ซาเล้งพ่วงข้างขึ้นสะพานภูมิพล เครื่องดับก่อนจอดแอบข้างทาง พ่วง 22 ล้อเสยหงายท้อง กระเด็นทั้งรถทั้งคนดับสลด

30 เมษายน 2568 เมื่อวันที่ 29 เมษายน ร.ต.อ.สามารถ สัตยา พงส.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ซาเล้งพ่วงข้างมีผู้เสียชีวิต บริเวณทางขึ้นสะพานภูมิพล 1 หมู่ที่ 5 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตี๊ง

ที่เกิดเหตุบริเวณทางขึ้นสะพาน พบรถจักรยานยนต์ซาเล้งแบบพ่วงข้าง ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น RXS 115 สีแดง ทะเบียนกทม. ล้มคว่ำติดกับแท่งแบริเออร์ขอบสะพานในสภาพด้านท้ายรถพังยับเยิน ห่างกันเล็กน้อยพบผู้เสียชีวิตเป็นชายทราบชื่อภายหลัง นายพรชัย อายุ 52 ปี นั่งคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บนพื้นสะพาน สภาพศพสวมเสื้อกีฬาสีน้ำเงิน โดยมีผ้าเอี๊ยมกันเปื้อนสีดำคล้องที่ลำตัวอยู่ สวมกางเกงขาสามส่วนผ้าร่มสีกรมท่า รองเท้าแตะ มีบาดแผลฉกรรขนาดใหญ่ที่ใบหน้าข้างขวาจนลูกตาหลุดกระเด็นหาย มันสมองกระจายเกลื่อน

ห่างกันประมาณ 30 เมตร พบรถคู่กรณีเป็นรถยนต์บรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 71-5512 นครปฐม ท้ายพ่วง 70-9136 นครปฐม บรรทุกไม้อัดมาเต็มคัน จอดเปิดไฟฉุกเฉินชิดขอบทางด้านซ้าย

จากการสอบถาม นายพิชิต อายุ 37 ปี โชว์เฟอร์รถบรรทุก 22 ล้อให้การอ้างว่า ตนได้บรรทุกไม้อัดออกมาจากโรงงานใน จ.เพชรบุรี เพื่อจะไปส่งในท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้เส้นทางถนนระรามที่ 2 ก่อนลัดเลาะมาขึ้นสะพานภูมิพล เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตนได้วิ่งรถมาในเลนซ้ายสุดเห็นผู้ตายกำลังขี่รถจักรยานยนต์ซาเล้งพ่วงข้างขึ้นสะพาน แต่ตนคิดว่ารถของผู้ตายน่าจะขึ้นสะพานไม่ไหวแล้วเกิดเครื่องดับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ขับรถตามหลังและเร่งเครื่องเพื่อจะขึ้นสะพานพอดี

ตนพยายามหักหลบรถของผู้ตายแต่หลบไม่พ้นเพราะด้านขวามือรถตนมีรถโดยสารประจำทางและรถยนต์วิ่งแซงผ่านคู่รถของตน จึงทำให้ชนท้ายรถของผู้ตายอย่างจังจนรถและคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง หลังจากนั้นตนได้พยายามจอดรถชิดข้างทางแล้วรีบวิ่งลงมาดูพบว่าคนขับรถซางเล้งพ่วงข้างเสียชีวิตแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้เดินทางมาตรวจสอบ

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพพร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้น ก่อนเชิญตัว นายพิชิต โชว์เฟอร์รถบรรทุกพ่วง ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.พระประแดง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์ ก่อนติดตามญาติผู้เสียชีวิตให้เดินทางมาติดต่อขอรับศพเพื่อไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

.012