ได้มีการนัดหมายวิศวกรภายใต้กิจการร่วมค้า PKW ที่มีรายชื่อเป็นผู้ควบคุมงานประจำสัปดาห์ ประมาณ 20-30 สัปดาห์ที่มีชื่อซ้ำๆของวิศวกรกลุ่มนี้ รวมจำนวน 51 ราย
พ.ต.ท.อมร กล่าวว่า โดยตอนนี้ได้ออกหนังสือเชิญแล้ว 40 ราย ส่วนสาเหตุว่าทำไมจึงออกหมายเรียกพยานเพียง 40 รายนั้น ก็เพราะว่าในการตรวจสอบ เราพบว่ามันมีชื่อที่ซ้ำกันหลายคนในใบ ท.ร.14 และเรายังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคนไหน เพราะยังไม่มีรายละเอียดเลขบัตรประจำตัวประชาชน จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบติดตาม ดังนั้นในบรรดา 40 หมายเรียกพยานวิศวกรที่เราออกไป เราจะสอบสวนปากคำวันละ 10 ราย นับตั้งแต่วันนี้เป็นไปต้นไป
ทั้งนี้ กรณี 10 รายล็อตแรกวันนี้ เรามีการแบ่งออกเป็น ช่วงเช้าสอบปากคำ 5 ราย และช่วงบ่าย 5 ราย แต่ปรากฏว่ามีวิศวกรคอนเฟิร์มมาเพียง 7 ราย ส่วนอีก 3 รายยังติดต่อไม่ได้ แต่เราก็อยู่ระหว่างติดต่อ เพราะว่าเราส่งหนังสือเชิญไปตามที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เเละติดต่อประสานไปยังหมายเลขโทรศัพท์ จึงได้ข้อสรุปว่าวันนี้จะมีการสอบสวนปากคำวิศวกร รอบเช้า 3 ราย และรอบบ่าย 4 รายนอกจากนี้ เรายังได้นัดหมายบริษัทอิตาเลียนไทยฯ มาให้ถ้อย คำในประเด็นที่บริษัทได้ประมูลรับงาน โดยจะสอบรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ เราจะมีการสอบสวนปากคำนายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการของบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด
พ.ต.ท.อมร เผยอีกว่า สำหรับประเด็นที่จะใช้สอบสวนวิศวกร จะมุ่งประเด็นไปที่การปรากฏชื่อเป็นผู้ควบคุมงาน มีลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานเป็นประจำสัปดาห์ในหลายๆสัปดาห์ เพื่อสอบถามว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง และได้ดำเนินการอย่างไรไปแล้วบ้าง จึงต้องสอบสวนปากคำก่อน เรายังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นการถูกปลอมและแอบอ้างชื่อทั้งหมดทุกคนหรือไม่ โดยเราจะให้วิศวกรได้ดูตัวอย่างลายเซ็นที่เจอในเอกสารด้วยว่าใช่ลายเซ็นของตนเองจริงหรือไม่
ส่วนกรณีเอกสาร 100 ลังที่ดีเอสไอ ได้ตรวจยึดจาก 26 ตู้คอนเทนเนอร์ภายในไซต์งาน สตง.มาเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.)นั้น เอกสารจะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน ดังนั้น ขั้นตอนถัดไปเราจะต้องมาคัดแยกเอกสารทั้งหมดก่อน ว่าเอกสารใดเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับสัญญา เอกสารแบบแปลน เอกสารด้านการเงิน เอกสารเกี่ยวกับวัสดุ เอกสารการสั่งซื้อ เป็นต้น เพราะวานนี้เราได้พบเอกสารการสั่งซื้อปูนบางส่วน จึงต้องเอาเอกสารทั้งหมดมาคัดแยก และคาดว่าภายในสัปดาห์นี้อาจจะได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองมาร่วมตรวจสอบเอกสารด้วย อะไรที่ไม่ใช่เอกสารที่เกี่ยวข้องก็จะได้คืนบริษัทไป แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องก็จะนำเป็นพยานหลักฐาน
พ.ต.ท.อมร เผยต่อว่า สำหรับการเชิญตัวแทนของบริษัทอิตาเลียนไทยฯ มาสอบปากคำวันนี้ เราจะสอบถามทั้งหมดทุกประเด็น เช่นการซื้อซอง การประมูลงาน การเป็นกิจการร่วมค้า การแบ่งงาน การดำเนินการก่อสร้างมีการแบ่งงานอย่างไรบ้าง รวมถึงเรื่องค่าตอบแทนมีการแบ่งกันอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ในการเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ
ทั้งนี้ ต้องเรียนว่าในเบื้องต้นตอนที่เขาทำบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ มีสัดส่วนคนไทย 51% ต่อคนต่างชาติถือหุ้น 49% แต่เราก็ได้ดำเนินคดีนอมินีไปส่วนหนึ่งแล้ว (3 นอมินีไทย และนายชวนหลิง จาง) ดังนั้น การเป็นกิจการร่วมค้าของทั้งคู่ ณ ขณะนั้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ อ้างว่าเป็นบริษัทไทย เพราะมารวมกับบริษัท อิตาเลียนไทยฯ แต่เราก็ต้องไปพิสูจน์ว่าบริษัทเป็นสัญชาติไทยจริงหรือไม่ จึงเกิดการดำเนินคดีนอมินีขึ้นมา
“สำหรับกรณีที่มีการประมูลได้งาน แต่ก็มีการไปจ้างผู้รับเหมาช่วงต่างนั้น ๆ ตนขอเรียนว่า ตอนประมูลหรือตอนรับงาน ตอนเซ็นสัญญา มันก็คือช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอได้งานมาแล้ว มันมีการรับเหมาช่วงหรือไม่ ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนนี้เราก็ต้องสอบสวนปากคำเช่นเดียวกัน” ผอ.กองคดีฮั้วประมูล ระบุ
พ.ต.ท.อมร เผยว่า กรณีกิจการร่วมค้า PKW ที่มีรายงานว่าไม่มีคุณสม บัติเข้าองค์ประกอบเป็นที่ปรึกษานั้น เรื่องนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่ามีความเป็นได้หรือไม่ที่บริษัทอิตาเลียนไทยฯ และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการได้งานโครงการของรัฐเพียงโครงการเดียว (โครงการก่อสร้างตึก สตง.) เพราะอาจมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันมานานนั้น พ.ต.ท.อมร ระบุว่า เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นที่เราจะใช้สอบถามเช่นเดียวกัน ส่วนหลังจากนี้ในบรรดาพยานที่ดีเอสไอสอบปากคำไป จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้ต้องหาหรือไม่นั้น ก็คงต้องดูข้อมูลก่อน เพราะตอนนี้เราเรียกมาสอบถามในฐานะพยาน จึงต้องดูเพื่อความรอบคอบทั้งหมด ต้องพิจารณาเนื้อหาคำให้การและเอกสารชี้แจง
พ.ต.ท.อมร ระบุด้วยว่า สำหรับการเตรียมสอบปากคำ นายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการบริษัท ไมนฮาร์ทฯ ในช่วงบ่ายวัยนี้ จะเกี่ยวข้องกับประเด็นการออกแบบตึก สตง. โดยเราจะไล่เรียงตั้งแต่ช่วงแรกของการรับงานมา เพราะตามข้อมูลทราบว่าบริษัทผู้ออก แบบมี 2 ราย คือ บริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัทไมนฮาร์ท(ประเทศไทย) จำกัด ส่วนการแก้ไขแบบทั้ง 9 ครั้งที่ดีเอสไอตรวจพบในเอกสารว่ามีปัญหาในการขอแก้ไขแบบครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 นั้น เรื่องนี้ในการออกแบบถือว่าเป็นช่วงต้น ส่วนการขอแก้ไขแบบมันเป็นช่วงการดำเนินการ แต่จะมีความเกี่ยวข้องหรือรู้อะไรกันอย่างไรบ้าง เราจะต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ กรณีของนายพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ดีเอสไอได้มีการสอบสวนปากคำไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นลายเซ็นของตนเองจริง แต่รายละเอียดเชิงลึกขอสงวนไว้ภายในสำนวน ซึ่งจากเดิมที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจำรายละเอียดไม่ได้ ก็เหมือนเป็นการที่เขาได้กลับไปทบทวน เขาก็เลยให้การว่าเกี่ยวข้องในบางส่วน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี